ผู้การเต่า-ผบก.ปปป. เผยเจอไดอารี่ลับ หัวหน้าฝ่ายรายได้ สำนักงานเขตราชเทวี เรียกรับสินบนผู้ประกอบการอสังหาฯ เลี่ยงภาษี เชื่อไม่ได้ทำคนเดียว จ่อเอาผิดผู้ร่วมขบวนการ รับเงินใต้โต๊ะ 100 กว่าล้านบาท
เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 7 เมษายน 2566 ที่กองบังการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดี นายประมวล แสงแก้วศรี อายุ 57 ปี หัวหน้าฝ่ายรายได้ สำนักงานเขตราชเทวี เรียกรับสินบนผู้ประกอบการเพื่อเลี่ยงจ่ายภาษี ว่า จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดเอกสารหลักฐานต่างๆ ได้เป็นจำนวนมาก สำหรับเอกสารเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญกับแนวทางสืบสวนสอบสวนคดี ขณะนี้เริ่มมีการประชุมแบ่งงานวางแนวทางการสืบสวนสอบสวนเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ตรวจยึดได้นั้นมีจำนวนมาก มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกว่า 100 เคส มีผู้ประกอบการที่ตกเป็นเหยื่อกว่า 100 ราย หลังจากนี้อาจจะมีการเชิญตัวผู้ที่ส่วนเกี่ยวข้องมาสอบปากคำในฐานะพยาน ปัจจุบันสอบไปแล้ว 4-5 ปาก
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีเข้าตรวจค้นห้องพักหญิงสาวคนสนิทของ นายประมวล เบื้องต้นพบข้อมูลการเงินผ่านเข้าบัญชีกว่า 5 ล้านบาท เป็นช่วงระหว่างที่ตัวนายประมวล ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่สำนักงานเขตพญาไท และราชเทวี ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจากแผนประทุษกรรมของนายประมวล จะพบว่า เมื่อได้เงินมาจะไม่ยอมนำมาเก็บไว้ใกล้ตัว แต่จะผ่องถ่ายไปให้บุคคลใกล้ชิดแทน รวมถึงนำไปลงทุนเช่าพระเครื่อง หรือ แปลงเป็นทรัพย์สินอื่นๆ เรื่องนี้จะต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเป็นการฟอกเงินหรือไม่ นอกจากนี้จากเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ตรวจยึดมาได้นั้น ยังพบว่ามีเจ้าหน้าที่รายอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกว่า 10 รายชื่อ ที่เจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการร่วมกระทำผิดด้วยหรือไม่
...
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกด้วยว่า จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ยังพบพยานหลักฐานสำคัญอีกอย่างหนึ่ง เป็นสมุดบันทึก หรือ ไดอารี่ ที่ นายประมวลเขียนบันทึกเรื่องราวต่างๆ ไว้ ไม่ว่าจะเป็นเงินที่ได้มาถูกโอนไปให้กับใครบ้าง รวมไปถึงบันทึกสคริปต์การพูดต่อรองกับผู้ประกอบการเป็นขั้นเป็นตอน สอนให้ลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชา นำไปใช้ในการเรียกเงินจากผู้ประกอบการ จากข้อมูลหลักฐานที่มีอยู่เชื่อว่า น่าจะก่อเหตุในลักษณะเดียวกันมาแล้วหลายเคส จึงจำเป็นต้องตรวจสอบให้ครบทุกมิติ รวมทั้งเชื่อว่าไม่ได้ทำเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน จากพยานหลักฐานที่มีอยู่เชื่อว่าเพียงพอที่จะเรียกกลุ่มคนที่ต้องสงสัยว่า ร่วมกระทำผิดเหล่านี้มาแจ้งข้อกล่าวหาได้ แต่ขอเวลาตรวจสอบให้แน่ชัดเสียก่อนเพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ยืนยันว่า หากพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงใคร ไม่มีละเว้น
“ส่วนเรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินต่างๆ และเงินหมุนเวียนในบัญชี พบรวมๆ แล้วมีประมาณ 100 กว่าล้านบาท ทั้งนี้อยากฝากไปถึงผู้ประกอบการต่างๆ ที่ตกเป็นเหยื่อ อยากขอเข้ามาให้ข้อมูลให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ เพื่อที่ปัญหาการทุจริตเหล่านี้จะได้ลดน้อยลงไป” ผบก.ปปป. กล่าวทิ้งท้าย