ป.ป.ส. รุกหนัก จับอีกลักลอบส่งยาเสพติดผ่านพัสดุ 2 จุด จ.สุราษฎร์ฯ และ จ.พังงา ก่อนขยายผลยึดยาบ้า 24,762 เม็ด ด้านเลขา ป.ป.ส. สั่งยกระดับสกัดกั้นโลจิสติกส์ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเผยระหว่าง ต.ค.65 - ม.ค.66 จับได้จำนวน 15 คดี ของกลาง ยาบ้า 2,472,773 เม็ด ไอซ์ 6.23 กก. เคตามีน 13.9 กก.
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 16 ม.ค. 66 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. เผยว่า เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ สภ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี สภ.ทับปุด จ.พังงา และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จับกุมกลุ่มลักลอบส่งยาเสพติดผ่านระบบขนส่งพัสดุ โดยตรวจยึดยาบ้า 9 กล่อง เตรียมส่งภาคใต้ ก่อนขยายผลดักจับกุมผู้รับพัสดุ 2 จุด ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี และ พังงา จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่มารับพัสดุ 1 ราย ออกหมายจับอีก 3 ราย รวมยึดยาบ้า 24,762 เม็ด
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 ม.ค. เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดยาบ้าในกล่องพัสดุ 9 กล่อง รวมจำนวนยาบ้า 3,562 เม็ด ที่บริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ จากการสืบสวนขยายผล ทราบผู้นำพัสดุซุกซ่อนยาบ้ามาส่ง จำนวน 2 คน โดยทั้งสองมีพฤติการณ์จัดส่งยาบ้าอำพรางกับสินค้าออนไลน์ เจ้าหน้าที่จึงยึดยาบ้าทั้งหมด และรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับบุคคลทั้งสอง
ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองได้จัดส่งยาบ้าบางส่วนผ่านทางพัสดุไปรษณีย์ไปแล้ว จำนวน 2 กล่อง มีปลายทางอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.พังงา จึงได้ประสานไปยังสำนักงานปราบปรามยาเสพติดภาคใต้ และ ป.ป.ส. ภ.8 เพื่อสืบสวนจับกุมกลุ่มขบวนการในพื้นที่
วันที่ 15 ม.ค.66 เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังใน จุดรับพัสดุ 2 จุด คือจุดที่ 1 พื้นที่ ต.กะแดะ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี และจุดที่ 2 พื้นที่ ต.ทับปุด อ.ทับปุด จ.พังงา โดยในจุดที่ 1 ที่ จ.สุราษฎร์ธานี สามารถจับกุมนายอภิวัฒน์ ชื่นสุวรรณ อายุ 32 ปี นักค้ายาเสพติดในพื้นที่ พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 6,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในพัสดุไปรษณีย์ จำนวน 3 กล่อง นำตัว นายอภิวัฒน์ ตรวจค้นภายในบ้าน พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในห้องน้ำอีก จำนวน 1,200 เม็ด และไอซ์อีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ยังได้ทำการตรวจยึดเงินสดและทองคำจำนวนหนึ่งของผู้ต้องหาไว้เพื่อทำการตรวจสอบ พร้อมซักถามขยายผลเครือข่ายและทรัพย์สินของผู้ต้องหา รวมถึงผู้เกี่ยวข้อง เพื่อทำการยึด/อายัดโดยเร่งด่วนต่อไป
...
จุดที่ 2 จ.พังงา นักค้ายาเสพติดที่จะมารับแต่เกิดไหวตัวทัน จึงไม่มารับพัสดุ และหลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงทำการเปิดกล่องพัสดุดังกล่าว พบยาบ้า จำนวน 14,000 เม็ด อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนและพยานหลักฐานที่ปรากฏ ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถระบุตัวนักค้ายาที่จะมารับยาเสพติดได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะเข้าทำการปิดล้อมจับกุม ยึดทรัพย์ต่อไป
นายวิชัย กล่าวว่า เป็นนโยบายของ รมว.ยุติธรรม ให้ยกระดับการสกัดกั้นการส่งยาเสพติดผ่านระบบขนส่งทั้งภายในและต่างประเทศ ทำให้มีผลการจับกุมอย่างต่อเนื่อง โดยผลการสกัดกั้นจับกุมคดีส่งยาเสพติดผ่านระบบโลจิสติกส์ในประเทศ ต.ค.65 - ม.ค.66 จำนวน 15 คดี ของกลาง ยาบ้า 2,472,773 เม็ด ไอซ์ 6.23 กก. เคตามีน 13.9 กก. ขณะที่ผลการสกัดกั้นจับกุมคดีส่งยาเสพติดผ่านระบบโลจิสติกส์ไปต่างประเทศ ผ่านโครงการความร่วมมือด้านปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ท่าเรือ (Seaport Interdiction Task Force หรือ SITF) และ โครงการเครือข่ายหน่วยงานสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ณ ท่าอากาศยานสากล ในอาเซียน (ASEAN Airport Interdiction Task Force หรือ AITF) 61 คดี ของกลาง ยาบ้า 13,500 เม็ด เฮโรอีน 116 กก. ไอซ์ 142 กก. ยาอี 85,150 เม็ด โคเคน 8 กก.
เลขาธิการ ป.ป.ส. ยังได้เตือนไปถึงผู้ที่ลักลอบรับส่งยาเสพติดผ่านระบบขนส่งพัสดุว่า หลักฐานการรับส่งพัสดุจะถูกเก็บบันทึก สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ ฉะนั้นอย่าคิดว่ารับ-ส่งสำเร็จแล้วจะรอด หากจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้ เจ้าหน้าที่จะขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องย้อนหลัง หากพบมีความเกี่ยวข้อง เช่น เป็นผู้ส่ง จะถูกแจ้งข้อหา มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษ อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ในกรณีให้ใช้ชื่อ-นามสกุล ในการรับส่งยาเสพติดผ่านพัสดุ แม้ไม่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดก็มีสิทธิจะถูกแจ้งข้อหาความผิดฐานสมคบกันฯ เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดฯ, สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำผิดฯ และขอเตือนถึงสถานประกอบการรับส่งพัสดุไม่ว่าจะเป็นจุดใหญ่จุดย่อย ให้มีการตรวจสอบชื่อผู้ส่งให้รอบคอบ เพราะบางครั้งพบชื่อผู้ส่งเป็นชื่อปลอมหรือมีการให้ผู้อื่นมาส่งแทน แม้สามารถตรวจสอบในช่องทางอื่นได้แต่ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเพิ่มขึ้น โดยหากพบกรณีเช่นนี้สถานประกอบการขนส่งจะถูกปรับ และหากยังกระทำผิดซ้ำก็จะพิจารณาโทษทางอาญา หรือเพิกถอนใบอนุญาตต่อไป