คืบหน้าคดี "ลูกชาย-ลูกสะใภ้" ทำร้ายแม่ชิงทรัพย์ ที่ราชบุรี ล่าสุด "ปอนด์" ลูกชาย ศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวแล้ว เนื่องจากพบว่าไม่มีส่วนกระทำความผิด หวิดวุ่นหน้าเรือนจำ "พี่ชาย-ญาติเมีย" แย่งตัวพากลับบ้าน เกือบปะทะเดือด ด้านคดีความ ตร.ยังเรียกปอนด์สอบปากคำเพิ่มเติม เชื่อมโยง "เมีย-พี่ชายเมีย" ร่วมกันก่อเหตุทำร้ายแม่เพื่อชิงทรัพย์
จากกรณีที่ "กัน จอมพลัง" ได้เดินทางมาติดตามคดีที่ นายธวัชชัย คำใส อายุ 31 ปี ได้ไปร้องขอให้ช่วยติดตามคดีที่ นางมณีรัตน์ คำใส อายุ 57 ปี ผู้เป็นแม่ ถูก นายวรายุทธ คำใส หรือปอนด์ อายุ 28 ปี น้องชาย และ น.ส.ละอองดาว จันทร์ยิด อายุ 28 ปี น้องสะใภ้ ปลอมตัวเป็นโจรเข้าไปปล้นและทำร้ายผู้เป็นแม่จนอาการสาหัส ส่วนทรัพย์สินที่ได้ไปนั้น มีทั้งเงินสด 3,000 บาท ทองคำ 3 สลึง และโทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่อง ซึ่งเหตุเกิดที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง หมู่ 17 ต.ปากแรต อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 66 ที่ผ่านมา
ต่อมาวันที่ 16 ก.ค. 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการขออนุมัติหมายจับจากศาล จ.ราชบุรี ไปจับกุมลูกชายและลูกสะใภ้ในข้อหา "ร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธ" และถูกจับกุมตัวมาสอบสวน ที่ สภ.บ้านโป่ง แต่ระหว่างนั้น นายธวัชชัย พี่ชาย ได้เข้าไปทำร้ายร่างกายน้องชายและน้องสะใภ้จนได้รับบาดเจ็บ และถูกน้องชายกับน้องสะใภ้แจ้งความกลับในข้อหา "ทำร้ายร่างกาย" พร้อมกับปฏิเสธว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกายผู้เป็นแม่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายปอนด์ และ น.ส.ละอองดาว สองผู้ต้องหา มาฝากขังที่ศาล จ.ราชบุรี ต่อมาญาติได้ทำเรื่องขอประกันตัว น.ส.ละอองดาว ออกมาด้วยวงเงิน 200,000 บาท
ล่าสุดเมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 21 ก.ค. 66 เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางราชบุรี ได้ปล่อยตัว นายปอนด์ ออกจากเรือนจำกลางราชบุรี หลังศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัว เนื่องจากพบว่าไม่ได้มีส่วนกระทำความผิดทำร้ายร่างกายแม่และลักทรัพย์ โดยมี นายปาล์ม ซึ่งเป็นพี่ชายและพี่สะใภ้ เดินทางมารอรับที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางราชบุรี
...
ขณะเดียวกัน น.ส.ละอองดาว จันทร์ยิด ภรรยา พร้อมพี่ชายและพี่สะใภ้ ก็เดินทางมารอรับ นายปอนด์ ที่หน้าเรือนจำกลางราชบุรีเช่นเดียวกัน ซึ่งหลังจากที่ นายปอนด์ ได้เดินออกมาจากเรือนจำฯ ทางพี่ชายและพี่สะใภ้ได้เรียกพร้อมกับเดินเข้าไปหาและพยายามจูงมือ นายปอนด์ และบอกว่า "พี่มารับแล้ว กลับบ้านกับพี่นะ มีเรื่องจะบอกคนที่ทำร้ายแม่ คือ เมียเอ็งนะ" ซึ่งตอนนั้น นายปอนด์ รับปากพี่ชายและพี่สะใภ้ว่าจะกลับบ้านด้วย
แต่ระหว่างนั้น ทางพี่ชายและพี่สะใภ้ของ น.ส.ละอองดาว ผู้เป็นภรรยา ได้เดินตรงเข้ามาประชิดตัว นายปอนด์ เช่นเดียวกันและบอกว่า "ไปกับพวกพี่นะ อย่าไปกับมัน มันต่อยเอ็ง ตอนนี้เมียเอ็งรออยู่ที่รถแล้ว" ทำให้ตอนนั้น นายปอนด์ รู้สึกสับสนมาก จนทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีปากเสียงหวิดปะทะกัน โดยฝ่ายพี่ชายของ น.ส.ละอองดาว อ้างกับ นายปอนด์ ว่า "ถ้าหากเอ็งไปกับพี่ชายเอ็ง เอ็งจะไม่ได้กลับบ้าน แต่จะถูกส่งตัวไปบำบัดยาเสพติด แล้วอาจจะโดนทำร้ายร่างกาย" ซึ่งพี่สะใภ้ของ นายปอนด์ ได้ฟังแบบนั้นจึงโต้เถียงกลับไปว่า "ยังจะกล้ามาอีกหรอ ทำกันถึงขนาดนี้แล้ว"
แต่สุดท้าย นายปอนด์ ก็บอกกับทุกคนว่า ขอเลือกไปกับครอบครัวภรรยา จากนั้นพี่ชาย น.ส.ละอองดาว จึงรีบพา นายปอนด์ ไปที่รถระหว่างนั้น น.ส.ละอองดาวดาว ก็ปรากฏตัวออกมาและเดินเข้าไปควงแขน นายปอนด์ พร้อมกับร้องไห้และบอกว่า "กลับบ้านกันนะ" จากนั้นผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถาม น.ส.ละอองดาว ว่า สรุปยอมรับหรือไม่ว่า ทำร้ายแม่สามีร่วมกันกับญาติพี่น้อง แต่ น.ส.ละอองดาวไม่ยอมตอบคำถาม จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงหันไปถาม นายปอนด์ ว่า รู้หรือไม่ว่าตำรวจจับตัวคนที่ทำร้ายแม่เราได้แล้ว คือ น.ส.ละอองดาว กับญาติพี่น้อง ทางนายปอนด์ จึงหันมาตอบว่า "ผมไม่ทราบเลย ผมอยู่ในเรือนจำ" จากนั้น น.ส.ละอองดาว จึงสั่งให้ปิดประตูรถและขับออกไปทันที
ด้านพี่ชายและพี่สะใภ้ของ นายปอนด์ ถึงขั้นคอตกและน้ำตาไหล ที่น้องชาย เลือกไปอยู่กับครอบครัวภรรยาที่ทำร้ายแม่ โดยพี่ชาย นายปอนด์ เปิดเผยว่า "ถ้าจะอ้างว่ากลัวผมต่อย เหมือนวันที่ผมจับได้ว่าทำร้ายแม่นั้น ผมยอมรับว่าวันนั้นโกรธมาก เพราะคิดว่า น้องชาย ทำร้ายแม่จริงๆ แต่ตอนนี้รู้ความจริงแล้ว ไม่อยากทำร้ายน้อง แต่ฝ่ายนั้นใช้เป็นข้ออ้างเพื่อชิงตัวน้องชายไป"
"ก่อนหน้านี้ ทางพี่ชาย น.ส.ละอองดาว โทรมาขอให้ตนถอนแจ้งความ ซึ่งการที่มาชิงตัวน้องชายไปอย่างนี้ ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับคดีด้วยหรือไม่ ยอมรับว่าเครียดมาก ไม่รู้ว่าจะกลับไปบอกแม่อย่างไรว่า น้องชายไปกับครอบครัวภรรยาแล้ว" พี่ชายนายปอนด์ กล่าว
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดเผยว่า หลังจากนี้ทางตำรวจจะยังเรียก นายปอนด์ มาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อเชื่อมโยงสาเหตุที่ภรรยาและพี่ชายภรรยาร่วมกันก่อเหตุทำร้ายแม่ นายปอนด์ เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบว่า นายปอนด์ รู้เห็นด้วยหรือไม่ ที่ภรรยากับญาติพี่น้องไปทำร้ายผู้เป็นแม่เพื่อหวังชิงทรัพย์