รองไตรรงค์ รุดติดตามคดี 3 เยาวชนตบเข็มพระเกี้ยว เด็กนักเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) พบเข้าองค์ประกอบความผิด ฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 10-15 ปี พร้อมยกเป็นอุทาหรณ์-ตระหนักถึงโทษหนักที่จะตามมาหลังก่อเหตุ

กรณีเพจ Red Skull โพสต์คลิปข้อความเด็กนักเรียนโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ถูกคนร้ายเป็นชาย 3 ราย แต่งกายสวมเสื้อยืดสีดำ ใส่หมวก สวมหน้ากากอนามัย หนึ่งในนั้นสวมหมวกกันน็อก ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่น สกู๊ปปี้ไอ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาจอด ก่อนลงมือทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนชายชั้น ม.5 ที่กำลังเดินกลับบ้านพร้อมเพื่อน โดยผู้โพสต์ ระบุว่าเป็นการชิงเข็มพระเกี้ยวของสถาบันดังกล่าว ก่อนที่คนร้ายหลบหนีไปมุ่งหน้าปากซอยรามคำแหง 43/1

ซึ่งต่อมาตำรวจ สน.วังทองหลาง พร้อมตำรวจ กก.สส.บก.น.4 ร่วมกัน จับกุม 3 เยาวชนที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียน ม.5 ได้แล้ว โดยทั้งหมดถูกนำตัวเข้าสอบสวนที่ สน.วังทองหลาง เบื้องต้นถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมียานพาหนะ ร่วมกันพกพาอาวุธมีด และพยายามทำร้ายร่างกาย ก่อนจะดำเนินคดีตามกฎหมาย และคุมตัวส่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลางต่อไป นั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 16.15 น. วันที่ 30 มิถุนายน 2565 ที่ สน.วังทองหลาง พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. ดูแลงานกฎหมายและคดี เดินทางมาติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดี กล่าวว่า สำหรับคดีนี้ ทั้งผู้เสียหายและผู้ต้องหาเป็นเยาวชน จึงจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพเข้าร่วมการสอบปากคำ โดยในส่วนของผู้ก่อเหตุ ได้ให้การรับสารภาพและเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายเยาวชนฯ เบื้องต้น ผู้ก่อเหตุยอมรับว่าเป็นค่านิยมในการสะสมเครื่องแบบสัญลักษณ์ของสถาบันต่างๆ และอ้างว่าไม่ได้มีการวางแผนแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะอารมณ์คึกคะนองชั่ววูบ โดยการก่อเหตุดังกล่าว มีผู้ก่อเหตุจำนวน 3 คน จึงเข้าองค์ประกอบความผิดฐาน ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธ และร่วมกันทำร้ายร่างกาย ซึ่งอัตราโทษตามกฎหมาย ข้อหาปล้นทรัพย์มีโทษจำคุกตั้งแต่ 10-15 ปี แต่หากเป็นการพยายามปล้นทรัพย์รับโทษ 2 ใน 3 และหากมีการใช้ยานพาหนะร่วมด้วย ต้องรับโทษเพิ่มอีกกึ่งหนึ่ง ซึ่งถือเป็นข้อกล่าวหาที่มีอัตราโทษสูง จึงขอให้คดีนี้เป็นอุทาหรณ์ของกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน ที่มีค่านิยมในลักษณะนี้ ตระหนักถึงโทษที่จะตามมาหลังจากก่อเหตุไปแล้ว ส่วนผู้ปกครองนั้นต้องพิจารณาว่ามีส่วนสนับสนุนส่งเสริมหรือไม่

...

พล.ต.ต.ไตรรงค์ กล่าวอีกว่า สำหรับการสอบปากคำผู้เสียหาย พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง และเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพได้ไปสอบปากคำที่โรงเรียนแล้ว หากขั้นตอนเสร็จสิ้นก็ไม่จำเป็นต้องมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจอีก ส่วนเรื่องที่ทางโรงเรียนจะมีการถอดเข็มพระเกี้ยวออกจากเครื่องแบบนั้น เป็นการดำเนินการของทางโรงเรียน ส่วนทางตำรวจเองได้มีการจัดสายตรวจ เฝ้าระวังตามจุดล่อแหลมของโรงเรียนต่างๆ โดยประสานงานร่วมกับโรงเรียนในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังเหตุ และประชาสัมพันธ์ต่อไป

พ.ต.อ.กันตภณ โพธิ์อ๊ะ ผกก.สน.วังทองหลาง กล่าวว่า จากการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ ผู้ก่อเหตุให้การว่าเป็นอารมณ์ชั่ววูบ โดยขณะที่ขี่รถจักรยานยนต์มาก็ไม่มีความคิดจะก่อเหตุแต่อย่างใด แต่มาคิดก่อเหตุกะทันหัน โดยไม่มีเหตุโกรธเคืองผู้เสียหายแต่อย่างใด นอกจากนี้ ทางผู้ก่อเหตุได้ให้การว่าไม่เคยก่อเหตุลักษณะนี้มาก่อน.