ตำรวจเร่งสางคดีฆ่ายกครัว หลังเมียกู้เงินผ่านแอปฯถูกตุ๋นเงิน 1.7 ล้านบาท กลายเป็นชนวนเหตุคดีสยองผัวคลั่งฆ่าเมียและลูกรวม 3 ศพ ศาลอนุมัติออกหมายจับแก๊งมิจฉาชีพเปิดบัญชีม้าแถวหน้า 6 คน พร้อมสนธิกำลังไล่ล่าแก๊งนรกตุ๋นชาวบ้าน ส่วนญาติผู้ตายทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันได้แล้วยอมตั้งสวดศพที่ จ.กำแพงเพชร เตรียมเผาทั้ง 3 ศพ วันที่ 2 ก.ย.นี้ ขณะนี้มียอดเงินบริจาค 2.3 ล้านบาท

จากเหตุฆาตกรรมสยองนายสาณิช ดอกไม้ อายุ 43 ปี หัวหน้าฝ่ายโลจิสติกส์ โกดังย่านบางพลี จ.สมุทรปราการ คลั่งใช้มีดอีโต้สับร่างและเชือดคอฆ่าคนในครอบครัว ประกอบด้วย น.ส.วิภาพร ราชา อายุ 45 ปี ภรรยา ด.ช.บุณญานนท์ ดอกไม้ อายุ 13 ปี และ ด.ช.ปุณณพัตน์ ดอกไม้ อายุ 11 ปี ลูกชายรวม 3 ศพ ภายในบ้านเลขที่ 50/323 หมู่บ้านทิพย์มงคล 1 หมู่ 9 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จากนั้นนายสาณิชปาดคอตัวเองหวังตายตาม แต่อาการสาหัสรักษาตัวอยู่ที่ รพ.เปาโล สมุทรปราการ ปมเหตุคาดมาจากนายสาณิชเครียดเรื่องไปค้ำประกันรถโตโยต้า อินโนวา ให้เพื่อนบ้านแต่ไม่ยอมส่งค่างวดมียอดจ่ายรวม 8 แสนบาท กระทั่งกรมบังคับคดีแจ้งจะมายึดบ้านสองผัวเมียต้องเร่งหาเงินมาเคลียร์ จังหวะนั้น น.ส.วิภาพรไปกู้เงินเพื่อนและกู้เงินผ่านแอปพลิเคชันในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงิน โดยเริ่มจากติดต่อขอกู้เงินหนึ่งแสนบาท แต่ถูกให้โอนยอดไปยังบัญชีปลายทางเพื่อเป็นค่าดำเนินการค่าเปิดระบบต่างๆ กระทั่งมีการโอนเงินไปกว่า 1.7 ล้านบาท ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามแก๊งต้มตุ๋นมาดำเนินคดี ส่วนญาติฝ่ายพ่อติดต่อขอรับทั้ง 3 ศพ แจ้งไปสวดบำเพ็ญกุศลที่วัดถนนงาม ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ขณะที่นายวัชรินทร์ โตขาว รอง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสมุทรปราการ เผยยอดเงินบริจาคช่วยเหลือครอบครัวผู้สูญเสียมียอดกว่า 2 ล้านบาท แจ้งปิดการรับบริจาคแล้ว หลังจากนี้จะนำเงินไปดำเนินการในงานศพจนแล้วเสร็จ ส่วนเงินที่เหลือจะไปบริจาคให้กับ รพ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ที่ลูกผู้ตายเคยเข้ารักษาตัว และ รพ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร

...

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 ส.ค.พ.ต.ท.รังสรรค์ คำสุข รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.บางแก้ว รักษาการ ผกก.บางแก้ว กล่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานที่ น.ส.วิภาพรไปกู้เงินแอปฯจนถูกหลอกโอนเงิน เสนอต่อศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเปิดบัญชีม้าแล้ว 6 คน เป็นบัญชีม้าแถวแรกที่ผู้ตายโอนไปให้แก๊งมิจฉาชีพ และออกหมายจับนายสาณิช ดอกไม้ ผู้ก่อเหตุในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ รพ.เปาโล สมุทรปราการ แจ้งอายัดตัวไว้แล้ว

ด้าน พล.ต.ต.ฐายุฏฐ์ จันทร์ถาวร รอง ผบช. สอท. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีที่มีผู้เสียหายถูกคนร้ายหลอกให้โอนเงินผ่านแอปฯเงินกู้ออนไลน์กว่า 1.7 ล้านบาทจนเกิดความเครียด และก่อเหตุฆาตกรรมภรรยาและลูกรวม 3 ศพ ว่า ตรวจสอบพบขบวนการดังกล่าวโอนเงินไปยังบัญชีม้า 2 แถวทั้งหมด 8 บัญชี มีคนร้ายที่เป็นเจ้าของบัญชี 5 คน เป็นบัญชีม้าแถวที่ 1 ขณะนี้ออกหมายจับแล้ว อยู่ระหว่างการติดตามจับกุม และตรวจสอบเส้นทางการเงินที่โอนจากบัญชีแถวที่ 1 ไปยังแถวที่ 2 เบื้องต้นพบว่าเงินจำนวน 1.7 ล้านบาท มีการถอนเงินออกเป็นเงินสดไปแล้วบางส่วน ขณะนี้ตำรวจทราบปลายทางของเงินที่โอนแล้ว นอกจากนี้ ตำรวจ กก.สส.ภ.จ.สมุทรปราการ และตำรวจ สส.ภ.1 อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและประสานไปยังธนาคารเพื่อติดตามเส้นทางการเงินของกลุ่มคนร้ายที่เหลือต่อไป ขอเตือนให้ประชาชนตรวจสอบ แหล่งปล่อยเงินกู้ที่ถูกต้องตามกฎหมายผ่านทางเว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนว่า มีตัวตนจริงหรือไม่ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพที่เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และการกู้เงินทุกรูปแบบจะไม่มีการให้โอนเงินให้ผู้ปล่อยกู้ก่อนเด็ดขาด

ขณะที่ พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. กล่าวว่า สถิติการรับแจ้งความออนไลน์วันที่ 20 ส.ค. ถึง 26 ส.ค. รับแจ้งทั้งหมด 3,671 คดีความเสียหายกว่า 466 ล้านบาท คดีที่มีอัตราเกิดมากที่สุด 5 อันดับแรก อันดับที่ 1 คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการอยู่ที่ 1,781 คดี ยอดความเสียหาย 21,243,102.05 บาท 2.คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ 378 คดี ยอดความเสียหาย 53,691,234.94 บาท 3.คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ 342 คดี ยอดความเสียหาย 175,573,367.60 บาท 4.คดีหลอกลวงให้กู้เงิน 304 คดี ยอดความเสียหาย 13,324,870.00 บาท และ5.คดีหลอกลวงให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ 270 คดี ยอดความเสียหาย 44,105,474.53 บาท ในช่วงที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติเริ่มรับแจ้งพฤติการณ์ใหม่ที่คนร้ายนำมาใช้หลอกลวงประชาชน ได้แก่ คนร้ายปลอมเว็บไซต์รับแจ้งความออนไลน์แล้วหลอกเหยื่อให้โอนเงินเป็นการซ้ำเติมผู้เสียหาย และพบมุกใหม่แก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างว่าโทร.ติดต่อมาจากห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล เพื่อเป็นการป้องกันและให้ประชาชนได้รับรู้เท่าทันกลโกงของคนร้าย

ต่อมากลุ่มเพื่อน น.ส.วิภาพร ราชา ผู้ตายรวม 7 คน เดินทางเข้าแสดงความบริสุทธิ์กับเจ้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ แจ้งว่า พวกตนเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานที่โรงงานผลิตนมโฟร์โมสต์ อ.บางพลี ให้ยืมเงินเท่านั้น ไม่ใช่กลุ่มเงินกู้นอกระบบ กลุ่มเพื่อนบอกว่าเมื่อวันที่ 22 ส.ค.2566 น.ส.วิภาพรส่งข้อความมาขอยืมเงินบอกว่าติดปัญหาเรื่องบ้านจะถูกยึดขอยืมเงิน 3แสนบาท แต่ให้ยืมไปแค่เพียง 1 แสนบาท รายที่มากสุด 9 แสนบาท รวมที่ น.ส.วิภาพรยืมเงินเพื่อนหลายรายรวม 1,390,000 บาท ภายหลัง น.ส.วิภาพรโทร.บอกเพื่อนว่าถูกแอปโกงเงิน พวกตนจึงทวงถามจะใช้เงินคืนอย่างไร น.ส.วิภาพรร้องไห้ขอโทษหมดทางออก

ขณะเดียวกันนายสุรศักดิ์ ราชา อายุ 66 ปี พ่อเลี้ยงของ น.ส.วิภาพร ราชา เดินทางมาให้ปากคำกับตำรวจพร้อมเปิดเผยว่า ในฐานะพ่อเลี้ยงจดรับรอง น.ส.วิภาพรเป็นบุตรบุญธรรมถูกต้องตามกฎหมาย สาเหตุที่อยากรับศพลูกและหลานมาจัดการที่วัดหนามแดง จ.สมุทรปราการ เพราะแม่ของ น.ส.วิภาพรเสียชีวิตสวดบำเพ็ญกุศลที่วัดหนามแดง ส่วนประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องเงินบริจาคนั้น ตนไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน เมื่อกลายเป็นกระแสข่าวตัดสินใจแล้วว่า ไม่ยื้อที่จะเอาศพลูกสาวมาที่วัดหนามแดง และตัดสินใจมอบให้ญาตินายสาณิชดำเนินการตามประเพณีที่ จ.กำแพงเพชร ส่วนตนและครอบครัวจะเดินทางไปร่วมงานศพ ทั้งนี้เพื่อความสบายใจและไม่อยากให้สังคมตราหน้าว่าแย่งศพกัน ส่วนลูกเขยขอให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ในส่วนตัวอโหสิกรรมให้ เพราะที่ผ่านมาถือเป็นลูกชายคนหนึ่งและมีนิสัยดี

ด้านนายวัชรินทร์ โตขาว รอง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสมุทรปราการ กล่าวว่า เป็นผู้เปิดรับบริจาคให้กับครอบครัวผู้สูญเสีย ยอดบริจาคสูงถึง 2,390,000 บาท และปิดรับบริจาคไปแล้ว เงินบริจาคอยู่ในบัญชีของโรงเรียนบางแก้วประชาสรรค์ยังไม่มีการเบิกไปใช้จ่ายอะไรทั้งสิ้น คงต้องรอดูท่าทีไปก่อนเพราะอยากให้ญาติทั้งสองฝ่ายตกลงกันให้ได้ก่อนว่า เรื่องศพจะจัดการกันอย่างเไร เพราะทราบว่าทางญาติที่ จ.กำแพงเพชร จะดำเนินการเผาศพทั้ง 3 ในวันเสาร์ที่ 2 ก.ย. ส่วนเรื่องเงินบริจาคยังไม่มีญาติฝ่ายใดติดต่อเข้ามาสอบถามหากญาติยืนยันว่าจะทำพิธีที่ จ.กำแพงเพชร ตนจะเดินทางไปร่วมงานและพูดคุยเรื่องการจัดงานด้วย

...

ต่อมาเที่ยงวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดถนนงาม หมู่ 1 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ญาติฝ่ายนายสาณิชมารับทั้ง 3 ศพมาสวดบำเพ็ญกุศล พบนายพิเชษฐ์ ดอกไม้ พี่ชายนายสาณิช ดอกไม้ ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ยืนยันรับศพมาถูกต้องตามกฎหมาย หากญาติ น.ส.วิภาพรจะมารับศพไป ยืนยันว่าไม่ให้ศพไปอย่างแน่นอน แต่ให้มาร่วมงาน หลังเกิดเหตุวิดีโอคอลคุยกับน้องชายพ้นขีดอันตรายแล้ว พยักหน้าตอบโต้ได้เพียงเท่านั้น ส่วนเงินกว่า 2 ล้านบาท ที่เปิดรับบริจาค ตนไม่ทราบเรื่อง ในความตั้งใจจริงที่ไปรับศพมาเพื่อที่จะมาบำเพ็ญกุศลตามศาสนาเท่านั้น สำหรับค่าใช้จ่ายจัดงานศพยืนยันว่ามีกำลังพอที่จะดำเนินการได้ ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเงินบริจาคแต่อย่างใด ส่วนการฌาปนกิจทั้ง 3 จะดำเนินการในวันที่ 2 ก.ย.นี้ ตั้งกองฟอนภายในวัดเนื่องจากที่วัดเมรุมีช่องเผาเพียง 1 ช่อง ในส่วนคณะครูโรงเรียนของเด็กทั้ง 2 คน จะนำเงินมามอบให้เพื่อจัดการงานศพ ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสาน ขอจัดการเรื่องงานศพให้แล้วเสร็จก่อน