"ป้าขายแซนวิชสุดทน" ร้องเพจสายไหม หลังกู้เงิน 1 หมื่น จ่ายดอก 12 ปี กว่า 2 ล้านบาท สุดโหดวันไหนไม่มีจ่าย ดอกทบต้นไปเรื่อยๆ
จากรณีที่เพจ "Survive-สายไหมต้องรอด" โพสต์ข้อความระบุว่า "รังสิต กู้เงิน 10,000 มาจ่ายค่าเทอมลูกตอน ป.1 ผ่านมา 12 ปี จ่ายดอกไปแล้ว 2.6 ล้าน วันไหนไม่มีเงิน ดอกก็จะทบต้นไปเรื่อยๆ โหดสลัดด!" ทั้งนี้ทางเพจฯได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมระบุว่า "แอดคะ ขออนุญาตสอบถามนะคะ คือตอนนี้แม่หนูเป็นหนี้นอกระบบมา 12 ปี แล้วค่ะ เริ่มจากการกู้เงินดอกลอย 10,000 บาท มาจ่ายค่าเทอมให้หนูตอน ป.1 ปัจจุบันหนูเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 แล้วค่ะ ระยะเวลาตลอด 12 ปี แม่ส่งดอกลอยมาตลอดค่ะ ดอกเบี้ย 100 ละ 10 ต่อวันค่ะ ถ้าวันไหนไม่มีเงินจ่ายดอก เจ้าหนี้ก็จะเอายอดที่ค้างดอกไปทบเป็นเงินต้น วนแบบนี้ไปเรื่อยๆๆๆ แม่ส่งดอกลอยไปทุกวันมาตลอดค่ะ จนตอนนี้แม่ส่งไม่ไหวแล้ว เจ้าหนี้บอกว่าวันนี้เงินต้นขยับไปที่ 280,000 บาทแล้ว (ดอกทบต้น ต้นทบดอก) ทั้งๆที่ยอดที่แม่ส่งไปเกินต้นไปมากแล้วค่ะ"
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 27 พ.ค.67 ที่ห้องประชุมชั้น 3 สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่เพจสายไหมต้องรอด ได้พา นางสาวทัศนีย์ ธัญญสมบูรณ์ผล อายุ 52 ปี แม่ค้าขายแซนวิช พร้อม นางวรัญญา สังสีศักดิ์ อายุ 38 ปี และนางสุมาพร เย็นภิญโญ อายุ 26 ปี ซึ่งทั้งสามเป็นลูกหนี้กับเจ้าหนี้คนเดียวกัน เพื่อเข้าพบกับ พ.ต.ต.วิชญะ พันธ์งาม สว.สส.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ และ นายสมยศ พลสว่าง ปลัดอำเภอธัญบุรี เพื่อพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
โดย นางสาวทัศนีย์ กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มตั้นเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ตนเริ่มกู้เงินมาจำนวน 10,000 บาท ส่งวันละ 400 บาท ไปเรื่อยๆวันไหนไม่มีก็ต้องไปกู้มาเพิ่ม ซึ่งมันก็เป็นการกู้มาแล้วจ่ายไปแบบนี้เรื่อยๆ จนถึงก่อนโควิดเขาก็บอกว่าเป็นหนี้ทั้งหมดรวม 200,000 บาท เราก็เลยบอกว่า 2 แสน ก็ 2 แสน เสร็จแล้วเขาก็เสนอดอกลอยมา ตนจึงตกลงจนกระทั้งมาถึงช่วงโควิดเขาก็ลดให้เหลือ 200 ก็ส่งมาได้ประมาณ 2 ปี และไม่พอใช้จึงไปเอามาอีก 8 หมื่นบาท จากนั้นก็ส่งวันละ 5 พันบ้าง 8 พันบ้าง หมื่นนึงบ้าง เพราะมีรายจ่ายเข้ามาเยอะจึงไปเอามา
...
"ผ่านไป 3 ปี หลังส่งวันละ 1,000 บาท เฉพาะดอกอย่างเดียว โดยไปกู้จากคนที่ชื่อเจ๊โอ พอตอนหลังตนส่งไม่ไหวจึงบอกเขาว่า เราขอหยุดส่งได้ไหม วันนี้เราหาไม่ได้เลย เราขอพักวันนึงได้ไหม ขายของไม่ดี เพราะขายได้วันละพันกว่าบาท ก็ต้องส่งเขา 1 พันบาท แล้วเราจะเอาทุนที่ไหนไปซื้อของขาย ซึ่งหยุดก็ไม่ได้ แล้วก็เลยพึ่งจะหยุดมาได้ประมาณ 2-3 วัน นี้เอง เพราะลูกหนี้อีก 2 คน ไม่ส่งเขาก็ให้เอามารวมกับตน เพราะตนเป็นคนแนะนำ 2 คนนี้ให้ ซึ่งเขาก็ให้เรารับผิดชอบ เขาก็จะพยายามมาพูดว่าถ้า 2 คนนั้นไม่ส่ง 2 ทุ่มพี่ต้องโอนให้นะ โดยยอดทั้งหมดตอนนี้ 280,000 บาทแล้ว ซึ่งเราจ่ายไปแล้ว 2 ล้านกว่า เรามีสลิปทั้งหมด หลังจากไปร้องเพจฯและมีข่าวออกไป เขาก็บอกว่าจะยกหนี้ทั้งหมดให้ ซึ่งเราก็รู้สึกโล่งเพราะมันหนักมาหลายปี ซึ่งเราหามาได้เท่าไรก็ต้องมาจ่ายเขาหมด ซึ่งเขาก็ไม่เคยมาด่ามาว่าเราเลย แต่เขากระตุ้นเราตลอดเวลาว่าต้องจ่ายนะ ต้องโอนนะถึงเวลาแล้วนะ เราก็ต้องโอน ซึ่งที่เราส่งไปเป็นดอกหมดเลย แต่ต้นก็ยังอยู่เหมือนเดิม" นางสาวทัศนีย์ กล่าว
ด้าน เจ้าหน้าที่เพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า ป้าไปกู้นอกระบบและจ่ายดอกมาแล้ว 12 ปี ยอดดอกเบี้ยที่ส่งไปโดยที่ไม่ได้มีการหักเงินต้นประมาณ 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งได้เดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือจากเพจ ซึ่งวันนี้ก็ได้พาผู้เสียหายไปพูดคุยกับทางเจ้าของเงินแล้ว ถือว่าเป็นข้อตกลงที่ดี คือเจ้าหน้าหนี้ยกหนี้ให้กับคุณป้าทั้งหมด โดยเงินที่ค้างกว่า 2 บาท เกิดจากการที่ป้าไปกู้ยอดแรกมา 10,000 บาท แล้วไม่มีดอกส่ง มันเลยทบต้นทบดอกจนกลายเป็นยอดกว่า 2 แสนบาท ในระยะเวลา 12 ปี แต่ดอกเบี้ยที่คุณป้าส่งไปนั้น เป็นเงินกว่า 2 ล้านบาท มีสลิปยืนยันชัดเจน วันนี้ก็ถือว่าขอบคุณเจ้าหน้าหนี้ ส่วนเรื่องกระบวนการก็ต้องส่งมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้จัดการ ส่วนในอีก 2 ราย ที่มาด้วยนั้น ก็เป็นลูกหนี้เจ้าเดียวกัน ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนของการเจรจา ก็คงต้องมอบหมายให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบไปดูแลต่อไป
ด้าน นายสมยศ พลสว่าง ปลัดอำเภอธัญบุรี กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย (มท.) ซึ่งที่ทุกท่านทราบคือเรื่องการรับลงทะเบียนเสร็จแล้ว ทางอำเภอก็จะมีข้อมูล แล้วจะเชิญผู้ที่ลงทะเบียนมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า รายละเอียดเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าหนี้เป็นใคร พอได้ข้อมูลต่างๆครบถ้วน ทางเราก็จะเชิญทั้ง 2 ฝ่าย มาทำการไกล่เกลี่ยกันตามอำเภอต่างๆที่ไปทำเรื่องไว้ เมื่อทำการไกล่เกลี่ยแล้วได้ข้อตกลง ก็จะทำการบันทึกไว้ว่ายุติปัญหา ถ้าเกิดว่าถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็จะต้องเป็นเรื่องของการฟ้องร้องกันตามกระบวนการของกฎหมาย โดยทางคุณป้ามาทำการลงทะเบียนไว้กับทางอำเภอแล้ว ซึ่งทางอำเภอได้มีหนังสือไป แต่ทางคุณป้าไม่ยอมมา ก็เลยไม่ได้มีการดำเนินการต่อ ส่วนอีก 2 ท่าน ที่มาด้วยกันในวันนี้ ยังไม่ได้มาลงทะเบียนไว้ โดยทางอำเภอธัญบุรีมีผู้มาลงทะเบียนประมาณกว่า 400 คน ซึ่งทางอำเภอก็ได้ติดต่อกลับไปเพื่อทำตามกระบวนการ แต่ปัญหาที่พบจะมีลูกหนี้บ้างที่ไม่มาให้ข้อมูล และปัญหาส่วนใหญ่คือทางเจ้าหนี้ไม่ยอมมาพบ ทางเราก็ทำอะไรต่อไม่ได้ ซึ่งตอนนี้แก้ปัญหาไปได้แล้วจำนวน 17 เคส ที่มาให้ความร่วมมือไกล่เกลี่ย
"ปัญหาที่เจอในนโยบายแก้หนี้ คือ ปัญหาจากความร่วมมือของทางเจ้าหนี้และลูกหนี้ เพราะขั้นตอนเริ่มต้นลูกหนี้ต้องมาให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ บางรายมาเราก็จะดำเนินการได้ แต่ส่วนใหญ่เจ้าหนี้จะไม่ค่อยมา แต่ก็จะมีเคสที่ลูกหนี้ไม่ยอมมาให้ข้อมูลเหมือนกัน ซึ่งทางเราก็ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไม่ได้ ซึ่งทางอำเภอมีหน้าที่แค่เชิญให้เจ้าหนี้กับลูกหนี้มาไกล่เกลี่ยกัน ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเราไม่มีอำนาจไปบังคับเขา" ปลัดอำเภอธัญบุรี กล่าว
ด้าน พ.ต.ต.วิชญะ พันธ์งาม สว.สส.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า ตอนนี้ที่ได้รับทราบ ทางเจ้าหนี้ได้ติดต่อมาเพื่อยกหนี้ให้กับทางคุณป้า คือ ตกลงยอมไกล่เกลี่ยยกมูลหนี้ให้กับคุณป้า ซึ่งอันนี้ก็เป็นแนวทางที่ดี ซึ่งในส่วนอีก 2 รายในเรื่องของมูลหนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ทราบข้อมูล และข้อเท็จจริงบางอย่างที่กระจ่างกว่านี้ แต่เบื้องต้นก็จะเรียกทางลูกหนี้ทั้ง 2 ราย เข้ามาสอบถาม และสอบปากคำเพิ่มเติมว่า ไปกู้หนี้ที่ไหนและยอดหนี้เท่าไร จากนั้นจะเรียกเจ้าหนี้มาพูดคุยอีกที แเพื่อหาแนวทางออกไปทางไหนได้บ้าง ต้องพอใจทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งทางเจ้าหนี้และทางลูกหนี้ และจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนกรณีที่มีการมาปล่อยดอกเบี้ย เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อดำเนินการทางกฎหมายกับเจ้าหนี้ต่อไป
...