“จิรภพ ภูริเดช” ผบช.ก. พร้อมตำรวจ บก.ปอศ. แถลงผลงานเปิดปฏิบัติการล้างบางเครือข่ายนอมินีต่างชาติใน จ.ภูเก็ต ครั้งใหญ่ หลังชาวบ้านในพื้นที่ร้องเรียนนายกฯ “เศรษฐา” โดนรัสเซียหนีภัยสงครามจากบ้านเกิดแห่เข้ามาถือครองอสังหาริมทรัพย์ใน จ.ภูเก็ต ทำที่พักอาศัยราคาพุ่งสูงเกินเหตุ จับกุมชาวต่างชาติทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา 231 ราย ถือครองที่ดิน 43 แปลง ห้องชุด 196 ห้องและอื่นๆอีกหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท พบทั้งหมดมีสาวไทย-สาวรัสเซีย เป็นหัวโจกรับทำบัญชี-จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทหลบเลี่ยงกฎหมาย

ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 31 พ.ค. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.กริช วรทัต ผกก.4 บก.ปอศ. พ.ต.ท.รุตินันท์ สัตยาชัย สว.กก.4 บก.ปอศ. พ.ต.ท.เชาว์นวุฒิ เลียบมา สว.กก.4 บก.ปอศ. พ.ต.ท.สาธิต หาวงษ์ชัย สว.กก.4 บก.ปอศ. พ.ต.ต.วรวุฒิ คงรักษา สว.กก.4 บก.ปอศ. พ.ต.ต.ไตรรงค์ หน่วยตุ้ย สว.ประจำ บก.ปอศ. ร่วมกันแถลงข่าวผลปฏิบัติการ “CIB Operation Nominee Sweep” ล้างบางเครือข่ายนอมินีต่างชาติใน จ.ภูเก็ต จับกุมผู้ต้องหาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรวม 231 คน แบ่งเป็นในฐานะนิติบุคคล 96 ราย บุคคลธรรมดา 135 คน เป็นผู้ต้องหาชาวต่างชาติที่ประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนใหญ่เป็นชาวรัสเซีย 98 คน และผู้ต้องหาชาวไทยที่เป็นนอมินีให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวอีก 37 คน ของกลางสมุดบัญชีธนาคาร 225 เล่ม มียอดเงินหมุนเวียนสำหรับจัดตั้งบริษัท 318,967,824.43 บาท เอกสารการถือครองที่ดิน 245 รายการ จำแนกเป็นห้องชุด 196 ห้อง ราคาประเมินกว่า 1,000 ล้านบาท โฉนดที่ดิน 43 แปลง เนื้อที่ 24 ไร่ ราคาประเมินไม่รวมสิ่งปลูกสร้างกว่า 200 ล้านบาท หนังสือเดินทาง 196 เล่ม และอื่นๆ อีกหลายรายการ รวมมูลค่าของกลางที่ตรวจยึดได้กว่า 1,500 ล้านบาท

...

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้มีประชาชนใน จ.ภูเก็ต ยื่นเรื่องร้องเรียนถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่ามีชาวต่างชาติชาวรัสเซียเข้ามาประกอบธุรกิจและซื้อที่อยู่อาศัยจำนวนมาก จนทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เดือดร้อน เนื่องจากมูลค่าที่อยู่อาศัยสูงกว่าความเป็นจริง รวมทั้งเข้ามาทำธุรกิจแย่งอาชีพคนไทย อาทิ การท่องเที่ยว สร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจในวงกว้าง นายกรัฐมนตรีจึงสั่งการมายัง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รรท.ผบ.ตร. ก่อนมอบหมายให้ตำรวจ บช.ก.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ กระทั่งพบว่าช่วงเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน มีชาวรัสเซียเดินทางเข้ามาใน จ.ภูเก็ต มากถึง 59,717 คน มีการจดทะเบียนบริษัทสูงผิดปกติมากถึง 1,603 บริษัท

ต่อมาตรวจสอบพบนางยานา ลิริโอโนวา อายุ 45 ปี ชาวรัสเซีย เป็นผู้ต้องหารายสำคัญมีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นร่วมกับคนไทยในสัดส่วนที่น่าสงสัยมากถึง 9 บริษัท ถือว่าเป็นจำนวนสูงสุดลำดับที่ 1 ของชาวต่างชาติที่เข้ามาร่วมถือหุ้นกับคนไทยใน จ.ภูเก็ต เป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 7 บริษัท การบริการ 1 บริษัท นำเที่ยว 1 บริษัท รวมทุนจดทะเบียน 38 ล้านบาท ตรวจสอบพบถือครองอสังหาริมทรัพย์ ทั้งคอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์หรูใน จ.ภูเก็ต 3 โครงการ 176 ห้อง รวมมูลค่ากว่า 900 ล้านบาท มี น.ส.ตรีทิพ จันทร์กลับ อายุ 43 ปี นอมินีชาวไทย มีชื่อถือหุ้นร่วมและเป็นกรรมการ ผู้ถือหุ้นถึง 272 บริษัท แยกเป็นบริษัทที่คนไทยถือหุ้นทั้งหมด 142 บริษัท และบริษัทที่มีชาวต่างชาติถือหุ้นร่วมอยู่ด้วย 130 บริษัท รวมมูลค่า 268,300,863 บาท ชุดจับกุมจึงรวบรวมพยานหลักฐานก่อนเรียกตัว นางยานา ลิริโอโนวา และ น.ส.ตรีทิพ จันทร์กลับ มารับทราบข้อกล่าวหาที่ บก.ปอศ.เมื่อวันที่ 13 พ.ค. พร้อมตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจต่างๆของชาวต่างชาติ ก่อนนำกำลังกว่า 50 นายลงพื้นที่เปิดปฏิบัติการล้างบางตั้งแต่กลางเดือน พ.ค.

สำหรับ น.ส.ตรีทิพพบข้อมูลแรกเริ่มก่อตั้งบริษัทเมื่อ 13 มิ.ย.59 โดยรับทำบัญชีและจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทให้กับชาวต่างชาติ มีพนักงาน 22 คน โดย น.ส.ตรีทิพใช้ชื่อของตนเองและกลุ่มเครือญาติ ลูกจ้างของบริษัทเข้าไปถือหุ้นร่วมกับชาวต่างชาติตามสัดส่วน เพื่อหลบหลีกข้อกฎหมาย เบื้องต้นตรวจพบความเชื่อมโยงถึง 272 บริษัท โดยมีบริษัท 130 บริษัท ที่มีลักษณะเป็นบริษัทนอมินีของชาวต่างชาติ นอกจากนี้ น.ส.ตรีทิพจดทะเบียนบริษัทที่มีเฉพาะคนไทยถือหุ้นอีกจำนวน 142 บริษัท โดยไม่มีการประกอบธุรกิจแต่อย่างใด แต่เปิดไว้เพื่อใช้ในการขอวีซ่าธุรกิจ (Non B Visa) ใบอนุญาตทำงาน (work permit) และเพื่อขอเปิดบัญชีธนาคารตรวจสอบ พบชาวต่างชาติ 5 ราย เปิดบัญชีธนาคารเพื่อใช้ในการหลอกลวงคนไทยให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ผ่านระบบ รับแจ้งความออนไลน์ (Thai police online) ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว สอบสวน น.ส.ตรีทิพรับสารภาพได้ค่าจ้างจากการเป็นนอมินีบริษัทละ 3-5 หมื่นบาทต่อครั้ง

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ.ออกหมายเรียกผู้ต้องหาชาวต่างชาติให้มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 85 คน และจากการตรวจสอบพบความเกี่ยวข้องกับ 24 บริษัท มีการถือครองอสังหา ริมทรัพย์ 245 รายการ จำแนกเป็นห้องชุด 196 ห้อง เนื้อที่รวมประมาณ 10,500 ตารางเมตร โฉนดที่ดิน 43 แปลง เนื้อที่รวมกว่า 24 ไร่ ไม่รวมสิ่งปลูกสร้าง ราคาประเมินกว่า 1,200 ล้านบาท อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมถึงประเด็นการได้มา หากพบการได้มาซึ่งที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือมีการถือครองที่ดินแทนคนต่างด้าวจะเป็นความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จและข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่

...