“กองปราบปราม” เปิดปฏิบัติการเทคดาวน์มาเฟีย กวาดล้างอิทธิพลเถื่อนเมืองพัทลุง-สงขลา ซุ่มรวบรวมหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาจ้างวาน-ฆ่าทั้งขบวนการ 9 คน นำชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน กองปราบฯ บุกตลบมุ้งจับกุมกลุ่มหัวโจกครบ ทั้ง “เชษฐ์ ปาดัง” ผู้จ้างวาน “กำนันฑูรย์-สารวัตรปัญญา ย้อยอัด” คนรับงานจัดหามือปืนรวม 8 คน แต่ตัวมือปืน “ธีรพงษ์ หรือบอย หนูแทน” วิ่งหนีเข้าป่ารอดไปได้ หลังก่อเหตุวางแผนก่อเหตุใช้อาวุธสงครามดักยิงถล่ม “หมีขาว ป่าบอน” สมุนแป้ง นาโหนด ตายต่อหน้าเมีย เพราะไม่พอใจถูกตามทวงหนี้ไม่ให้เกียรติ

ตำรวจกองปราบปรามเปิดปฏิบัติการเทคดาวน์มาเฟีย กวาดล้างอิทธิพลเถื่อนเมืองพัทลุง-สงขลา เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 28 พ.ค. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. และ พ.ต.อ.ภัทรพล ปัทมวงศ์ ผกก.สสน.บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ ร่วมกับตำรวจ บช.ภ.9 กว่า 120 นาย เปิดปฏิบัติการเทคดาวน์ มาเฟีย (TAKEDOWN MAFIA) กวาดล้างอิทธิพลเถื่อนซุ้มมือปืนภาคใต้ บุกปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 15 จุดใน จ.สงขลา 10 จุด และ จ.พัทลุง 5 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีจ้างวานฆ่าจำนวน 9 หมายจับ

การปิดล้อมจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 ก.พ.มีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามทั้งเอ็ม 16 และอาก้า บุกยิงถล่มนายประศาล คงนุ่น ฉายาหมีขาว ป่าบอน อายุ 54 ปี อาชีพรับเหมาก่อสร้างจนเสียชีวิตต่อหน้านางนงค์ลักษณ์ หนูดวง อายุ 37 ปี ภรรยา เหตุเกิดบริเวณริมถนนในหมู่บ้านห้วยปลิง หมู่ 4 ต.หนองธง อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ก่อนแยกย้ายกันหลบหนี ต่อมานางนงค์ลักษณ์ ภรรยาผู้เสียชีวิตตัดสินใจเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจกองบังคับการ ปราบปราม (บก.ป.) ให้ช่วยติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดี เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล เกรงว่าตำรวจท้องที่จะไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นธรรม

...

เป้าหมายสำคัญจุดแรก พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน และ พ.ต.ท.วริศร มัจฉา รอง ผกก.6 บก.ป. นำกำลังกว่า 30 นาย พร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษหนุมาน กองปราบ เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 2113/22 หมู่ 6 ถนนลพบุรีราเมศวร์ ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ของนายกรรัก ก่อฤกษ์คณิน หรือเชษฐ์ ปาดัง อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2422/2567 ลงวันที่ 24 พ.ค.2567 ข้อหาร่วมกันใช้จ้างวานให้ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พบเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นรั้วรอบขอบชิด บนกำแพงปล่อยกระแสไฟป้องกันผู้บุกรุก มีกล้องวงจรปิดติดอยู่รอบบ้าน เจ้าหน้าที่ตะโกนเรียกแต่นายกรรักไม่ยอมออกมามอบตัว นำคีมตัดเหล็กขนาดใหญ่มาตัดกุญแจรั้ว นายกรรักจวนตัวรีบวิ่งออกมาเปิดประตูให้เข้าตรวจค้น พบปืนมีทะเบียนถูกต้อง 4 กระบอก เป็นปืนสั้น 2 กระบอก และปืนยาว 2 กระบอก สอบสวนนายกรรัก ให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่รู้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้น

จุดที่ 2 พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ รอง ผบก.ป. นำกำลังนำกำลังหนุมาน กองปราบเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 260 หมู่ 4 ต.ฝาละมี อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง บ้านของนายไพฑูรย์ ย้อยอัด หรือกำนันฑูรย์ อายุ 49 ปี หนึ่งในผู้ต้องหารายสำคัญ ทางการสืบสวนพบว่าเป็นผู้จัดหามือปืนมาก่อเหตุ พบนายไพฑูรย์ยังนอนหลับพักอยู่ภายในบ้าน จึงแสดงหมายจับเข้าควบคุมตัว พร้อมเข้าตรวจค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนจุดที่ 3 เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 264 หมู่ 4 ต.ฝาละมี อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง บ้านของ พ.ต.ท.ปัญญา ย้อยอัด สว. (สอบสวน) สภ.ปากพะยูน ญาตินายไพฑูรย์ หลังพบมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดหามือปืนเช่นกัน เมื่อไปถึงพบ พ.ต.ท.ปัญญา ยังหลับอยู่ภายในบ้าน บุกเข้าไปควบคุมตัวไว้ได้

ส่วนเป้าหมายสำคัญอีกจุดที่ จ.สงขลา พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ บุญทอง สว.กก.6 บก.ป. นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 144 หมู่ 7 ต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง จ.สงขลา ที่พักของนายธีรพงษ์ หรือบอย หนูแทน อายุ 34 ปี หัวหน้าแก๊งค่ายโคนายหัวบอย มือปืน และนายธีระพงศ์ หรือเอ็ม สงเคราะห์ อายุ 32 ปี คนขับรถพาไปก่อเหตุ เจ้าหน้าที่รอจนฟ้าสว่าง นำชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบกระจายกำลังเข้าปิดล้อมพื้นที่เนื่องจากบ้านติดกับแนวป่า แต่ผู้ต้องหาไหวตัวทันพากันวิ่งหลบหนีเข้าป่าไป เจ้าหน้าที่วิ่งไล่ล่าก่อนจับกุมนายธีระพงศ์ไว้ได้ ส่วนนายธีรพงษ์มือปืนอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไปได้ นำตัวนายธีระพงศ์ไปขยายผลตรวจยึดรถกระบะโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง ที่ใช้ก่อเหตุ จอดอยู่ที่อู่ซ่อมรถในพื้นที่ใกล้เคียง

พล.ต.ต.มนตรีกล่าวว่า หลังเกิดเหตุสั่งการให้ กก.6.บก.ป.จัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสกลุ่มคนร้าย จนทราบตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ ทั้งตัวผู้จ้างวาน คนรับงาน และกลุ่มมือปืน นำไปสู่การเปิดปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมผู้มีอิทธิพล มาเฟีย และมือปืนรับจ้างในพื้นที่ สำหรับนายประศาลผู้ตาย จากการตรวจสอบทราบว่า เป็นคนสนิทของ น.ช.เชาวลิต ทองด้วง หรือเสี่ยแป้ง นาโหนด ผู้ต้องหาหลายคดี ทั้งคดีปล้น คดีพยายามฆ่า คดีอาวุธปืน และยังเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ที่หลบหนีการควบคุมของราชทัณฑ์ออกนอกประเทศไปแล้ว ยังไม่สามารถติดตามตัวกลับมาดำเนินคดีได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนสาเหตุการสั่งฆ่า แนวทางสืบสวนพบว่าก่อนเกิดเหตุนายประศาล หรือหมีขาวป่าบอน รับงานเป็นคนกลางไปทวงเงินนายกรรัก หรือเชษฐ์ ปาดัง เลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ และที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการคนหนึ่งในสภา มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับนักการเมืองระดับประเทศ ระหว่างการทวงเงินทั้ง 2 ฝ่ายมีปากเสียงกัน สร้างความไม่พอใจให้นายกรรักเป็นอย่างมาก ติดต่อให้นายไพฑูรย์ ย้อยอัด หรือกำนันฑูรย์ คนสนิทไปจัดหามือปืนมารับงานสังหาร นายไพฑูรย์ให้ พ.ต.ท.ปัญญา ตํารวจในพื้นที่ จ.พัทลุง ลูกพี่ลูกน้องตัวเองจัดหามือปืนผ่านนายกิตติกร หนูแทน อายุ 23 ปีให้ช่วยจัดหามือปืนอีกทอดหนึ่ง ก่อนตัดสินใจว่าจ้างนายธีรพงษ์ หรือบอย หนูแทน หัวหน้าแก๊งค่ายโคนายหัวบอยพร้อมพวกมาก่อเหตุ

ด้าน พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป.เผยว่า สำหรับการปิดล้อมจับกุมเครือข่ายกลุ่มผู้ก่อเหตุฆ่านายประศาล หรือหมีขาว ป่าบอน ครั้งนี้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 8 จาก 9 คน ประกอบด้วย 1.นายกรรัก ก่อฤกษ์คณิน อายุ 43 ปี 2.นายไพฑูรย์ ย้อยอัด อายุ 49 ปี 3.พ.ต.ท.ปัญญา ย้อยอัด อายุ 43 ปี 4.นายกิตติกร หนูแทน อายุ 23 ปี 5.นายธีระพงศ์ สงเคราะห์ อายุ 32 ปี 6.นายนันทพงศ์ ศรียา อายุ 29 ปี 7.นายยุรนันท์ คงจินดามณี อายุ 36 ปี 8.นายนัฐพล ลอยลิบ อายุ 31 ปี ยกเว้นนายธีรพงษ์ หรือบอย หนูแทน มือปืนที่หลบหนีไปได้ นอกจากนี้ขณะปฏิบัติการ ชุดทำงานจับกุมนายนนทวัฒน์ ศรีมณี อายุ 27 ปีในความผิดซึ่งหน้า

...

“เบื้องต้นดำเนินคดีผู้ต้องหาที่ 1-4 ข้อหาร่วมกันใช้ จ้างวาน ให้ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2422-2425/2567 ตามลำดับ ส่วนผู้ต้องหาที่ 5-8 แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน ข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ข้อหาร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และข้อหาซ่องโจร ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2417-2421/2567 ทั้งหมดถูกควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.6 บก.ป.ดำเนินคดีพร้อมขยายผล ส่วนผู้ต้องหาคนทีี่่ 9 ถูกจับความผิดซึ่งหน้าข้อหาครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดี” ผกก.6 บก.ป.กล่าว

พ.ต.อ.พงศ์ปณตกล่าวด้วยว่า ปัญหากลุ่มอิทธิพล ใช้อำนาจในทางมิชอบ เป็นปัญหาที่อยู่คู่กับสังคมไทยมายาวนานทุกยุคทุกสมัย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.คำนึงถึงปัญหาผู้มีอิทธิพลเป็นอย่างมาก มีนโยบายปราบปรามอย่างจริงจัง พร้อมมาตรการทั้งเชิงรุกและเชิงรับ เก็บข้อมูลผู้มีอิทธิพลต่างๆ รวมถึง เครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากพบการกระทำความผิด ที่ชัดแจ้งจะติดตามจับกุมทันที เพื่อหยุดยั้งการเติบโตเป็นองค์กรอาชญากรรมในวันข้างหน้า

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่