สืบสวนนครบาลบุกรวบ “บังมีน พระราม 3” ภัยร้ายสาวเอ็น หลังหนีไปกบดานเมืองมะขามหวาน แฉพฤติกรรมแสบปลอมไลน์เป็นโมเดลลิ่งสาวสองลวงเด็กเอ็นมาดูแลลูกค้า เหยื่อหลงกลมาตามนัดจะเปลี่ยนบทเป็นลูกค้าฟอร์มเสี่ย แต่หน่วงเหนี่ยวจ่ายเงินอ้างจนกว่าจะมีเพศสัมพันธ์ จากนั้นฉวยจังหวะฉกทรัพย์สินแล้วหลบหนีหรือหลอกพาทิ้งไว้ตามสถานที่ต่างๆ เผยมีเหยื่อสาวเอ็นโดนลวงบำเรอกามอื้อแต่อับอายไม่กล้าแจ้งความ ด้านเจ้าตัวอ้างตกใจข่าวที่ว่าข่มขืนเป็นร้อยเลยหลบหนี และไม่ได้ส่งภาพปืนท้าทายตำรวจด้วย ด้านผู้การจ๋อเผยหลังจับกุมมีสาวเอ็นเกือบ 30 คนเข้าให้ข้อมูลพฤติกรรมภัยสังคมแล้ว

สืบนครบาลรวบ “บังมีน พระราม 3” ภัยร้ายสาวเอ็น เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 9 พ.ค. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกก.สส บก.น.5 พ.ต.ต. ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช. น. พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้ว สว.ฝอ.บก.สส.บช.น.นำกำลังจับกุมนายกิตติกร โต๊ะยีหวัง หรือบังมีนพระราม 3 อายุ 33 ปี ชาว จ.นนทบุรี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ลงวันที่ 7 พ.ค.67 ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไปและเพื่อให้พ้นการจับกุม จับได้ที่ห้องพักเลขที่ 59/9 หอพักบ้านโสภี ม.8 ต.สะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์

สืบเนื่องจากมีคนร้ายแฝงตัวอยู่ในกลุ่มไลน์ของเหล่าเด็กสาวเอ็นเตอร์เทน จากนั้นจะปลอมเป็นโมเดลลิ่งสาวสอง ทำทีทักแชตไปหาสาวเอ็นว่ามี “ลูกค้ารวย” หากสนใจจะนัดหมายให้มาพบตามสถานที่ย่าน “พระราม 3” แต่เมื่อถึงจุดนัดพบ ผู้ต้องหาจะเปลี่ยนจากโมเดลลิ่งสาวสองในแชตไลน์ปลอมตัวเป็น “ลูกค้า” โอ้อวดว่าเป็นเสี่ย และต่อรอง “ไม่จ่ายเงิน” จนกว่าจะมีเพศสัมพันธ์ บางรายถูก บังคับให้สไลด์หนอนให้ตลอดทางไปที่พัก และมีเพศสัมพันธ์รุนแรงหลายครั้ง บางรายทนไม่ไหวจะถูกข่มขู่ว่ามีอาวุธปืนทำให้เหยื่อกลัวและจำยอม สุดท้ายแอบฉกเงินสดที่เหยื่อเบิกมา บางรายถูกลวงให้ไปซื้อของแล้วปล่อยเหยื่อรอเก้อแล้วหายตัว เสียทั้งตัวและเสียทั้งเงิน

...

มีรายงานว่า จากแนวทางการสืบสวนมีสาวเอ็นตกเป็นเหยื่อคนร้ายรายนี้ไม่ต่ำกว่า 50 ราย แต่เกือบทั้งหมดไม่กล้าแจ้งความดำเนินคดีเพราะอับอาย รวมทั้งถูกข่มขู่ว่าจะปล่อยคลิปลับ แต่ล่าสุดมีเหยื่อสาว 2 ราย ขอความช่วยเหลือเพจสายไหมต้องรอด ประสาน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก. สส.บช.น.พาเข้าแจ้งความ สน. ทุ่งมหาเมฆ รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับนายกิตติกร โต๊ะยีหวัง หรือบังมีนพระราม 3 อายุ 33 ปี

จากนั้น พล.ต.ต.ธีรเดช ส่ง พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น.นำกำลังลงพื้นที่หาเบาะแสและเข้าตรวจค้นที่ร้านขายขนมแห่งหนึ่งในซอยเจริญราษฎร์ 7 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม.ซึ่งผู้ต้องหาชอบมามั่วสุม พบอุปกรณ์การผลิตและน้ำกระท่อมสำเร็จรูปจำนวนมากแต่ไม่พบตัว ขณะเดียวกัน นายกิตติกรทราบว่ามีชุดสืบสวนนครบาลบุกมาจับกุม เลยส่งข้อความไลน์มาให้คนสนิทที่ส่งข่าวว่า “เดี๋ยวไปมอบเอง ไม่ต้องหา จ้งแจ๊ะไรก็หากูไม่เจอหรอก” พร้อมส่งภาพปืนลูกโม่แนบมาด้วยเสมือนเป็นการท้าทายชุดสืบสวน สุดท้ายนายกิตติกรถูกจับได้ขณะไปกบดานอยู่กับเพื่อนที่ จ.เพชรบูรณ์ขณะกำลังมั่วสาวอยู่ในห้องเดียวกันกับเพื่อน

เบื้องต้นนายกิตติกรรับว่าเคยถูกจับกุมเมื่อวันที่ 9 พ.ย.59 ข้อหาจำหน่ายยาเสพติด พ้นโทษวันที่ 24 พ.ค.62 หาเลี้ยงชีพด้วยการขับรถรับจ้างและเป็นไรเดอร์รับส่งอาหาร ระหว่างนั้นมีโอกาสทำงานให้กับโมเดลลิ่งหญิงคนหนึ่งและทำงานร่วมกับโมเดลลิ่งหญิงคนดังกล่าวหลายปี ก่อนแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มไลน์ปลอมตัวเป็นโมเดลลิ่งรับจัดหาเด็ก

เอ็นเตอร์เทนไปดูแลลูกค้าอ้างเป็นสาวประเภทสอง หลังจากพูดคุยรายละเอียดงานกับเด็กเอ็นในฐานะโมเดลลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะใช้บัญชีไลน์อีกบัญชีหนึ่งแอบอ้างเป็นลูกค้านัดเจอกับเด็กเอ็นเสียเอง ทำเช่นนี้มาประมาณ 8 คน แต่ไม่ได้ขโมยเงินหรือข่มขืนตามที่เป็นข่าวว่า ลักทรัพย์ผู้เสียหายและหลอกผู้เสียหายไปข่มขืนเป็น 100 ราย ตกใจข่าวหนีมาอาศัยอยู่กับญาติที่ จ.เพชรบูรณ์ ก่อนถูกจับ ส่วนเรื่องส่งภาพปืนไปให้เพราะส่งผิด ไม่ได้ท้าทายตำรวจ แค่เป็นการพูดตัดบท จากนั้นนำตัวนายกิตติกรส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ดำเนินคดีต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ นอกจากได้ตัว บังมีนพระราม 3 แล้ว ยังจับกุมวัยรุ่นที่ร่วมให้พักพิงและมีการครอบครองอาวุธปืน ได้ส่งตัวให้พนักงานสอบสวนจังหวัดเพชรบูรณ์เรียบร้อย ขณะนี้มีผู้เสียหายเป็นหญิงกว่า 30 ราย ติดต่อเข้ามาให้ข้อมูลที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษและให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับพฤติการณ์บังมีนพระราม 3 โดยจะนำข้อมูลทั้งหมดส่งให้ สน.ทุ่งมหาเมฆ ดำเนินการต่อไป

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่