ตำรวจไซเบอร์จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขบวนการหลอกติดตั้งแอปฯ การไฟฟ้าปลอม ดูดเงินเหยื่อจนเกลี้ยงบัญชี สอบสวนยอมรับร่วมแก๊งคอลฯ ฝั่งปอยเปตมานานกว่า 1 ปี หลอกเหยื่อได้ส่วนแบ่ง 10-20 เปอร์เซ็นต์จากยอดที่หลอกได้

เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 67 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5, พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก.1 บก.สอท.5 และ ร.ต.อ.ขวัญชัย ปานคง รอง สว.กก.1 บก.สอท.5 จับกุมตัว นายศุภฤทธิ์ กิจนาเรือง อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 595/2566 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 ในความผิด "ร่วมกันลักทรัพย์, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน, ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ และเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่น, ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และเป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นใดแทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสด" โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณขาเข้าจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทราบว่า นายศุภฤทธิ์ เป็นหนึ่งในขบวนการหลอกติดต้อง App การไฟฟ้าปลอม ดูดเงินเหยื่อจนเกลี้ยงบัญชีหลายราย จึงได้สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และขออนุมัติศาลออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งทำหน้าที่ต่างๆ หลายหน้าที่ในขบวนการ และทางเจ้าหน้าที่สามารถจับคนร้ายที่เกี่ยวข้องได้ส่วนหนึ่ง ต่อมาทราบว่า นายศุภฤทธิ์ เดินทางกลับมาจากปอยเปต กัมพูชา ผ่านด่าน ตม.สระแก้ว จึงเข้าจับกุมตัว

...

จากการสอบสวน นายศุภฤทธิ์ ให้การยอมรับว่า ตนเป็นบุคคลตามหมายจับจริง เคยทำงานให้กับกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งปอยเปตมากว่า 1 ปี โดยทำหน้าที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า โทรติดต่อหลอกเหยื่อในสายที่ 1 และหน้าที่อื่นอีกหลายหน้าที่ โดยได้ส่วนแบ่งในการหลอก 10-20 เปอร์เซ็นต์ จากยอดที่หลอกได้ และตลอดกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ทำงานให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้ส่วนแบ่งมากว่า 5 แสนบาท ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.5 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป