พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สระบุรี แถลงปมเมียน้อยร้อง ผัว ผกก.ทิ้ง ยันไม่นิ่งนอนใจ อยู่ระหว่างรอผลสอบข้อเท็จจริง พร้อมให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย มองเป็นเรื่องส่วนตัว ลั่น "คนเรามันก็มีหลายมุม" เผย ผกก.เป็นคนที่มีวินัย ไม่มีประวัติด่างพร้อย เรื่องฝีมือการทำงานก็เป็นที่ประจักษ์

จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าว ระบุว่า เมียน้อยแผลงฤทธิ์ บุกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร้องเรียนพฤติกรรมนายตำรวจระดับ ผกก.ของหน่วยงานหนึ่งในสังกัด บก.ภ.จ.สระบุรี หลังแอบคบหาจนมีลูกด้วยกันตั้งแต่ยังเป็นรอง ผกก. แรกๆ ให้เงินค่าเลี้ยงดูเดือนละ 3-5 หมื่นบาท พอได้เลื่อนยศเป็น ผกก. เพิ่มให้เป็นเดือนละ 1 แสนบาท ก่อนถูกตีตัวออกห่าง เพราะ ผกก.นักรักเอาเงินไปเปย์เด็กเอนฯ เคยร้องเรียนผู้บังคับบัญชาแล้วแต่เรื่องเงียบ แถมถูกขู่ห้ามไปร้องสื่อจนรู้สึกไม่ปลอดภัยนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ที่กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี (ภ.จว.สระบุรี) พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สระบุรี ร่วมกับ นายวิจิต วงษ์สุวรรณ ทนายความส่วนตัวของ ผกก.นายดังกล่าว ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

ผบก.ภ.จว.สระบุรี เผยว่า เรื่องดังกล่าวตนเคยรับการร้องเรียนมาแล้วประมาณ 3 เดือน ไม่ได้นิ่งนอนใจ ตนได้เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาสอบถามหารือกัน โดยทราบว่าทาง ผกก.มีภรรยาอยู่แล้ว จดทะเบียนสมรส ส่วนอีกคนไม่ได้จด แต่อยู่กินมา 6 ปี มีบุตรหญิง 2 ขวบ 

พอตอนหลังมีปัญหากันกับบ้านที่ 2 จากนั้นเรื่องรู้ถึงบ้านที่ 1 ก็เกิดทะเลาะกัน หลังจากนั้นทาง ผกก.ก็ไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดู เพราะ ผกก.ต้องเลือกทางหนึ่ง จนกระทั่งมีการตกลงกันในเรื่องลูกสาว จึงได้มีการส่งตัวตรวจดีเอ็นเอขึ้น จนทราบว่าเป็นลูก ผกก. จึงรับเป็นพ่อ 

...

ส่วนประเด็นที่ 2 ที่หญิงสาวคนดังกล่าวไปร้องเรียนกับสื่อเรียกค่าเสียหาย 2 ล้าน เป็นค่าเลี้ยงดู รายเดือนอีกเดือนละสองแสน ซึ่งไม่สามารถตกลงกันได้ เพราะทาง ผกก.ไม่ได้มีฐานะอะไรมากมาย จึงมีการฟ้องร้องและมีการร้องเรียนกันขึ้นมาเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบวินัยในเรื่องการปกครอง 

ซึ่งตนเองได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนให้แล้ว มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา คำสั่งทื่ 150/2566 อยู่ระหว่างการสอบสวน และพร้อมจะนัดผู้ร้อง สอบสวนอีกครั้งวันที่ 26 ก.ค.นี้ จนกระทั่งหญิงสาวคนดังกล่าวไม่รอจึงร้องต่อสื่อ  

ส่วนผลตั้งกรรมการสอบสวน ถ้าจะผิดวินัย อาจเป็นเรื่องประพฤติตัวไม่สมควร แต่ถ้ามีการข่มขู่ทำร้ายร่างกาย อาจจะมีโทษวินัยร้ายแรงถึงปลดออก ไล่ออกต่อไป อย่างไรก็ตามยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

ส่วนตัว ผกก.นายดังกล่าวนั้น ตนเองในฐานะผู้บังคับบัญชาทราบดีว่า ท่าน ผกก.เป็นคนที่มีวินัย ไม่มีประวัติด่างพร้อย เรื่องฝีมือการทำงานก็เป็นที่ประจักษ์ ส่วนเรื่องการปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะที่ผ่านมา ตัวท่าน ผกก.พร้อมทีมงานสามารถจับยาบ้าลอตใหญ่ๆ ได้ 39 ล้านเม็ด พร้อมไอซ์อีก 900 สารตั้งต้นอีกตันกว่า

“ยืนยันว่าเรื่องการปฏิบัติงานดีมาก เป็นบุคลากรซึ่งผมชื่นชม แต่คนเรามันก็มีหลายมุม ผมว่ามันก็เป็นเรื่องส่วนตัว แต่เรื่องในกรอบของความประพฤติ เรามีการควบคุมกำกับกันอยู่แล้ว มีการประชุมกันอยู่ตลอดในเรื่องความประพฤติเรื่องวินัย ที่สำคัญผมให้ความสำคัญในเรื่องของภาพลักษณ์ของหน่วยมาโดยตลอด”

ผบก.ภ.จว.สระบุรี กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่มีการพาดพิงมาถึงตัวผม ตอนนี้ให้ทนายรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ ก็คงพิจารณาดำเนินคดีต่อไป ถ้าดูแล้วมันทำให้ผู้อื่นเสียหาย เสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของหน่วย อันนี้ผมยอมไม่ได้

ด้าน นายวิจิต วงษ์สุวรรณ ทนายความส่วนตัวของ ผกก.นายดังกล่าว เผยว่า จากกรณีที่มีการร้องเรียนว่า ผกก.ดังกล่าวไม่มีการส่งเสียลูก นั้น ตนเองสอบถามลูกความแล้วทราบว่า ทางท่าน ผกก.ได้มีการส่งเสียให้เด็กดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เท่าที่ทราบประมาณเดือนละ 3,000 บาทตลอดมา 

ส่วนอีกประเด็นที่หญิงสาวคนดังกล่าวถูกภรรยาหลวงของ ผกก.นายนี้ ฟ้องร้องดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทและเป็นชู้ โดยเรียกค่าเสียหายกว่า 1 ล้านบาท ทนายระบุว่ามีการดำเนินคดีจริงที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสระบุรี ซึ่งอยู่ในขั้นตอนเจรจาไกล่เกลี่ยของศาล

ส่วนประเด็นเรื่องเงินส่งเสียค่าเลี้ยงดูลูกเอามาจากไหนนั้น ทราบว่า ทาง ผกก.ได้มีการกู้เงินจากสหกรณ์ตำรวจมา 3 ล้านบาท เพื่อมาใช้จ่ายให้ในครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนั้นทางภรรยาหลวงยังไม่ทราบเลยว่ามีการกู้ยืมเงิน ก่อนมาทราบภายหลัง

ส่วนเงินที่ ผกก.มอบให้หญิงสาวคนดังกล่าวเป็นค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรในช่วงหนึ่ง ก็เกือบๆ 2 ล้านบาท.