ดีเอสไอจัดหนัก ยืนยันมีหลักฐาน เพียงพอที่จะเอาผิด “นอท-พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์” พบเส้นทางการเงิน สีเทาโอนเข้ามากว่า 1 พันล้านบาท จนต้องรับเป็นคดีพิเศษอีกคดี ส่วน “เฮียชู” แฉอีก “นอท กองสลากพลัส” พัวพันเงินทุนสีเทาจากนายบ่อนย่านปิ่นเกล้าและเว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ ขณะที่ผลรางวัลลอตเตอรี่ งวด 17 ม.ค. มีผู้ถูกรางวัลที่ 1 จากแอป “เป๋าตัง” รวม 17 ใบ เป็นเงิน 102 ล้านบาท
จากกรณี พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ประธานคณะทำงานเฉพาะกิจตรวจสอบผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนด พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล นำกำลังตำรวจ ผู้แทน สคบ. ปปง. กรมสรรพากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้ตรวจสอบ บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด (กองสลากพลัส) หลังพบพฤติการณ์ขายสลากเกินราคาและอื่นๆ ขณะที่นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือนอท กองสลากพลัส ถูกดีเอสไอเรียกตรวจสอบเส้นทางการเงิน หลังพบความเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนธุรกิจผิดกฎหมายเป็นเงิน 53 ล้านบาท
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 17 ม.ค. นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังรอให้นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือนอท กองสลากพลัส รวบรวมเอกสารรายการเดินบัญชีมามอบให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบ หลังจากเมื่อวันที่ 13 ม.ค. นายพันธ์ธวัชเข้าพบพนักงานสอบสวนและแจ้งขอส่งหลักฐานเพิ่มเติมภายในสิ้นเดือน ม.ค. นอกจากนี้ ดีเอสไอยังแบ่งสำนวนมาเป็นอีกหนึ่งคดีคือคดีพิเศษที่ 6/66 หลังสืบสวนเส้นทางการเงินเพิ่มเติมจากบัญชีนายพันธ์ธวัช พบอีก 39 เส้นทางการเงิน จำนวนเงินกว่า 1,090 ล้านบาท มีการโอนเข้ามาในบัญชีของนายพันธ์ธวัชและเส้นทางการเงินจำนวนนี้ก็พบว่าเป็นเงินจากกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายเช่นกัน ซึ่งนายพันธ์ธวัชจะต้องเข้าชี้แจงภายในสิ้นเดือน ม.ค. ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอมีพยานหลักฐานชัดเจนที่จะดำเนินคดีกับนายพันธ์ธวัชเกี่ยวกับเส้นทางการเงินที่พบ
...
มีรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเวลาประมาณ 00.30 น. วันเดียวกัน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดังโพสต์ภาพและข้อความเฟซบุ๊กส่วนตัว มีใจความสรุปว่า ความซวยของ “นอท กองสลากพลัส” นาย “ล” ลูกชายจ่า “ม” นายบ่อนใหญ่ย่านปิ่นเกล้า ทำเว็บพนันออนไลน์ร่วมกับนาย “อ” ชื่อเล่น “เฟย” หลานชายจ่า “ม” อีกเหมือนกัน เท่ากับ “ล” กับ “อ” ทำงานเป็นธุรกิจครอบครัว
ในภาพเป็นกลุ่มลูกน้อง “ล” รับคำสั่งให้ไปหวดทำร้ายบัญชีม้าแบบไม่ยั้งเพราะดันไปอมเงิน ใครคิดจะเปิดบัญชีม้าดูไว้ให้ดี ไม่เจ็บตัวก็เสี่ยงติดคุก ได้เงินหลักร้อย พอเห็นเงินเข้ามากก็โลภขึ้นสมอง คดีทำร้ายบัญชีม้าไปถึงมือดีเอสไอสืบสาวราวเรื่องโยงเส้นเงินไปมา ดันมีเส้นเงินเป็นแคชเชียร์เช็คจ่ายไปให้ “นอท กองสลากพลัส” 2 ฉบับ รวม 53 ล้านบาท ดีเอสไอเลยตั้งแท่นคดีเลขที่ 288/65 เพิ่งเรียกตัวนอทให้ไปชี้แจงที่มาของเงิน เป็นความซวยยกที่ 1 แต่เรื่องยังไม่จบ กลับลุกลามเหมือนไฟไหม้ป่า ดีเอสไอสืบเส้นทางการเงินต่อไปเจอเส้นเงินจากทุนไทยเทาอีก 39 เส้น รวม 1,090 ล้านบาท แถมบางเส้นมาจากเจ้าของเว็บพนันรายใหญ่ที่หนีไปเสวยสุขอยู่อังกฤษ ซื้อโรงแรมแถวเคนซิงตัน กลางกรุงลอนดอน จนต้องตั้งเป็นคดีใหม่อีกคดี เลขที่ 6/66 ความซวยยกที่ 2 ยังไม่พอ ตำรวจเกิดขยันขึ้นมากะทันหัน สนธิกำลังไปบุกออฟฟิศกองสลากพลัส ข้อหาขายลอตเตอรี่เกินราคาเอาเปรียบผู้บริโภคเข้าไปอีก ซวยซ้ำซวยซ้อนยกที่ 3 ต้องเข้าสุภาษิตชูวิทย์ “อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้” หากอยู่เมืองไทยแล้ว เย็นไม่พอ รอไม่ได้ ล้วนมีเรื่องเดือดร้อนไม่หยุดหย่อนตามมาเป็นพรวน ความสุขต้องออกไปค้นหา แต่ความซวยมันมาเยือนโดยไม่รู้ตัว เรื่องแบบนี้ ผมผ่านมาหมดแล้ว
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนากร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ช่อง 9 อสมท ถ่ายทอดสดฟุตบอล “อาเซียนคัพ 2022” ระหว่างช่วงพักครึ่งมีการเผยแพร่โฆษณาของกองสลากพลัสว่า เรื่องนี้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ต้องเป็นผู้ดูแล ในส่วนช่อง 9 อสมท ตนหารือกับรักษาการ ผอ.ใหญ่ บริษัท อสมท จำกัดมหาชนแล้ว กำชับขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย โดยนายกฯเน้นย้ำนโยบายจำหน่ายในราคา 80 บาท และให้แก้ปัญหาทั้งระบบ มีหลายฝ่ายตรวจสอบ ทั้งตำรวจ กองสลากฯ กรมสรรพากร
สำหรับผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 17 ม.ค. มีผู้ที่ซื้อสลากดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ถูกรางวัลที่ 1 รวม 17 ใบ คิดเป็นเงิน 102 ล้านบาท มีผู้ถูกรางวัลที่ 1 คนเดียว 10 ใบ รับ 60 ล้านบาท ถูก 5 ใบ 1 คน รับ 30 ล้านบาทและถูก 1 ใบ 2 คน รับคนละ 6 ล้านบาท ส่วนงวดหน้าวันที่ 1 ก.พ. มีสลากดิจิทัลจำหน่ายผ่านแอปเป๋าตัง 17,096,500 ใบ จากผู้ค้ารายย่อย 34,193 ราย เปิดจำหน่ายในวันที่ 18 ม.ค. ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. ทุกวันจนกว่าจะหมด