ปอศ.ร่วม คปภ.จับกุมเครือข่ายโกงเงินประกันโควิด 11 ราย ทำเสียหายล้านกว่าบาท นอกจากนี้ยังจับนายหน้าเก็บเบี้ยประกันประกันชีวิตลูกค้าแต่ไม่ส่งให้บริษัท อีก 3 ราย ทำให้เสียหายอีกกว่า 52 ล้านบาท

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 16 ส.ค. 2565 ที่ ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.วีระพงษ์ คล้ายทอง ผกก.4.บก.ปอศ .ร่วมกับนายชัยยุทธ มังศรี รองเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหานำผลตรวจโรคโควิด-19 ปลอม มายื่นขอรับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย 14 ราย และตัวแทนบริษัทประกันชีวิตหลอกลวงเก็บเบี้ยประกันไว้ ไม่นำเงินส่งบริษัทฯ โดยที่ผู้เอาประกันภัยไม่ทราบเรื่อง 3 ราย

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ปลายปี 2562 ตำรวจ บก.ปอศ. และ คปภ.ได้ร่วมกันตรวจสอบพบกลุ่มคนที่ทำประกันภัยกับบริษัทประกันภัยต่างๆ ในประเทศไทย ฉวยโอกาสใช้ช่องว่างของขั้นตอนการรับเงินประกันภัย นำผลตรวจโรคโควิด-19 ปลอม มายื่นเพื่อขอรับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย 18 ราย ได้เงินไปรายละ 50,000-100,000 บาท คดีนี้มูลค่าความเสียหายรวมล้านกว่าบาท หลังจากนั้นตำรวจ บก.ปอศ. ได้สืบสวนจนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอออกหมายจับ และติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 11 รายในข้อหา "ปลอมและใช้เอกสารปลอม, เรียกร้องผลประโยชน์ตามกรมธรรม์โดยทุจริตหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จในการเรียกร้อง" และกำลังขยายผลติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือ และอาจขออนุมัติหมายจับผู้เกี่ยวข้องที่เป็นคนคอยทำหน้าที่ติดต่อชักชวนผู้ต้องหาที่ร่วมกระทำความผิด เพราะทราบว่าแต่ละรายได้ส่วนแบ่งไปรายละ 2 หมื่นบาท

...

ผบช.ก. กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตำรวจ บก.ปอศ.ยังได้จับกุมตัวแทนขายบริษัทประกันชีวิต 3 ราย หลอกลวงเก็บเบี้ยประกันไว้ ไม่นำเงินส่งบริษัท มูลค่าเสียหายกว่า 52 ล้านบาท เป็นส่วนที่ผู้เอาประกันภัยไม่ทราบเรื่อง ทำให้ผู้เอาประกันภัยไม่ได้รับการคุ้มครองตามกรมธรรม์ แจ้งข้อหา "โดยทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยการชักชวน ชี้ช่อง หรือจัดการให้ผู้อื่นนั้นทำหรือรักษาสถานะสัญญาประกันชีวิตกับบริษัท แต่ไม่ดำเนินการให้มีการทำสัญญาเกิดขึ้น หรือไม่ดำเนินการเกี่ยวกับการรักษาสถานะสัญญาประกันชีวิตเดิม และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม"

ด้าน นายชัยยุทธ กล่าวว่า การกระทำของผู้ต้องหาดังกล่าว เป็นการทำสัญญาประกันชีวิตไม่ได้ดำเนินการให้มีการทำสัญญาประกันภัยเกิดขึ้น หรือไม่ดำเนินการรักษาสถานะของสัญญาประกันชีวิต ทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบประกันภัย ที่ต้องสูญเสียเงินไปกับกลุ่มคนเหล่านี้จำนวนมาก อีกทั้งยังทำให้ผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อโควิด-19 จริง ได้รับค่าสินไหมล่าช้า หรือไม่ได้รับค่าสินไหม เนื่องจากบริษัทประกันขาดสภาพคล่อง และที่สำคัญยังเป็นผลทำให้ประชาชนต้องซื้อประกันต่างในราคาสูงขึ้น เพราะต้องนำเบี้ยประกันมาเฉลี่ยเป็นค่าสินไหมให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ทาง คปภ.และ บช.ก. จะได้ขยายผลการทำงานร่วมกันต่อไป.