โฆษกอัยการสูงสุดเผยอัยการ รับดำเนินคดีอาญาฟ้อง “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กับพวก รวม 8 คน ตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในความผิด ม. 157 และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เปลี่ยนแปลงสำนวนลดความเร็วรถ เพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหา นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ขับรถซุปเปอร์คาร์ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ จร.สน.ทองหล่อ เสียชีวิต ทั้ง “เนตร นาคสุข” อดีต รอง อสส. อดีตผู้การ พฐ. “วิรดล ทับทิมดี” พนักงานสอบสวนโดนด้วย เตรียมส่งผู้ต้องหาทั้งหมดไปสำนักงาน คดีปราบปรามการทุจริต ฟ้องคดีภายในอายุความต่อไป

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ถนนแจ้งวัฒนะ กทม. วันที่ 27 ก.พ. นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษก สำนักงานอัยการสูงสุด นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ นายณรงค์ ศรีระสันต์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวในคดีที่อัยการสูงสุดรับดำเนินคดีอาญาฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 กับพวก รวม 8 คน ตามมติสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ในคดีเปลี่ยนแปลงสำนวนลดความเร็วรถเพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหา นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ขับรถซุปเปอร์คาร์ ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจจราจร สน.ทองหล่อ เสียชีวิตท้องที่ สน.ทองหล่อ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ก.ย.55

นายประยุทธกล่าวว่า ตามที่ ป.ป.ช.มีหนังสือถึง อัยการสูงสุด แจ้งมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ขอให้ ดำเนินคดีอาญาฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 พล.ต.ท.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 นายเนตร นาคสุข ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9 นายธนิต บัวเขียว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 12 นายชูชัย หรือพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 13 รองศาสตราจารย์ ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 19 วันนี้อัยการสูงสุดได้พิจารณาสำนวนคดีดังกล่าวแล้ว มีคำสั่งรับดำเนินคดีอาญาฟ้องผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 8 คน ตามมติของคณะ กรรมการ ป.ป.ช. ดังนี้

...

โฆษก อสส. กล่าวว่า อสส.รับดำเนินคดี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมาธิการ ในคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบก. กองพิสูจน์หลักฐาน ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา หรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการ หรือ ไม่กระทำการอย่างใดๆในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่ง หรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม ป.อาญา มาตรา 83, 86, 157, 200 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 65 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172

“รับดำเนินคดี พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี เมื่อครั้ง ดำรงตำแหน่งพนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ทองหล่อ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ฐานเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา หรือจัดการ ให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการ อย่างใดๆในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตาม ป.อาญา มาตรา 83, 157, 200 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 65 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172” โฆษก อสส.กล่าว

นายประยุทธกล่าวต่อว่า นายเนตร นาคสุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอัยการสูงสุด รับดำเนินคดีฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, ฐานเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา หรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการ หรือไม่กระทำ การอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะ ช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษ หรือให้รับโทษ น้อยลง และฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่ง หรือหน้าที่ หรือ ใช้อำนาจในตำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตาม ป.อาญา มาตรา 157, 200 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172

โฆษกอัยการสูงสุด กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ รับดำเนินคดี นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม พนักงานอัยการ นายธนิต บัวเขียว นายชูชัย หรือพิชัย เลิศพงศ์อดิศร และรองศาสตราจารย์ ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา หรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการ หรือไม่กระทำการอย่างใด ๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง และฐานเป็น ผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการ ปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยทุจริต ตาม ป.อาญา มาตรา 86, 157, 200 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 65 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172

...

ทั้งนี้ อัยการสูงสุดมอบหมายให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต เป็นผู้ฟ้องและดำเนินคดี ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 8 คน แทนอัยการสูงสุด และให้แจ้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบ ดำเนินการส่งผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งรับดำเนินคดีฟ้อง ไปยังสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต เพื่อฟ้องคดีภายในอายุความตามกฎหมายต่อไป

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่