ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดนครสวรรค์ แกะรอยตามรวบ "รุต นครสวรรค์" เซียนพระชื่อดัง พร้อมภรรยา ตามหมายจับคดี พ.ร.บ.เช็ค แฉเป็นคดีจ่ายเช็ค 38 ใบ ตกลงเอาพระเครื่องของผู้เสียหาย จำนวน 564 องค์ มูลค่า 380 ล้านบาท ไปปล่อยเช่าบูชา แต่เช็คเด้งทั้งหมด แถมมีประวัติเอาพระเก๊ พระปลอมมาหลอกจำนำ โดยอ้างว่าเป็นพระแท้
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2567 ที่จังหวัดนครสวรรค์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดนครสวรรค์ (ภ.จว.นครสวรรค์) แกะรอยตามจับ นายธนพล คำภิรานนท์ หรือที่วงการเซียนพระเรียกว่า รุต นครสวรรค์ อดีตหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินพระของสมาคมพระเครื่องไทย พร้อมด้วย นางอมรรัตน์ คำภิรานนท์ ภรรยา ได้ที่จังหวัดเชียงราย หลังหนีคดี พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานฉ้อโกง และร่วมกันยักยอก ร่วมกันฉ้อโกง ตามหมายศาลแขวงนครสวรรค์ และศาลแขวงนนทบุรี เมื่อเดือนมีนาคม และเดือนเมษายนที่ผ่านมา
โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดนครสวรรค์ได้นำตัวสองสามี-ภรรยา มาส่งตัวให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ เพื่อเตรียมส่งศาลแขวงนครสวรรค์ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ซึ่งเมื่อ นายธนพล ได้มาถึงสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ มีเซียนพระคนหนึ่งได้ปรี่เข้าหา นายรุต พร้อมกับทวงถามเรื่องพระเครื่อง จำนวน 564 องค์ เป็นเงินรวม 380 ล้านบาท ที่นายรุตเอาไป แต่กลับเอาเช็คเปล่าใบละ 10 ล้านบาท จำนวน 38 ใบ มาให้แทน ขณะที่ นายรุต บอกว่ายอมรับผิด แต่จะไม่ขอพูดเรื่องจะคืนพระ หรือจะคืนเงินที่นำพระไปปล่อยเช่าแต่อย่างใด
...
นายบุญยืน (ขอสงวนนามสกุล) นักธุรกิจผู้เสียหาย บอกว่า รู้จักกับนายรุต ในฐานะวงการพระเครื่อง ซึ่งตัวนายรุตเองเคยมีตำแหน่งในวงการฯ ที่น่าเชื่อถือ แต่ตัวนายรุตได้ก่อเรื่องไปทั่วจนมีการแจ้งความเกิดขึ้นในหลายท้องที่ ซึ่งตนเองก็เคยโดนนายรุตเอาพระเก๊พระปลอมมาหลอกจำนำ โดยอ้างว่าเป็นพระแท้ พอเมื่อไปเช็กหลายๆ ที่ก็ทราบว่าเป็นพระปลอม จนมีการแจ้งความกันเกิดขึ้น แต่ทางนายรุตก็ยังไม่ชดใช้เงินคืนแต่อย่างใด จนได้ข้อตกลงกันว่านายรุตจะนำพระเครื่องของตนเอง จำนวน 564 องค์ มูลค่า 380 ล้านบาท ไปปล่อยบูชา แต่เมื่อนายรุตปล่อยพระบูชาได้แล้วก็ไม่นำเงินมาให้แต่อย่างใด จนมีการแจ้งความอีกครั้ง ซึ่งในวันขึ้นศาล ตัวนายรุตก็หลบหนีไม่ยอมมาขึ้นศาลด้วย
ล่าสุด เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชัยพฤกษ์ จังหวัดนนทบุรี ได้เดินทางมาขออายัดตัว นางอมรรัตน์ คำภิรานนท์ เพื่อไปดำเนินคดีในท้องที่ตามหมายจับในคดี พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานฉ้อโกง.