เจ้าหน้าที่ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ "Eagle Eyes" จับกุมคดีอาชญากรรมทางออนไลน์ 3 คดี ได้แก่ "จนท.แบงก์ขายข้อมูลลูกค้า-บัญชีม้า-เว็บพนันรายใหญ่" พร้อมชี้แจงแผนงานปี 67 เพื่อป้องกันรู้เท่าทันภัยออนไลน์

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 ก.พ. 67 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, ดร.ศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล, พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ ผอ.สำนักตรวจสอบและกำกับดูแล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล, พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5, และ พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 ร่วมกันแถลงข่าวผลการปฏิบัติการตามยุทธการ "Eagle Eyes" จับกุมคดีอาชญากรรมทางออนไลน์ 3 คดี

พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ กล่าว่า สำหรับในคดีแรก พ.ต.อ.ฐาปกรณ์ หนุมาศ ผกก.3 บก.สอท.5 พ.ต.ท.ปฐมพงศ์ มีอยู่ รอง ผกก.3 บก.สอท.5 นำหมายค้นของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 116/2567 ลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 จับกุมหัวหน้าฝ่ายสินเชื่อสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 506/2567 ลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ได้ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 17 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี หลังสืบทราบว่ามีการนำข้อมูล ลูกค้าของสถาบันการเงินของตนเองมาดัดแปลงแก้ไข และนำไปจำหน่ายต่อให้กับกลุ่มที่สนใจ อาทิ ตัวแทนสินเชื่อ ตัวแทนประกัน ซึ่งบางกรณีตกไปอยู่ในมือของกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ จากการตรวจค้นในบ้านพัก พบคอมพิวเตอร์พกพาและโทรศัพท์มือถือ ที่เก็บไฟล์ภาพข้อมูลของลูกค้าและประชาชนที่ซื้อขายข้อมูลมาจากบุคคลอื่น และข้อมูลลูกค้าที่ผู้ต้องหาถือเก็บไว้

...

จากการสอบสวนให้การรับสารภาพว่า ทำการเก็บข้อมูลลูกค้าจากการจดบันทึกและจัดทำเป็นไฟล์เอกสาร แล้วจึงนำไปจำหน่ายต่อให้กับกลุ่มนายหน้าประกัน นายหน้าสินเชื่อของสถาบันธนาคารการเงินอื่น โดยไม่ถูกขั้นตอนของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยจะทยอยนำรายชื่อลูกค้าประมาณ ครั้งละ 3,000-5,000 รายชื่อ ที่เป็นกลุ่มลูกค้าเครดิตดี ไปจำหน่ายต่อในราคารายชื่อละ 1 บาท ทำให้มีรายได้เพิ่มเติมในแต่ละเดือนหลักหลายหมื่นบาท โดยกระทำการในลักษณะเช่นนี้มาแล้วกว่า 1-2 ปี เพื่อใช้ข้อมูลชื่อลูกค้าในการทำงานฝ่ายสินเชื่อมากขึ้น จึงแจ้งข้อหา "ล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้นำไปเปิดเผยแก่ผู้อื่นทำให้เสียหาย, ทำลาย แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยไม่ชอบอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล, และ พ.ร.บ.ความผิดทางคอมพิวเตอร์"

พล.ต.ต.นิพล กล่าวว่า ในคดีที่สอง พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒิ ผกก.4 บก.สอท.2 นำกำลังจับกุม น.ส.กัญญาณี ยอดสร้อย อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ จ. 23/2567 ลงวันที่ 8 ก.พ. ในความผิดเป็นธุระจัดหาโฆษณาหรือขายข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อขายให้เช่าหรือให้ยืมบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นๆ โดยคุมตัวได้ที่บริเวณด้านพรมแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังออกอุบายชักชวนคนไปทำงานออนไลน์ โดยให้เปิดบัญชีธนาคาร แต่สุดท้ายกลับถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา หลอกลวง ส่วนบัญชีธนาคารที่ถูกเปิดไว้นั้น ถูกนำไปเป็นบัญชีม้าของขบวนการดังกล่าว ซึ่งต่อมาภายหลังผู้เสียหายได้หลบหนีมาได้ จึงเข้าแจ้งความและนำไปสู่การจับกุม

พล.ต.ต.นิพล กล่าวอีกว่า ในคดีที่สาม ชุดสืบสวน กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.2 เข้าทลายเว็บพนันออนไลน์ 2 เครือข่าย ประกอบไปด้วย ramruy.net และ pok9.com โดยจับกุมผู้ต้องหาทั้งสิ้น 26 ราย ในเครือข่ายเว็บ ramruay.net จับกุม ผู้ต้องหา 4 คน ประกอบด้วย นายพงษ์พิชญ์ แสงสง่าพงษ์ อายุ 54 ปี ผู้รับผลประโยชน์, นายดิลก เล็งสืบผล อายุ 38 ปี ผู้จัดการด้านการเงิน, นายฉันทกร มลาเช็ด อายุ 26 ปี ผู้จัดการด้านการเงิน และนายชาญชัย ใหม่ละออ อายุ 24 ปี ผู้จัดการด้านการเงิน ส่วนในเครือข่ายเว็บ pok9.com จับกุมผู้ต้องหา 1 คน คือ นายดิว แสนคำเป็ง อายุ 33 ปี ผู้จัดการด้านการเงิน ซึ่งทั้งสองเครือข่ายจะแบ่งหน้าที่กันทำ ตั้งแต่กลุ่มรับผลประโยชน์, ทำหน้าที่จัดการเรื่องการเงิน, บัญชีม้า ตลอดจนแอดมิน เป็นต้น โดยตรวจยึดของกลางและทรัพย์สิน อาทิ เงินสดกว่า 18 ล้าน, รถยนต์ 2 คัน, รถ จยย.2 คัน, กระเป๋าแบรนด์เนม 11 ใบ, เครื่องประดับนาฬิกาหรู, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก, และสมุดบัญชีธนาคารจำนวนมาก มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท โดยทั้งสองเว็บมีกลุ่มลูกค้า 140,000 ราย พบเงินหมุนเวียนเดือนละกว่า 300 ล้านบาท

ด้าน นายประเสริฐ กล่าวว่า ทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้ความสำคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยแผนงานปี 2567 ทางกระทรวงฯ ได้ออกมาตรการแก้ปัญหาภัยออนไลน์ ยกระดับ ศูนย์ AOC 1441 ใช้ AI ช่วยตรวจจับ วิเคราะห์ ประมวลผล ขยายผลกวาดล้าง บัญชีม้า และบัญชีของม้า, Call alert แอปพลิเคชันแจ้งเตือนหมายเลขโทรศัพท์เสี่ยงภัยออนไลน์, ศูนย์ PDPC Eagle Eyes ตรวจ ป้องปราม ข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล และซื้อขายข้อมูล, เปิดก่อนจ่าย แก้ปัญหาซื้อของออนไลน์ เก็บเงินปลายทาง (COD) ได้ของไม่ตรงปก และไซเบอร์วัคซีน รู้เท่าทันภัยออนไลน์

...

สอดรับกับ ดร.ศิวรักษ์ ที่กล่าวว่า จากข้อมูลผลการปฏิบัติศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล PDPC Eagle Eyes ระหว่างวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ผลการตรวจ 21,003 หน่วย พบข้อมูลรั่วไหล 5,881 เรื่อง ในจำนวนนี้ เป็นองค์กรท้องถิ่น 2,790 เรื่อง, หน่วยงานรัฐ 2,393 เรื่อง และแก้ไขแล้ว 5,869 เรื่อง อีกทั้งตรวจพบขายข้อมูล 67 เรื่อง ซึ่งทางคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อยู่ระหว่างการเร่งรัดดำเนินการ นอกจากนี้เตรียมที่จะเสนอแนวทางปรับแก้กฎหมายเพิ่มโทษให้สูงขึ้นเป็น 10 ปี