ตำรวจไซเบอร์ จับเครือข่ายหลอกทำงานออนไลน์ หารายได้เสริม เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินหมดเกลี้ยงบัญชีกว่า 1.7 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 สั่งการให้ พ.ต.อ.พงศ์นรินทร์ เหล่าเขตกิจ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 พ.ต.ท.อนุสรณ์ ธีรนุชพงศ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ พ.ต.ท.ภาคภูมิ บุญเจริญพานิช รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ พ.ต.ท.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พ.ต.ต.รุ่งเรือง มีสติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พ.ต.ต.ธวัช ทุเครือ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 นำกำลังพร้อมหมายจับศาลอาญา ที่ 3020/2566 ลง 12 ก.ย. 66 เข้าจับกุม น.ส.สริตา หว่างหวังสี อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73 หมู่ 15 ต.วังสมบูรณ์ อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว ในความผิด “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงปลายเดือน ส.ค. 2565 ผู้เสียหายต้องการหางานทำอาชีพเสริมรายได้ จึงค้นหางานผ่านเฟซบุ๊ก พบโพสต์โฆษณารับคนที่ต้องการหารายได้พิเศษ อ้างว่าชื่อบริษัท PRIMAL COMPANY LIMITED จึงติดต่อพูดคุยกันผ่านแพลตฟอร์ม เฟซบุ๊ก แมสเซนเจอร์ โดยทางแอดมินได้แนะนำเกี่ยวกับการนำเงินมาลงทุน ซื้อสินค้า อ้างว่าเพื่อเป็นการช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าต่างๆ หากทำแล้วจะได้เงินทุนคืนพร้อมค่าคอมมิชชั่นตอบแทนสูง 

หลังจากผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงร่วมลงทุนผ่านเว็บไซต์ที่มิจฉาชีพสร้างขึ้น โดยมิจฉาชีพได้ส่งเลขบัญชีธนาคารมาให้ ทางผู้เสียหายจึงเริ่มลงทุนโอนเงินไปครั้งแรกจำนวน 10,000 บาท ครั้งที่ 2 จำนวน 19,927 บาท ต่อมาครั้งที่ 3 มิจฉาชีพอ้างว่ามีค่าส่วนต่างสินค้า จึงให้โอนเพิ่มอีก 1,586.60 บาท ต่อมาโอนครั้งที่ 4 จำนวน 61,141.80 บาท ครั้งที่ 5 จำนวน 153,960 บาท หลังจากโอนยอดครั้งที่ 5 มิจฉาชีพได้แจ้งผู้เสียหายว่า ต้องโอนเงินเพื่อปิดงาน มิเช่นนั้นไม่สามารถถอนเงินทั้งหมดได้ จึงโอนไปอีก 153,960 บาท  

...

ต่อมา มิจฉาชีพแจ้งว่าต้องเสียค่าภาษีก่อนจึงจะถอนเงินได้ จึงโอนเงินให้ไปอีก 205,668 บาท จากนั้นมิจฉาชีพแจ้งว่าผู้เสียหายไม่ได้ลงบันทึกไว้ท้ายใบเสร็จว่าเป็นค่าชำระภาษี ต้องโอนเงินใหม่อีกครั้งในยอดเงินเท่าเดิม พร้อมให้ระบุท้ายใบเสร็จว่า “ชำระค่าภาษี” ผู้เสียหายจึงได้โอนเงินไปอีก 205,668 บาท หลังจากนั้นคนร้ายได้บอกกับผู้เสียหายว่าสามารถถอนเงินได้แล้ว จึงได้พยายามกดถอนเงินทั้งหมด แต่พบว่าไม่สามารถถอนได้ มิจฉาชีพอ้างว่าระบบล็อก ต้องโอนเงินเพิ่มตามยอดที่ระบุเพื่อยืนยันตัวตนก่อน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเพิ่มอีก 666,000 บาท 

ทางมิจฉาชีพยังออกอุบายหลอกเหยื่ออีกว่า ยอดลงทุนของผู้เสียหายต้องถึงขั้นต่ำที่กำหนดก่อน จึงจะสามารถถอนเงินทั้งหมดได้ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปอีก 235,706.40 บาท และหลอกให้โอนเงินเพิ่มอีกหลายครั้ง จนเงินหมดเกลี้ยงบัญชี ซึ่งทางมิจฉาชีพแจ้งว่าต้องชำระค่าภาษีอีกครั้ง และแจ้งให้โอนเงินเพิ่มอีกประมาณ 6 แสนบาท แต่ครั้งนี้ผู้เสียหายไม่เชื่อ และรู้ตัวว่าถูกมิจฉาชีพหลอก รวมความเสียหายทั้งสิ้น 1,713,617.80 บาท จึงได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ให้ดำเนินคดีกับคนร้าย  

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 สืบสวนจนทราบว่า น.ส.สริตา เป็นผู้ร่วมขบวนการของแก๊งมิจฉาชีพที่หลอกลวงผู้เสียหาย ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ โดยติดตามจับกุมตัวได้ในตลาดวังสมบูรณ์ อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว ก่อนควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน บก.สอท.3 ดำเนินคดีต่อไป