"เจ๋ง ดอกจิก" เข้าพบพนักงานสอบสวนครั้งแรก หลังได้ประกันตัว ยืนยันเป็นผู้บริสุทธิ์ ลั่นไม่หนักใจ ไม่เกี่ยวข้องแก๊งตบทรัพย์ เผยช่วงที่ผ่านมาเข้าวัดปฏิบัติธรรมปิดวาจา ไม่ได้พบใคร รวมถึงศรีสุวรรณ เพราะอับอายถูกสังคมตัดสิน ด้านทนายหวั่นตำรวจทำคดีล่าช้า

ความคืบหน้าคดีแก๊งตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว ล่าสุดวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ กองบังงคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก พร้อมด้วย น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ หรือการ์ตูน อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรครวมไทยสร้างชาติ และนายไตรศักดิ์ ทองไสว ทนายความเข้าพบ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.เพิ่มวุฒิ ปทุมราช ผกก.1.บก.ปปป. และพนักงานสอบสวนบก.ปปป. เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสังเกตในวันนี้ นายยศวริศ เปิดเผยว่า หลังเมื่อวันที่ 26 ม.ค. ที่ตนได้รับการประกันตัวแล้ว ได้ขอเจ้าหน้าที่กลับไปเตรียมเอกสารหลักฐาน มาชี้แจงในประเด็นที่พนักงานสอบสวนอยากรู้ รวมถึงหาข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นสำคัญ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในความบริสุทธิ์ วันนี้จึงเป็นการมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นที่พนักงานสอบสวนยังมีข้อสงสัย ถือเป็นการให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงาน แต่ในส่วนเอกสารหลักฐานส่วนใหญ่เป็นหลักฐานจากหน่วยงานราชการทำให้ต้องใช้เวลาในการขอตามขั้นตอน ทำให้ในวันนี้ยังนำมาไม่ครบถ้วน และไม่สามารถบอกได้ว่าจะใช้เวลาเท่าไร ส่วนจะเป็นการชี้แจงในประเด็นใดบ้างนั้น ยังไม่ขอเปิดเผยเนื่องจากเกรงว่าจะกระทบต่อรูปคดี แต่ไม่มีหลักฐานแชตข้อความการสนทนา กับคนที่อยู่ในคดีความ เนื่องจากบางอย่างต้องเก็บไว้ต่อสู้ในชั้นศาล

...

นายยศวริศ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาไม่ได้หายไปไหน แต่เข้าวัดปฏิบัติธรรมอย่างเดียว เนื่องจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้สร้างความอับอาย ให้กับตนและวงศ์ตระกูล แทบจะพบหน้าใครไม่ได้ แม้แต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีก็กลับไปไม่ได้ เพราะทำให้ญาติพี่น้องอับอายขายหน้า สังคมไทยมักตัดสินจากสื่อและข้อกล่าวหา ทั้งๆ ที่ศาลยังไม่ได้พิสูจน์ จึงอยากร้องขอความเป็นธรรม ขอยืนยันในความบริสุทธิ์อย่างเต็มที่ และพร้อมที่จะไปพิสูจน์ในชั้นศาล 

นายยศวริศ ยังยืนยันว่า ในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้พบหรือพูดคุยกับนายศรีสุวรรณ แต่อย่างใด รวมถึงไม่ได้พบใครทั้งสิ้น ทำหน้าที่เป็นลูกวัด ปฏิบัติธรรมเพื่อความสบายใจ ปิดวาจา เพียงอย่างเดียว ในส่วนของคดีความตนไม่มีความกังวล เพราะเชื่อในความบริสุทธิ์ของตัวเอง ทั้งชีวิตไม่เคยทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะกล่าวหา ก็ดำเนินการไป ตนมีหน้าที่ในการชี้แจงและศาลจะเป็นผู้ตัดสินว่าผิดหรือไม่ ซึ่งต้องใช้เวลา จึงอยากขอความเป็นธรรมว่าตอนนี้ยังเป็นผู้บริสุทธิ์

ทั้งนี้เมื่อถามย้ำแนวทางการสู้คดีว่า เป็นเพียงตัวกลางเจรจาเรื่องเงินไม่เกี่ยวข้องกับตบทรัพย์ใช่หรือไม่ นายยศวริศ ไม่ตอบคำถาม บอกเพียงว่า เรื่องนี้เป็นแนวทางการต่อสู้ในชั้นศาล 

ในขณะที่ นายไตรศักดิ์ เปิดเผยว่า ส่วนตัวไม่มีความกังวลอะไรในคดีนี้ เนื่องจากเป็นทนายของผู้ต้องหา มีหน้าที่ในการชี้แจงข้อสงสัย สิ่งเดียวที่เป็นห่วงคือ กลัวว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำให้คดีล่าช้าเท่านั้น

ในขณะที่ น.ส.พิมณัฏฐา บอกว่า ในส่วนของตน เป็นการนำเอกสารหลักฐานมามอบให้กับพนักงานสอบสวนตามที่มีการตั้งประเด็นสงสัย ซึ่งมีไม่มากนัก