ผู้การระนอง เผย ยึดปืนของคนร้ายที่ก่อเหตุยิงโรงเรียนหมิงซินมาตรวจสอบ พบมีทะเบียนถูกต้องเล็งยื่นเพิกถอนต่อนายทะเบียน ขณะที่ข้อหาอาจโดนพยายามฆ่า เพราะทำหลายครั้งเสี่ยงสูญเสียต่อชีวิตได้

กรณีมีคนยิงปืนใส่โรงเรียนหมิงซิน อ.เมือง จ.ระนอง จำนวน 18 นัด ซึ่งโรงเรียนหมิงซินเป็นโรงเรียนระดับประถมมีนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงชั้นประถม 6 มากกว่า 1,500 คน โดยยิงมาจากมุมสูงติดกับโรงเรียน ซึ่งคุณครูที่เข้าเวรบอกว่าจากการได้ยินเสียงปืนนับรวมได้จำนวน 18 นัด โชคดีที่เป็นวันหยุดไม่มีนักเรียน จนช่วงค่ำเช้าเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลัง บุกเข้าจับกุมชายวัย 43 ปี โดยใช้กฎอัยการศึก พร้อมเข้าควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบสวน โดยเบื้องต้นผู้ก่อเหตุยังไม่ยอมให้การ

ล่าสุดวันนี้ (28 พ.ย. 65) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์และบรรยากาศหน้าโรงเรียน พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองคอยดูแลความเรียบร้อยและความปลอดภัยทั้งด้านหน้าและด้านในของโรงเรียน โดยทางโรงเรียนยังคงเปิดทำการเรียนการสอนตามปกติ จนกระทั่งเวลา 09.00 น. พล.ต.ต.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผบก.ภ.จว.ระนอง ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจครูและนักเรียน โดยมีนายชลัท ทิพย์ลมัย ผู้อำนวยการโรงเรียน คณะกรรมการ และครูให้การต้อนรับ

...

พล.ต.ต.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผบก.ภ.จว.ระนอง กล่าวว่า จากการรับทราบข้อมูลเมื่อวานนี้ว่าผู้ก่อเหตุ นายสุวรรณ เฉลิมวุฒิธานนท์ อายุ 43 ใช้ปืนอัดลมในการก่อเหตุ ทำให้ตนเองเชื่อว่าหากผู้ก่อเหตุมีปืนลักษณะนี้ในการก่อเหตุ ก็น่าจะมีอาวุธปืนชนิดอื่นอยู่ด้วย ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เพราะจากการตรวจค้นยังพบอาวุธปืนขนาด 9 มม. พร้อมกระสุนเต็ม 2 แม็ก และปืนยาว .22 อีก 1 กระบอก โดยเป็นปืนที่มีทะเบียนถูกต้อง ซึ่งหากผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนเหล่านี้ความเสียหายจะเกิดขึ้นหนักมาก

ผู้การตำรวจระนอง กล่าวต่อว่า ส่วนตัวยึดหลักการว่า หากคุณทำผิดกฎหมาย คุณไม่เคารพกฎหมาย เราก็ไม่เคารพคุณ เมื่อวานนี้ตนจึงตัดสินใจใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดโดยใช้กฎอัยการศึกนำโดยทหาร และใช้กำลังชุดราชเดชที่ฝึกมาเพื่อการนี้เข้าปฏิบัติหน้าที่ โดยตอนนี้ได้มีการยึดปืนเหล่านั้นไว้แล้ว และหลังจากนี้จะได้มีส่งเรื่องเพิกถอนทะเบียนและใบอนุญาตต่อนายทะเบียนต่อไป

พล.ต.ต.เชิดพงษ์ กล่าวอีกว่า ผู้ก่อเหตุจะใช้สิทธิทางกฎหมายในช่องทางต่างๆ ในการร้องเรียนเรื่องเดือดร้อนรำคาญได้อยู่แล้ว แต่จะลงมือกระทำแบบนี้ไม่ได้ โดยตนเองจะให้ความสำคัญกับเรื่องของเด็ก สตรี และคนชรา ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่มีทางสู้เป็นกรณีพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตของประชาชน ในจังหวัดระนองต้องไม่มีเหตุกราดยิง

ผู้การตำรวจระนอง กล่าวด้วยว่า ในส่วนของพยานหลักฐานตอนนี้มีเยอะและค่อนข้างแน่นหนา ส่วนเรื่องการตั้งข้อหาในทางคดียังพิจารณากันอยู่ อาจถึงขั้นข้อหาพยายามฆ่า เพราะมองว่าเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องหลายครั้ง อันอาจจะก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตได้ ซึ่งต้องมากกว่าทำร้ายร่างกายแน่นอน.