ระทึก ตำรวจจับหนุ่มจีน อุ้มรีดสาวชาติเดียวกัน โดยมัดมือมัดเท้าใส่ในรถเก๋ง และขับอยู่บนทางด่วน ก่อนขับไปชนคนไทย ขณะเดียวกันฝ่ายหญิงได้หนีลงจากรถแจ้ง ตร.เข้าสกัดจับกุมไว้ได้ คาดเป็นแก๊งมังกรที่ชอบหลอกลวงเหยื่อไปมอมยาแล้วข่มขู่รีดทรัพย์

เมื่อเวลา 12.13 น. วันที่ 14 ก.ย. 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ งานศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 2 สน.ทางด่วน 2 ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์ชนท้ายกัน บนทางพิเศษศรีรัช ช่วงก่อนลงถนนพระราม 9 ระหว่างรถนั่งบุคคล โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน กน 2752 ศรีสะเกษ กับ รถนั่งบุคคล โตโยต้า ยาริส สีเทา ทะเบียน 6กฎ 8475 กทม. (คันชนท้าย) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ด่านทางพิเศษอโศก 4 รุดตรวจสอบ 

เบื้องต้นในรถโตโยต้ายาริส ชนท้ายคู่กรณี พบชายชาวจีนต้องสงสัย ทราบชื่อ Mr. ZHAO WULIN (จ้าว อู่ หลิน) เป็นชายสัญชาติจีน อายุ 36 ปี ซึ่งข้อมูลจากพาสปอร์ต พบว่ามาจากมณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน และยังพบว่ามีบัตรอนุญาต ทำงานของคนต่างด้าวในราชอาณาจักรกัมพูชา ส่วนหญิงสาวชาวจีน ไม่ทราบชื่อ ถูกมัดมือมัดเท้าด้วยเชือก แต่ผู้หญิงขอความช่วยเหลือจากโชเฟอร์แท็กซี่หลบหนีออกมาได้ คาดว่าน่าจะเป็นการลักพาตัว จากนั้นตำรวจ สน.ทางด่วน 2 สกัดจับชายชาวจีนบริเวณทางลงด่วนพระราม 9 ใกล้เคียงโรงพยาบาลปิยะเวท เพื่อควบคุมตัวมาสอบสวนและลงบันทึกประจำวันที่ สน.ทางด่วน 2

...

นายสมพงษ์ สีสด อายุ 33 ปี เจ้าของรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ คู่กรณีกับชายชาวจีน เล่าว่า เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ตนขับรถไปกับน้องชายนั่งอยู่ด้านข้าง ซึ่งตอนนั้นกำลังจะพาน้องชายไปสมัครงาน ย่านสามเสนใน โดยใช้ทางพิเศษศรีรัชมุ่งหน้าสามเสนใน ซึ่งช่วงก่อนเกิดเหตุเป็นช่วงที่รถชะลอตัว รถของตนอยู่เลนที่ 2 นับจากเกาะกลางทางด่วน แต่ปรากฏว่ามีรถโตโยต้า ยาริส คันคู่กรณีพุ่งชนรถตนเองจากด้านหลังอย่างแรง ตนคาดว่าน่าจะขับมาด้วยความเร็ว จากนั้นตนเองก็ได้ลงจากรถเพื่อมาพูดคุยกับชายชาวจีน คู่กรณี แต่พบว่าเขาไม่สามารถสื่อสารด้วยภาษาไทยได้ และเดินไปเดินมาอยู่บริเวณรถ จากนั้นคู่กรณีพยายามใช้แอปพลิเคชันแปลภาษา บอกกับตนว่า “ขอให้คิดค่าเสียหาย เขาพร้อมจะจ่ายเงินสดให้เพื่อให้เรื่องจบ” แต่ตนบอกว่า ขอให้พูดคุยผ่านทางประกันภัย เพราะตนได้โทรเรียกประกันให้และให้ฝั่งเขาโทรเรียกประกันมา 

จากนั้นตนก็เดินไปกดสัญญาณเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางด่วนที่ตู้ข้างทาง ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถเพื่อโทรเรียกประกัน ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่ทราบเหตุการณ์บริเวณด้านล่างแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางด่วนก็เดินทางมาถึงพร้อมกับพารถของตนและรถของชายชาวจีนลงไปบริเวณด้านล่างทางด่วน เมื่อลงไปได้อีกสักพักหนึ่ง ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทางด่วน 2 เดินทางมาถึง ซึ่งตนคิดว่าจะมาช่วยไกล่เกลี่ยและพาตนกับคู่กรณีไปพูดคุยกันที่ สน. 

แต่ปรากฏว่า ทันทีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึง ก็จับรวบตัวชายชาวจีนคนดังกล่าวทันที ทำให้ตอนนั้นตนตกใจอย่างมากว่าเกิดอะไรขึ้น จนมาทราบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจภายหลังว่า ในระหว่างที่ตนนั่งอยู่ในรถเพื่อโทรเรียกประกันนั้น ปรากฏว่ามีหญิงชาวจีนคนหนึ่ง วิ่งลงมาจากรถและเรียกแท็กซี่ที่อยู่บนทางด่วนเพื่อขอความช่วยเหลือ ทำให้ตนยิ่งตกใจมากว่า รถของชาวจีนคนนี้ ได้พาผู้หญิงมาด้วย เพราะในระหว่างที่ตนกับคู่กรณีอยู่บนทางด่วนและกำลังตรวจสอบรถอยู่นั้นก็ไม่เห็นว่าจะมีพิรุธหรือจะสังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงชาวจีนอยู่ภายในรถ

ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทางด่วน 2 ได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มักกะสัน ท้องที่เกิดเหตุ เดินทางไปรับตัวชายชาวจีนผู้ต้องสงสัยและหญิงชาวจีน ผู้ถูกลักพาตัว เดินทางมายัง สน.มักกะสัน เพื่อดำเนินการสอบปากคำถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นโดยขณะนี้ตัวชายชาวจีนผู้ต้องสงสัย อยู่ในระหว่างการควบคุมตัวที่ห้องสืบสวน ส่วนผู้หญิงชาวจีนผู้เสียหาย ได้นำตัวขึ้นไปสอบปากคำที่ชั้น 3 ของสถานีตำรวจ พร้อมได้จัดล่ามมาดำเนินการแปลภาษาให้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนขึ้นไปบนชั้น 3 ของอาคารสถานีตำรวจ

สำหรับข้อมูลรถยนต์โตโยต้า ยาริส ของชายชาวจีน ที่ก่อเหตุลักพาตัวหญิงชาวจีน พบว่ารถคันดังกล่าว อยู่ในสภาพได้รับความเสียหาย กระจังหน้าหลุด ฝากระโปรงบุบ และไฟหน้าด้านซ้ายมือได้รับความเสียหาย ส่วนบริเวณเบาะหลังของรถคันดังกล่าว มีเชือกอยู่กองหนึ่งวางอยู่บริเวณเบาะหลัง ฝั่งตรงข้ามกับคนขับและมีขวดน้ำส้มวางอยู่ที่บริเวณช่องใส่ของประตูที่นั่งฝั่งข้างคนขับ มีห่อทิชชู 2 ห่อ อยู่ที่เบาะหน้าที่นั่งฝั่งข้างคนขับ และทิชชูอีกห่อหนึ่ง วางอยู่บริเวณที่นั่งเบาะหลังฝั่งคนขับ และมีเสื้อคลุม พาดอยู่ที่เบาะหลัง ส่วนรถของคู่กรณีชาวไทยที่ถูกชนท้ายนั้น พบว่าเป็นรถ Fortuner สีขาว แต่ได้รับความเสียหายเล็กน้อยเป็นรอยถลอกบริเวณกันชนด้านหลัง  

...

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ชนวนเหตุของการลักพาตัวกันครั้งนี้ เกิดจากการที่ชายหญิงชาวจีนสองคนนั้น เจอกันที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งซึ่งยังไม่ทราบว่าที่ใด จากนั้นทั้งสองคนได้ไปหลับนอนกันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะเห็นว่าผู้หญิงคนนี้มีเงิน เลยเรียกขอเงินจากผู้หญิงคนนี้จำนวน 50,000 หยวน หรือประมาณ 250,000 บาทไทย ปรากฏว่าผู้หญิงคนดังกล่าวไม่ให้เงิน จึงถูกผู้ชายจับมัดมือมัดเท้าขึ้นรถ แต่ยังไม่ทราบว่าเดินทางไปที่ใดและเพื่อวัตถุประสงค์ใด ก่อนจะขับไปชนท้ายรถชาวไทย แล้วผู้หญิงก็รีบวิ่งลงจากรถร้องขอความช่วยเหลือจากโชเฟอร์แท็กซี่ โดยโชเฟอร์แท็กซี่ได้พาผู้หญิงคนนี้ไปส่งที่ด่านเก็บเงินอโศก 4 ก่อนจะพาตัวมาที่ สน.ทางด่วน 2 และ สน.มักกะสัน ตามลำดับ ส่วนผู้ชายก็ถูกสกัดจับได้ในภายหลัง 

ส่วนรถยนต์โตโยต้ายาริส เบื้องต้นพบว่า ชายชาวจีนผู้ต้องสงสัยเป็นคนขับรถคันดังกล่าว แต่เจ้าของรถจะเป็นใครนั้นอยู่ในระหว่างการสืบสวน ทั้งนี้ไม่พบว่า ทั้งสองคนถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการสอบปากคำทั้งสองโดยละเอียดที่ สน.มักกะสัน

...

ล่าสุด พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้เดินทางมาร่วมประชุมความคืบหน้าในคดีนี้ โดยหลังการประชุมได้เปิดเผยว่า แรกเริ่มเดิมทีเรื่องราวเกิดจากผู้ก่อเหตุและผู้เสียหายนั้นได้ไปรู้จักกันทางเทเลแกรม จากการแนะนำให้รู้จักจากเพื่อนของฝ่ายหญิงสาวผู้เสียหาย พูดคุยทำความรู้จักกันได้ 10 กว่าวัน จากนั้นก็ได้นัดกันไปรับประทานอาหารที่ร้านหมูกระทะแห่งหนึ่งในซอยรามคำแหง 65 ก็ได้มีการดื่มเครื่องดื่มสุรากัน จากนั้นฝ่ายหญิงสาวผู้เสียหายก็เกิดอาการเมาจนหมดสติ มารู้ตัวอีกทีก็พบว่ามานอนในสภาพเปลือยเปล่าอยู่ที่ห้องของผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งหนึ่งในซอยลาดพร้าว 81 จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ได้ชักชวนว่าจะพาไปเที่ยวพัทยา จึงขับรถไปด้วยกัน ระหว่างทางก็ซื้ออาหารมาให้รับประทาน ก่อนจะพาไปยังที่เปลี่ยวแล้วลงมือกดคอหญิงสาวผู้เสียหาย ใช้เชือกมัดมือมัดเท้าแล้วข่มขู่เรียกค่าไถ่เป็นเงิน 200,000 หยวน หรือประมาณ 1 ล้านบาท แต่หญิงสาวผู้เสียหายบอกว่าไม่มีเงินมากขนาดนั้น จึงโทรศัพท์ไปขอยืมเพื่อน ซึ่งเพื่อนของผู้เสียหายก็โอนเงินเข้าบัญชีผู้เสียหาย มาให้ 50,000 หยวน หรือประมาณ 250,000 บาท จากนั้นระหว่างทางที่ผู้ต้องหาจะพาผู้เสียหายไปกดเงินที่ธนาคาร โดยใช้เส้นทางขึ้นทางด่วนศรีนครินทร์ จนมาเกิดอุบัติเหตุขับรถไปชนคู่กรณีบนทางด่วนศรีรัช 

จากนั้นหญิงสาวผู้เสียหายจึงอาศัยจังหวะดังกล่าววิ่งหลบหนีออกจากรถไปขอความช่วยเหลือแท็กซี่ที่ขับผ่านมาพอดี จากนั้นคนขับแท็กซี่ จึงพาผู้เสียหายไปยัง สน.ทางด่วน 2 เพื่อให้ตำรวจช่วยเหลือ ก่อนที่ตำรวจทางด่วน 2 จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วตามไปจับกุมผู้ต้องหาได้ และควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน. มักกะสัน สอบสวนดำเนินคดี ยึดของกลาง เป็นเชือกที่ใช้ก่อเหตุมัดมือมัดเท้าหญิงสาวผู้เสียหาย และเงินสดกว่า 100,000 บาทและเงินสกุลต่างประเทศอีกหลายสกุล

...

จากการตรวจสอบเบื้องต้น หญิงสาวผู้เสียหายมีอาชีพเป็นเอเย่นต์พาชาวจีนด้วยกันไปทำศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลีใต้ พักอาศัยอยู่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านอโศกมนตรี ส่วนผู้ต้องหามีอาชีพ รับจ้างขับรถอยู่ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งทั้งสองมักจะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยอยู่บ่อยครั้ง โดยผู้ต้องหาใช้วีซ่านักท่องเที่ยว อยู่ได้ 15 วัน ส่วนหญิงสาวผู้เสียหายใช้วีซ่านักท่องเที่ยวเช่นกัน อยู่ได้ 2 เดือน โดยหญิงสาวผู้เสียหายเข้าประเทศไทยมาล่าสุดเมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา ส่วนผู้ต้องหาเคยเดินทางเข้าประเทศไทยมาแล้ว 4 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2565 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2565, ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2566 และครั้งล่าสุดคือเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2566 อยู่ระหว่างประสานกับทางการจีนว่าเคยมีประวัติก่ออาชญากรรม หรือถูกออกหมายจับหรือไม่ โดยเบื้องต้นยังไม่พบว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมตั้งกลุ่มเป็นแก๊ง หรือทำเป็นขบวนการ แต่เชื่อว่ามีพฤติกรรมหลอกลวงเหยื่อไปมอมยาแล้วข่มขู่รีดทรัพย์ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเคยก่อเหตุมามากน้อยแล้วเพียงใด ส่วนรถที่ใช้ก่อเหตุนั้นเช่ามาในราคาวันละ 5,000 บาท โดยเช่าเป็นเวลา 4 วัน ตั้งแต่ 11 ถึง 14 กันยายน 2566 จึงทำให้เชื่อว่ามีการวางแผนก่อเหตุมาเป็นอย่างดี

ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา มีกรณีชายชาวจีนหลอกลวงหญิงชาวจีนด้วยกันจากย่านอาร์ซีเอไปที่โรงแรม ก่อนที่ฝ่ายชายจะขู่บังคับ มัดมือมัดเท้าสาวผู้เสียหาย แล้วเรียกค่าไถ่โดยให้โอนเงินกว่า 8 แสนบาท เหตุเกิดในท้องที่ สน. ห้วยขวาง แต่ผู้ก่อเหตุหลบหนีออกนอกประเทศไปได้ก่อน จากพฤติการณ์ที่คล้ายกันทำให้เห็นว่ามีคนจีนที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย มาก่อเหตุหลอกลวงเหยื่อเรียกค่าไถ่ชาวจีนกันเอง ทางตำรวจนครบาลก็ได้พยายามสอดส่องดูแลเพื่อป้องกันคนร้ายก่อเหตุเช่นนี้ในประเทศไทย เพราะสร้างความเสียหายแก่ภาพลักษณ์ การท่องเที่ยว ถึงฝากประชาสัมพันธ์หากประชาชนพบเห็นความผิดปกติของชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทยให้แจ้งตำรวจทันที

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน ได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในข้อหา เรียกค่าไถ่, หน่วงเหนี่ยวกักขัง, ทำให้สูญเสียอิสรภาพ และและความผิดทางเพศ โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อหากระทำอนาจารไว้ก่อน หากผลตรวจของแพทย์ ระบุว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศก็จะแจ้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเราต่อไป

โดยหลังจากจับกุมตัวผู้ต้องหา ตำรวจได้พาไปตรวจค้นที่ห้องพักโรงแรมของผู้ต้องหาเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม เมื่อการสอบสวนแล้วเสร็จก็จะควบคุมตัวไปขออำนาจศาลฝากขังต่อไป

ผู้สื่อข่าวยังสอบถามว่า การที่รัฐบาลมีนโยบาย สนับสนุนการท่องเที่ยว โดยใช้มาตรการฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวชาวจีน และคาซัคสถาน ที่เตรียมประกาศใช้ และจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 - กุมภาพันธ์ 2567 เป็นระยะเวลา 5 เดือนนั้น พอเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ จะส่งผลต่อการทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบนักท่องเที่ยวชาวจีนยากขึ้นหรือไม่ เพราะเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้าประเทศไทย พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการเตรียมการและวางแผนรับมือในการอำนวยความสะดวกดูแลนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาประเทศไทย อีกทั้งยังมีโปรแกรมจัดวางรวบรวมข้อมูลการเดินทางของนักท่องเที่ยวทุกคน ที่สามารถตรวจสอบติดตามตัวได้ จึงไม่น่าจะมีปัญหาต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด