สืบภาค 2-สภ.ระเบาะไผ่ แกะรอยล่าคนร้ายยิงโหด ดาบตำรวจ-เมียสาวชาวลาว ซึ่งท้องแก่ 6 เดือน ดับคารถกระบะกลางป่าไร่มัน ขณะนี้รู้ตัวแล้ว อยู่ระหว่างหลบหนี นำขยายผลจนตรวจยึดอาวุธปืนเครื่องกระสุน ขณะที่ ผกก.สภ.ระเบาะไผ่ ยืนยัน ดาบโก้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายน้ำมันเถื่อน
เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 67 ตำรวจสืบสวนภาค 2 และชุดสืบสวน สภ.ระเบาะไผ่ ได้คุมตัวนายธรรมรัตน์ ภูมิมา และนายพิชิตพงศ์ ภู่มาลา ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์มาทำการสอบสวนขยายผลทราบว่า ผู้ก่อเหตุที่ใช้อาวุธปืนยิง ด.ต.สกล และภรรยา เสียชีวิตนั่นคือ นายชัยวิชิต ภู่มาลา ซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนี รวมทั้งได้ขยายผลไปทำการตรวจยึด 1. อาวุธปืนยาวเอเค 47 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 2. อาวุธปืนพกสั้นขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 3. อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 ยี่ห้อซิกซาวเออร์ พร้อมเครื่องกระสุน 4. ลูกระเบิดขว้างสังหารจำนวน 1 ลูก 5. อาวุธปืนยาวอัดลมจำนวน 2 กระบอก ตรวจยึดได้บริเวณ ป่าหลังบ้านของนายชัยวิชิต โดยบุคคลทั้งสองให้การว่าในขณะที่ตนและนายชัยวิชิตกำลังซื้อน้ำมันอยู่บริเวณป่าริมถนนได้มี ด.ต.สกล พร้อมภรรยาได้เข้ามาที่เกิดเหตุ ก่อนทั้งคู่มีปากเสียงกัน นายชัยวิชิตจึงใช้อาวุธปืนยิง ด.ต.สกลและภรรยาจนเสียชีวิต แล้วนำศพไปทิ้งพร้อมกับรถของ ด.ต.สกล ในป่าห่างจากจุดยิงประมาณ 3 กิโลเมตร
ขณะนี้ได้ส่งตัวพยานทั้ง 2 คน ให้กับ พงส.เพื่อดำเนินการต่อไป และในวันพรุ่งนี้ได้นัดหมายกับชุดสืบสวนภาค 2 และชุดสืบสวนระเบาะไผ่ เข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม
ต่อมาเมื่อเวลา 08.50 น. นางแก่นจัน พลเยี่ยม อายุ 52 ปี แม่ของนางสาวแล็ค พร้อมพ่อ และครอบครัว ได้เดินทางมาที่ สภ.ระเบาะไผ่ โดยหลังจากที่นั่งแก่นจันทร์ได้เดินไปดูรถคันที่ลูกสาวพร้อมกับลูกเขยเดินทางมาและถูกกระหน่ำยิง ได้ร้องไห้โฮพร้อมทั้งเรียกชื่อลูกสาวว่าให้กลับบ้านเรา
...
จากการสอบถาม นางแก่นจัน พลเยี่ยม กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ตอน 4 โมง โดยเป็นเพื่อนทางลูกสาวโทรบอกว่าพี่โก้ถูกยิง แต่ไม่ได้บอกว่าลูกสาวของตัวถูกยิงด้วย แต่จริงๆ คนที่โทรมาบอกนั้นเขาทราบอยู่แล้วว่าลูกสาวตัวนั้นถูกยิงและเสียชีวิตภายในรถ ในใจลึกๆ ของตนก็รู้อยู่แล้วว่าลูกสาวน่าจะเสียชีวิตเพราะเขาจะไปไหนมาไหนกับแฟนเขาตลอด ตนออกเดินทางจากเวียงจันทร์มาถึงหนองคายตอนประมาณ 5 โมงเย็น จากนั้นได้ขึ้นรถทัวร์มาถึงโคราชตอนตีหนึ่ง มาถึง บขส.กบินทร์ ตอน 06.00 น. ซึ่งอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาให้ได้โดยเร็ว และอยากจะถามคนลงมือว่าทำไปเพราะอะไร เพราะลูกสาวตนก็ท้องได้ 6 เดือนกว่า และตอนที่ตนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
พ.ต.อ.สุรพล เทพเสน ผกก.สภ.ระเบาะไผ่ ได้ให้ข้อมูลว่า กรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นกรณีซึ่งหน้า ซึ่งทางดาบโก้ได้มาเยี่ยมเพื่อนตำรวจที่ สภ.ระเบาะไผ่ ในวันที่ 11 พ.ค. และขอตัวแยกย้ายในช่วงก่อนเที่ยงเพื่อจะไปทานข้าว คาดว่าดาบโก้จะไปพบการกระทำผิดเกี่ยวกับการดูดน้ำมัน จึงได้แสดงตัวและให้ภรรยา ส่งพิกัดให้กับเพื่อนที่สนิทที่เป็นตำรวจด้วยกันใน สภ.ระเบาะไผ่ เนื่องจากในพื้นที่ของ สภ.ระเบาะไผ่นั้นการแจ้งพิกัดมีการคาดเคลื่อนทำให้จุดที่แจ้งนั้นห่างจากจุดพบศพประมาณ 3 กิโลเมตร โดยทางตนขอชื่นชมดาบโก้ ซึ่งมีสัญชาตญาณการเป็นตำรวจพบการกระทำผิด แม้ไม่ใช่พื้นที่ของตนก็ยังปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจอย่างดีเยี่ยม
เบื้องต้นทางด้านชุดสืบสวนสอบสวนของ สภ.ระเบาะไผ่ ได้ทำการเชิญตัวพยานมาสอบสวน จึงได้ข้อมูลของกลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นที่เรียบร้อย โดยในขณะนี้นั้น ทางเจ้าหน้าที่พอทราบกลุ่มผู้ก่อเหตุและได้นำตัวมาสอบสวนเป็นที่เรียบร้อย เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นคนในพื้นที่ทั้งหมด
"ขอยืนยันว่าดาบโก้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายน้ำมันเถื่อน หรือรับส่วยน้ำมัน ที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ อย่างแน่นอน เพราะว่าดาบโก้นั้นได้ย้ายออกจากพื้นที่ไปกว่า 2 ปีแล้ว และทางเจ้าหน้าที่ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว ตอนนี้กำลังเร่งติดตามจับกุมตัว" ผกก.สภ.ระเบาะไผ่ กล่าว