คุณแม่แตงโมร้องคัดค้านการประกันตัว "แซน วิศาพัช" ในชั้นศาล อ้างยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ศาลปัดตกคำร้อง แต่ยิ้มออกรับฟ้องเรียกค่าเยียวยา 179 ล้านบาทแล้ว นัดสืบพยาน 29 มิ.ย. 66 ขณะที่ "กระติก" ยัน 2 ปีแทบไม่รับงาน ออกรายการได้ 1.5 หมื่น ไม่ใช่หลักแสนหลักล้าน

เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีแตงโม หลังมีการยื่นตรวจพยานหลักฐานต่างๆ ของทั้งสองฝ่ายที่จะใช้เป็นพยานไต่สวนในชั้นศาล นางภนิดา ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อขอคัดค้านการประกันตัว แซน วิศาพัช จำเลยที่ 1 ในกลุ่มผู้ต้องหาที่ให้การปฏิเสธ โดยให้เหตุผลกับศาลว่า แซน วิศาพัช เข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดี และมีปัญหากับพนักงานอัยการ ทำให้ศาลจังหวัดนนทบุรีสอบถามกับทางอัยการจังหวัดนนทบุรี ก็พบว่า แซน วิศาพัช ไม่ได้มีพฤติกรรมยุ่งเหยิงพยานหลักฐานตามที่นางภนิดากล่าวอ้าง จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องดังกล่าวไป 

ต่อมา ศาลจังหวัดนนทบุรี พิเคราะห์จากพยานหลักฐานชิ้นใหม่ ซึ่งเป็นหนังสือสัญญาตกลงว่าจ้างงานต่างๆ ที่ น.ส.ภัทรธิดา หรือแตงโม รับงานว่าจ้างเอาไว้ ซึ่งจะมีรายได้เฉลี่ยต่อปี กว่า 10 ล้านบาท ศาลจึงมีคำสั่งรับคำร้องตามที่ นางภนิดา เป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากกลุ่มจำเลยที่เหลืออีก 4 คน เป็นเงินจำนวน 179 ล้านบาท พร้อมกับนัดตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันนัดสืบพยานอีกครั้งในวันที่ 29 มิ.ย. 66

แซน วิศาพัช ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ทางคุณแม่ได้ยื่นคัดค้านประกันตัวของตนในชั้นศาลจริง โดยทางคุณแม่อ้างว่าตนนำความจริงไปพูดกับสื่อ และเตรียมดำเนินคดีกับคุณแม่เรื่องที่คุณแม่นำเอกสารอันเป็นเท็จมาแจกกับผู้สื่อข่าวเมื่อคราวที่แล้ว โดยคุณแม่ยังได้ยื่นคำร้องต่อศาล ขอให้ห้ามตนกับพวกออกสื่อ ซึ่งต่อมาศาลได้พิจารณาและยกคำร้องของคุณแม่ในเรื่องนี้ไป เพราะไม่มีหลักฐานตามที่คุณแม่กล่าวอ้าง ซึ่งตนไม่ได้กังวลใจอะไรกับสิ่งที่ไม่น่าสนใจ ตนแค่ออกมาพูดความจริงเพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น ส่วนเรื่องที่บอกว่ามี 2 ใน 4 ติดต่อไปขอเจรจากับทางคุณแม่เพื่อขอไกล่เกลี่ยคดีนั้น จากการพูดคุยกันในกลุ่มในวันนี้ไม่มีใครได้ติดต่อไปหาเพื่อขอไกล่เกลี่ยกับคุณแม่ตามที่กล่าวอ้าง ทุกคนยืนยันที่จะขอต่อสู้ความจริงในขั้นศาลต่อไป ซึ่งตนกับทนายความก็เตรียมพิจารณาคดีหมิ่นประมาทที่คุณแม่นำเอกสารอันเป็นเท็จมาแจกจ่ายให้กับสื่อเช่นกัน

...

แซน วิศาพัช กล่าวว่า ทุกวันนี้ตนยังไม่เข้าใจว่าคุณแม่คิดอะไรอยู่ รู้สึกสงสัยว่าคุณแม่ทำไปเพื่ออะไรกัน เจตนาคืออะไร อยากให้คุณแม่สงสารพวกเราบ้าง พวกเราก็อยากให้คดีมันจบ แต่เหมือนคุณแม่ต้องการบีบคั้นพวกเรามาก

นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความส่วนตัวของแซน กล่าวว่า แม้ว่าศาลจะมีคำสั่งรับคำฟ้องร้องเรียกค่าชดเชยตามที่คุณแม่เรียกร้องมาเป็นเงินถึง 179 ล้านบาทแล้วก็ตาม ซึ่งศาลก็คงพิจารณาไปตามพยานหลักฐานที่คุณแม่นำมายื่น แม้ว่าทางตนจะได้ยื่นต่อศาลให้ทางคุณแม่วางเงินค่าระวางศาลตามที่กฎระเบียบของการเรียกร้องค่าเสียหายแล้วก็ตาม แต่ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเรื่องจำนวนเงินเยียวยาที่คุณแม่เรียกร้องมานั้นเป็นสิทธิที่คุณแม่สามารถจะฟ้องร้องได้ก็ตาม ตนก็หวังว่าในครั้งหน้าคุณแม่คงจะไม่เรียกร้องค่าเยียวยามากไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะหากไม่มีหลักฐานใหม่มานำเสนอต่อศาลแล้ว ศาลก็คงไม่พิจารณาให้สิทธิเรียกร้องเพิ่มอีก นอกจากว่าคุณแม่จะมีหลักฐานใหม่มาแสดงและพิสูจน์ในขั้นศาลอีก อย่างไรก็ตามตนจะได้ยื่นเรื่องต่อศาลขอให้มีการพิจารณาคดีนี้ลับหลังต่อไป เพราะคดีที่มีโทษไม่เกิน 10 ปี สามารถยื่นร้องต่อศาลได้

น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสวัสดิ์ หรือ กระติก กล่าวว่า สำหรับเรื่องจำนวนเงินที่คุณแม่เรียกร้องค่าเยียวยาเป็นเงิน 179 ล้านบาท โดยอ้างว่าเป็นรายได้ที่แตงโม น่าจะทำได้ในเวลา 20 ปีที่เหลือนั้น ก็ต้องหาเอกสาร หลักฐานมานำสืบ เพราะถ้ามีสัญญา หรือหนังสือว่าจ้างงานต่างๆ ตนก็ต้องเคยเห็น เพราะจากที่ทราบมาบางครั้งที่แตงโมไปออกรายการก็ได้ค่าตอบแทนมาแค่ 15,000 บาทต่อรายการ ไม่ได้เป็นหลักแสนหลักล้านบาท และต่อมาในช่วงหลังแตงโมเองก็แทบจะไม่รับงานเลย เพราะป่วยเป็นโรคซึมเศร้า บวกกับปัญหาเรื่องศัลยกรรมอีก น่าจะเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปีได้ที่แตงโมไม่ได้รับงานต่างๆ และก่อนที่แตงโมจะมาเสียชีวิต ก็รับเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าเพียงตัวเดียวเท่านั้น 

ซึ่งตนก็เป็นคนหางานชิ้นดังกล่าวมาให้ ถ้าคุณแม่จะคำนวณจากปี 60 เป็นต้นมาก็ต้องไปไล่ดูให้ตรงกับข้อเท็จจริงด้วย แต่ตนยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะคำนวณรายได้ออกมาถึง 179 ล้านบาท และนอกจากนี้ต้องไปดูด้วยว่าแตงโมเคยให้คุณแม่ต่อเดือนเท่าไร เพราะแตงโมเองก็มีค่าใช้จ่ายเยอะพอสมควร ตนจึงรู้ดีว่าแตงโมเขาให้คุณแม่เดือนละเท่าไร แต่ตนไม่ขอพูดถึง และตนก็ไม่ได้ตกใจที่คุณแม่เรียกค่าเยียวยาถึง 179 ล้านบาท เพราะคุณแม่จะเรียกเท่าไรก็ได้ ก็เรียกไปก่อนเผื่อฟลุกได้ แต่จะได้จริงเท่าไร ต้องรอให้ทางศาลเป็นผู้พิจารณา.