ตำรวจเร่งคลี่ปมสาวใหญ่เมียฝรั่งหายตัวปริศนาไปจากบ้านนานเกือบ 20 วัน ยังไร้วี่แวว น้องสาวเผยพี่สาวได้เงินมรดก 13 ล้านบาทจากสามีชาวสวิสที่เสียชีวิตไปเมื่อ 4 ปีก่อน ต่อมาได้สามีใหม่เป็นชาวสวิสเช่นเดิม จดทะเบียนสมรสพามาอยู่ด้วยกันที่บ้านนานกว่า 2 ปี วันที่หายตัวไปทั้งคู่มีปากเสียงวิวาทรุนแรงจนพี่สาวออกมา นั่งร้องไห้หน้าบ้าน หลังจากนั้นไม่เจอตัวอีกเลย เอกสารประจำตัวและทรัพย์สินอื่นๆก็ยังอยู่ในบ้าน ส่วนสามีชาวสวิสหอบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ขึ้นรถ ขับไปเยี่ยมเพื่อนป่วยมะเร็งที่พัทยาในวันรุ่งขึ้น พอกลับมาบ้านยืนกรานไม่รู้เมียรักหายไปไหน เผยปม ทะเลาะจากความเห็นไม่ตรงกันเรื่องทริปไปเยี่ยมเพื่อน ตำรวจเรียกสอบผู้เกี่ยวข้องแล้ว 7 ปาก ประสาน พฐ. ตรวจสอบภายในบ้านพร้อมไล่กล้องวงจรปิดยังไม่พบเบาะแสกล่าวหาใครได้ ต้องตามหาผู้สูญหายให้เจอก่อน
ปมปริศนาการหายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำของสาวใหญ่เมียฝรั่งรายนี้ เปิดเผยเมื่อวันที่ 26 ม.ค. มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งใน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา โพสต์ข้อความตามหาพี่สาวที่หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. จนถึงตอนนี้ยังไม่พบตัว ผู้ที่หายตัวไปคือ น.ส.อรทัย โพสีงาม อายุ 46 ปี ภรรยาชาวสวิตเซอร์แลนด์วัย 53 ปี ที่จดทะเบียนสมรสอยู่กินกันมาได้กว่า 2 ปีแล้ว บรรดาญาติพี่น้องต่างมั่นใจว่าการหายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำมีมูลเหตุหลายอย่างที่น่าสงสัย โดยเฉพาะ น.ส.อรทัยหายไปแต่ตัวกับโทรศัพท์มือถือ ส่วนเอกสารประจำตัวสำคัญต่างๆทั้งบัตรประชาชน บัตรเอทีเอ็ม สมุดธนาคาร เสื้อผ้า รองเท้า แม้กระทั่งนาฬิกาเรือนโปรดก็ยังอยู่ที่บ้านทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวไปที่บ้านของ น.ส.อรทัย เลขที่ 22 หมู่ 5 ต.เฉลียง อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา พบ น.ส.ธิดารัตน์ โพสีงาม อายุ 31 ปี น้องสาวเล่ารายละเอียดว่า พี่สาวจดทะเบียนสมรสอยู่กินกับสามีชาวสวิตเซอร์แลนด์และอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาได้ประมาณ 2 ปีเศษ ก่อนหน้านี้เคยมีสามีเป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์มาก่อน 1 คน แต่ได้เสียชีวิตลงเมื่อปี 63 ทิ้งทรัพย์สินมูลค่ากว่า 13 ล้านบาทไว้ให้ หลังจากสามีเก่าเสียชีวิต พี่สาวได้พบรักกับสามีคนปัจจุบันที่เป็นชาวสวิสเช่นกัน และตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย โดยฝ่ายชายก็ลาออกจากงานมาอยู่ด้วยกันพร้อมทั้งเปลี่ยนนามสกุลตามภรรยาด้วย
...
น.ส.ธิดารัตน์เผยถึงวันที่พี่สาวหายตัวไปว่า ช่วงหัวค่ำวันที่ 8 ม.ค. ตนและญาติพี่น้องนั่งดื่มสังสรรค์กันอยู่หน้าบ้านที่อยู่ติดกัน ได้ยินเสียงพี่สาวกับสามีทะเลาะกันอย่างรุนแรงเป็นภาษาอังกฤษอยู่ภายในบ้าน ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ก่อนที่พี่สาวจะเปิดประตูออกมาร้องไห้อยู่หน้าบ้านโดยไม่ได้บอกอะไร แล้วกลับเข้าไป จากนั้นทุกอย่างก็เงียบไป พอรุ่งเช้าวันที่ 9 ม.ค. สามีของพี่สาวหอบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 2-3 ใบขึ้นรถเก๋งขับออกจากบ้านไปโดยไม่บอกใคร และตลอดทั้งวันก็ไม่มีใครพบพี่สาว แม้พยายามติดต่อและตามหาแต่ไม่พบ โทรศัพท์ไปถามสามีของพี่สาวตอบเพียงว่าภรรยาไปเล่นไพ่ ส่วนตัวเองมาเยี่ยมเพื่อนที่พัทยา ยังไม่เอะใจอะไรเพราะพี่สาวมักจะไปเล่นไพ่เป็นประจำอยู่แล้ว พอวันต่อมาสามีของพี่สาวเดินทางกลับบ้านช่วงค่ำๆ แต่ยังไม่มีใครพบพี่สาว แม้พยายามโทรศัพท์ติดต่อแต่ไม่สามารถติดต่อได้ กระทั่งวันที่ 10 ม.ค. มีคนพบรถ จยย.ของพี่สาวจอดทิ้งไว้ที่ทุ่งนาห่างจากบ้านประมาณ 2 กม. พากันไปแจ้งความที่ สภ.ครบุรี ให้ตำรวจช่วยตามหา จนถึงทุกวันนี้ยังไม่พบตัวแต่อย่างใด ตลอดระยะเวลาที่พี่สาวหายตัวไป ครอบครัวพยายามออกตามหาและสอบถามไปทุกที่ทั้งเพื่อนๆ หรือที่ที่พี่สาวเคยไป แต่ยังไร้วี่แวว
น้องสาวผู้สูญหายเผยด้วยว่า ตอนนี้ทุกคนในครอบครัวหมดหวังแล้วว่าพี่สาวจะยังมีชีวิตอยู่ เพราะเวลาผ่านไปนานเกือบ 20 วันแล้ว ปกติหากพี่สาวไปไหนจะหายตัวไปไม่เกิน 2 วัน และจะติดต่อกลับมาหาลูกสาวอายุ 18 ปี และพ่อเป็นประจำไม่เคยขาดหายไปอย่างนี้ มั่นใจว่าพี่สาวอาจถูกใครพาตัวไปหรือถูกฆาตกรรมแน่นอนเพราะตั้งแต่ที่เห็นพี่สาวครั้งสุดท้ายตอนออกมาร้องไห้หน้าบ้านเมื่อช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค.แล้วก็ไม่เห็นอีกเลย
ด้านนายธนกฤติ ธนากรนิธิโชติ อายุ 36 ปี ลูกพี่ลูกน้องของผู้ที่หายตัวไปบอกว่า ช่วงกลางดึกวันที่ 8 ต่อเนื่องวันที่ 9 ม.ค. กล้องวงจรปิดหน้าบ้านบันทึกภาพคนใส่เสื้อแขนยาวสวมฮู้ดและหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าออกมาจากบ้าน แล้วขี่รถ จยย.ออกไป ก่อนจะเดินกลับมาที่บ้านโดยไม่มีรถ จยย.กลับมาด้วย เป็นเรื่องผิดปกติมาก แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบตัวพี่สาวอีกเลย ขณะที่สามีชาวสวิสก็บอกเพียงว่านอนหลับอยู่ในบ้าน ไม่ได้ออกไปไหน และตอนนี้ก็ไม่ทราบว่าภรรยาหายไปไหน
ผู้สื่อข่าวสอบถามสามีชาวสวิสก็ยินดีให้ข้อมูลผ่านทางลูกสาวของนางอรทัยว่า ก่อนที่ภรรยาจะหายตัวไปมีปากเสียงกันค่อนข้างรุนแรงเรื่องมีความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับทริปที่จะเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนป่วยเป็นมะเร็งที่พัทยา จากนั้นตัวเองก็เข้าไปนอนในห้องแล้วก็ไม่เห็นภรรยาอีก จึงเดินทางไปพัทยาเพียงลำพัง พอกลับบ้านมาก็ไม่พบภรรยาอีกเลยจนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้คิดถึงและเป็นห่วงภรรยามาก ยังมีความหวังว่าจะกลับบ้านมาโดยเร็ว ถ้าไม่มีภรรยาแล้วตัวเองก็ไม่รู้จะอยู่อย่างไรต่อไปเพราะฝากชีวิตเอาไว้ที่นี่แล้ว
ด้านความคืบหน้าการสอบสวนคลี่คลายคดี พ.ต.อ.นพดล ช่วยบุญ ผกก.สภ.ครบุรี เผยว่า ตำรวจเร่งติดตามหาเบาะแสผู้สูญหายอย่างเต็มที่ ได้เชิญตัวผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำไปแล้ว 7 ปากรวมถึงสามีและเพื่อนชาวต่างชาติที่เดินทางไปหาที่พัทยา พร้อมกับประสานไปยังตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบภายในบ้านซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่พบตัว น.ส.อรทัย เก็บภาพวงจรปิดหน้าบ้านและบริเวณใกล้เคียงไปตรวจสอบทั้งหมดแล้วแต่ยังไม่พบว่า น.ส.อรทัยออกจากบ้านหรือหายตัวไปได้อย่างไร ตอนนี้ยังไม่สามารถกล่าวหาใครได้ ทำได้เพียงต้องติดตามหาตัว น.ส.อรทัยมาให้ได้โดยเร็วที่สุดไม่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม ขณะที่สามีชาวต่างชาติก็แสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการให้ตำรวจเก็บหนังสือ เดินทางไว้และพร้อมให้ความร่วมมือในการสอบสวนทุกอย่างด้วย