ตำรวจไซเบอร์ รวบโบรกเกอร์ บริษัทประกัน ซื้อ-ขายข้อมูลส่วนบุคคลผ่านดาร์กเว็บ ให้มิจฉาชีพแก๊ง Call Center และเว็บพนัน ฟันรายได้ครั้งละ 20,000-40,000 บาท ผงะพบข้อมูลกว่าแสนรายชื่อ

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5  พ.ต.อ.ยิ่งรัตน์ สอาดยิ่ง รอง ผบก.สอท.5, พ.ต.อ.บัญชา  ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.เอกวีร์ พงศ์สร้อยเพชร รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.ชัยพันธุ์ ทัพวงษ์ รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.ฐาปกรณ์ หนุมาศ ผกก.3 บก.สอท.5 นำหมายจับศาลอาญาที่ 59/2567 ลงวันที่ 5 ม.ค.67 เข้าจับกุมตัวนายอรรณพ เจริญพุทธิพร อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 168/19 หมู่ 3 ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ในคดีซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลอื่น

สืบเนื่องจากทางก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้จับกุมกลุ่มบุคคลที่มีการแสวงหาประโยชน์ มิชอบจากการซื้อ-ขาย ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นเป็นจำนวนมากผ่านกลุ่มโซเชียลมีเดียเฉพาะกลุ่ม (Dark Web) ให้กับ กลุ่มมิจฉาชีพในการหลอกลวงประชาชน (แก๊ง Call Center และเว็บพนัน) จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่า นายอรรณพ ประกอบอาชีพเป็นนายหน้าประกันมีส่วนร่วมในการซื้อขายข้อมูลประชาชนจากกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมดำเนินคดีแล้ว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับ ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจค้นจับกุมนายอรรณพ ได้ที่บ้านพักในพื้นที่เขตทุ่งครุ กทม. และตรวจยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ พบพยานหลักฐานในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่ซื้อขายมาจากบุคคลอื่นโดยมิชอบ เพื่อนำมาแสวงหาประโยชน์ส่วนตัวกว่า 1 แสนรายชื่อ

...

จากการสอบสวนนายอรรณพ ให้การรับสารภาพว่า ตนเองประกอบอาชีพนายหน้าประกันของบริษัทแห่งหนึ่ง ได้รู้จักนายวีรทัศน์ ผู้ต้องหาที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ในความผิดเดียวกัน โดยซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลมาเพื่อใช้ในการดำเนินการติดต่อหาลูกค้ามาเพื่อทำประกันต่างๆ โดยจะรับซื้อขาย แลกเปลี่ยน ข้อมูลส่วนบุคคล ในราคารายชื่อละ 50 สตางค์ ถึง 75 สตางค์ ซึ่งแต่ละครั้งจะมีการซื้อขายข้อมูลหลักแสนรายชื่อ จากนั้นผู้ต้องหาจะนำข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เพื่อดำเนินการขายต่อข้อมูลที่ตรวจสอบแล้วเพื่อรับกำไรส่วนต่าง หรือใช้ในการประกอบอาชีพของตนเอง โดยจะได้รายได้จากการขายข้อมูลต่อครั้งละ 20,000-40,000 บาท 

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา “ล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ นำไปเปิดเผยแก่ผู้อื่น เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.5 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป