กรณีหนุ่มแค้นเมียบอกเลิกตามเอามีดไปกรีดปากยาวเกือบถึงหูในสถานีขนส่งกาญจนบุรี ล่าสุด ผู้ก่อเหตุยังไม่มามอบตัวกับตำรวจตามที่นัด เตรียมขอออกหมายจับ ส่วนที่สถานีขนส่ง วันนี้ มีกำลังตำรวจท่องเที่ยวมาดูแลความปลอดภัย

เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 22 มิ.ย.2566 ร.ต.ท.สุทธิกรรณ์ เอี่ยมสำอางค์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายโดยใช้อาวุธมีด มีผู้บาดเจ็บคนก่อเหตุหลบหนีที่ขนส่งผู้โดยสารจังหวัดกาญจนบุรี จึงรายงาน พ.ต.อ.สุรยุทธ เมฆมังกร ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี ทราบและรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.วศิน พลายศิริ รอง ผกก.สส.ฯ พ.ต.ต.มารุต ฉัตรทัณฑ์ สว.สส.ฯ ร.ต.อ.บัณฑิต ชูธรรม รอง สว.สส.ฯ ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นจุดขายตั๋วโดยสารรถตู้สายกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ พบรอยหยดเลือดอยู่ที่พื้น ส่วนผู้บาดเจ็บมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เข้าช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำตัวส่ง รพ.พหลพลพยุหเสนา พบว่าถูกมีดบาดเข้าที่บริเวณฝีปากบนยาวเย็บ 30 เข็ม อาการปลอดภัยแล้ว

ปมเหตุมาจากสามีแค้นถูกภรรยาบอกเลิก ตามง้อหลายครั้งไม่ยอมคืนดี ตัดสินใจ บุกใช้มีดหวังฆ่าปาดคอภรรยาคาสถานีขนส่ง หญิงสาวฮึดสู้ถูกมีดกรีดปากยาวเกือบถึงหู ก่อนพลเมืองดีเข้ามาช่วยห้าม ผู้ก่อเหตุไม่สะทกสะท้านเดินขึ้นรถขับหลบหนีอย่างใจเย็น ญาติฝ่ายหญิงเผยมีการโพสต์เฟซบุ๊ก ประกาศจะมาฆ่าปาดคอก่อนลงมือก่อเหตุ ภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิด บริเวณช่องขายตั๋วรถตู้โดยสายสายกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ ภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดกาญจนบุรี บันทึกภาพเหตุการณ์

...

ขณะที่ นายสุกฤษณ์ ใจเฟื่อย อายุ 44 ปี ใช้เสื้อลายสก็อตปิดบังใบหน้า เดินเข้ามาหา นางสาวพิรุฬห์ลักษณ์ ลิบลับ อายุ 41 ปี ซึ่งทำงานเป็นพนักงานขายตั๋วของรถตู้โดยสารสายกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ โดยทันทีที่นายสุกฤษณ์เข้ามาถึง ได้ใช้มือพยายามจะจับหัวของ นางสาววิรุฬห์ลักษณ์ กดลงกับพื้นแต่ นางสาววิรุฬห์ลักษณ์ ได้ลุกหนีและตะโกนไล่นายสุกฤษณ์ให้ออกไป จังหวะเดียวกันนั้น นายสุกฤษณ์ ได้ควักมีดปลายแหลมที่พกติดตัวมา พยายามจะปาดคอของนางสาววิรุฬห์ลักษณ์ ซึ่งนางสาววิรุฬห์ลักษณ์ได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือและพยายามต่อสู้ขัดขืน จึงถูกมีดกรีดเข้าที่ปากลากยาวไปบนแก้มข้างขวาเกือบถึงหู เพื่อนร่วมงานและพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์พยายามเข้ามาช่วยกันผู้ก่อเหตุออกไป ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเดินไปขึ้นรถกระบะขับหลบหนีออกไปจากจุดเกิดเหตุ

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น จาก นางกรรณิกา ใจสะอาด นายท่ารถตู้โดยสารสายที่เกิดเหตุ ให้ข้อมูลว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้น เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 18.45 นาฬิกา โดยผู้ก่อเหตุเป็นอดีตพนักงานขับรถตู้โดยสารและเป็นสามีของผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยช่วงเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุได้เดินเข้ามาที่ช่องขายตั๋วและพยายามจะใช้มือกดหัวของผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ผู้บาดเจ็บพยายามขัดขืนและตะโกนไล่ผู้ก่อเหตุ จากนั้น ผู้ก่อเหตุควักมีดออกมาและพยายามจะปาดคอของผู้ได้รับบาดเจ็บ ผู้ได้รับบาดเจ็บได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือและดิ้นรนสู้สุดชีวิต ทำให้มีดพลาดเป้าไปโดนที่ปากลากยาวไปจนเกือบถึงหู

จากนั้น เพื่อนร่วมงานและพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์จะรีบเข้ามาช่วยกันล็อกตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ ทันทีที่ถูกล็อกตัวและแย่งมีดไปได้ ผู้ก่อเหตุก็ได้เดินแยกตัวออกไปและไปขึ้นรถกระบะที่จอดติดเครื่องไว้และขับหลบหนีออกไปอย่างใจเย็น ส่วนเพื่อนร่วมงานและพลเมืองดีก็รีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์มารับผู้บาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาล พร้อมโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที

ด้านนายชโรธร พิลาจันทร์ พนง.ขายตั๋ว เข้าช่วยเหลือ กล่าวว่า พอดีแฟนเก่าน้องเขาคล้ายๆ มาง้อขอคืนดีอยู่ดีๆ น้องผู้ชายก็ใช้มีดแทงปาดคอผู้หญิง ผมก็เลยเข้าไปช่วยกระชากออกมา ประมาณ 5 นาที ผู้ชายก็เดินออกไปแบบไม่รีบ ไม่มีอาการสะทกสะท้าน ได้ยินเสียงกรีดร้องขอให้ช่วย มีรอยบาดแผลที่บริเวณปาก ยาวประมาณ 6 ซม. เย็บ 30 เข็ม ก็ไม่น่าใช้ความรุนแรงกัน จบและเลิกกันแบบเข้าใจกัน เป็นเพื่อนกันดีกว่า

ความคืบหน้าต่อมาเวลา 12.00 น. วันที่ 23 มิ.ย.2566 พ.ต.ต.ธนภัทร ทองไพบูลย์ สว.ตำรวจท่องเที่ยวกาญจนบุรี สั่งการให้ ร.ต.ต.สงวน ใจหาญ ร.ต.ต.บุญชู สังกะสิงห์ ร.ต.ต.หญิง สุชีลา ใจเก่งดี จนท.ตำรวจท่องเที่ยวกาญจนบุรี และหน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดกาญจนบุรี ได้มาตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและป้องกันเหตุการณ์ความรุนแรงเพื่อความปลอดภัยกับผู้โดยสารทั่วไปรวมทั้งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสถานีขนส่งโดยสารอีกด้วย

...

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามติดต่อครอบครัวของผู้ก่อเหตุ ให้เดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี โดยครอบครัวผู้ก่อเหตุรับปากว่าจะพาผู้ก่อเหตุเข้ามามอบตัวตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 23 มิถุนายน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มาตามนัดแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ให้ชุดสืบสวนออกติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.