ตำรวจ สน.ชนบท รวบ 2 ผัวเมียตามหมายจับ ข้อหาฉ้อโกง หลังหลอกให้ลงทุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลราคาถูกมาขายทำเสียหายกว่าร้อยล้านบาท ขณะที่ เพื่อนสนิทร่วมแฉหลังถูกโกงเชื่อมีคนร่วมแก๊งอีกเยอะ

เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2565 ที่สภ.ชนบท จ.ขอนแก่น พ.ต.ท.สราวุธ แดนสุข สว.สอบสวน สภ.ชนบท และ พ.ต.ท. อัษฏาวุธ นาใจดี รอง ผกก.สอบสวน ร่วมกันทำการสอบสวน นางสาวพรทิวา รอบคอบ อายุ 31 ปี ชาวบ้าน ม.3 ต.พันดอน อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี และนายก่อศักดิ์ ไมขุนทด อายุ 39 ปี ชาวบ้าน ม.2 ต.ตลาดแล้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพลที่ 16/2565 และ 17/2565 ลง 27 ม.ค. 2565 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง

พ.ต.ท.อัษฏาวุธ นาใจดี รอง ผกก.สอบสวน สภ.ชนบท กล่าวถึงการจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคนว่า เนื่องจากได้มี นางสาวสุภาวดี ดรพระสี อายุ 43 ปี ชาว ต.ห้วยแก อ.ชนบท จ.ขอนแก่น เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสภ.ชนบท เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2564 ว่า มีอาชีพขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้รู้จักกับ นางสาวพรทิวา รอบคอบ อายุ 31 ปี และนายก่อศักดิ์ ไมขุนทด อายุ 39 ปี สองคนผัวเมียซึ่งเป็นนายทุนขายสลากกินแบ่งรัฐบาล จึงได้พูดคุยกัน และถูกชักชวนให้ลงทุนซื้อสลากฯ เพราะ 2 คนอ้างว่าสามารถสั่งซื้อสลากฯ ในราคาถูกกว่านายทุนรายอื่น จึงเริ่มสั่งซื้อสลากกับทั้ง 2 คน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 จนถึงเดือนกันยายน 2564 ซึ่งได้สลากฯ บ้าง ไม่ได้บ้าง มีการทวงถามเอาเงิน รวมทั้งหมด 26,327,000 บาทคืน แต่ถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอด จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.ชนบท ให้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

...

นอกจากนี้ยังมีนางภัสสรา ยอดประทุม อายุ 46 ปี ชาวต.แดงใหญ่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ชนบทว่าถูกนางสาวพรทิวา รอบคอบ อายุ 31 ปี และนายก่อศักดิ์ ไมขุนทด อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นนายทุนค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลโกงเงิน 20,199,000 บาท เพราะได้รู้จักกับผู้ต้องหาซึ่งเป็นสองผัวเมียกัน ชักจูงให้นำเงินมาร่วมกันซื้อสลากฯ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 จนถึงเดือนตุลาคม 2564 แต่เมื่อนำเงินมาให้แล้วก็ไม่ได้สลากฯ ตามที่ได้มีการสั่งซื้อและหายหน้าไป จึงแจ้งความให้ตำรวจติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายและให้นำเงินมาคืนให้ด้วย

พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนผู้เสียหายและรวบรวมหลักฐาน ขอศาลออกหมายจับ จับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยช่วงบ่ายวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน บก.สส.ภ.4 ได้นำหมายศาลเข้าจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ที่ริมถนนศูนย์ราชการ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น นำตัวส่งให้พนักงานสอบสวนสภ.ชนบท ดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอนของกฎหมาย

ด้าน พ.ต.ท.สราวุธ แดนสุข สว.สอบสวน สภ.ชนบท กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้เสียหายนั้นทราบว่า มีอาชีพขายสลากฯ เมื่อถูกสองผัวเมียชวนให้ร่วมลงทุนซื้อสลากฯ ที่มีราคาถูกกว่านายทุนรายอื่น ผู้เสียหายจึงได้ชักชวนผู้ขายสลากรายอื่นเอาเงินมารวมกัน เพื่อนำไปให้สองผัวเมียซื้อสลากฯ มาให้ แต่สุดท้ายได้บ้างไม่ได้บ้าง ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนจับกุมสองคนผัวเมียดังกล่าว ซึ่งภายหลังถูกจับกุมได้สอบสวนผู้ต้องหาสองคนผัวเมียในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกง แต่สองคนผัวเมียให้การปฏิเสธ ในขณะที่ฝ่ายผู้เสียหายยืนยันว่า ถ้าผู้ต้องหาสามารถนำเงินมาคืนได้ครบตามจำนวนที่จ่ายไป จะไม่เอาเรื่อง แต่ถ้าไม่สามารถนำเงินมาคืนได้ก็ให้ตำรวจจับกุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย

ในชั้นพนักงานสอบสวนนั้น ผู้ต้องหาไม่ได้ขอประกันตัว แต่ภายหลังการสอบสวนจะนำตัวผู้ต้องหาส่งศาลจังหวัดพล เพื่อฝากขังตามขั้นตอน แต่ถ้าผู้ต้องหาต้องการประกันตัวสามารถยื่นประกันตัวในชั้นศาล ซึ่งโทษในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงนั้น มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท และหากมีประชาชนหรือคนขายสลากฯ ที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำของผู้ต้องหา สามารถแจ้งความได้ที่สภ.ชนบท และถ้ามีคดีเกี่ยวข้องกับสภ.อื่นๆ และออกหมายจับแล้ว ก็จะมีการอายัดตัวได้เช่นกัน

ขณะที่ด้าน นายอานนท์ นุ่มเนื้อ อายุ 45 ปี ชาวบ้าน หมู่ 4 ต.ห้วยแก อ.ชนบท จ.ขอนแก่น หนึ่งในผู้เสียหายและเป็นเพื่อนกับนายก่อศักดิ์ ไมขุนทด อายุ 39 ปี ผู้ต้องหา กล่าวว่า หลังจากที่ทราบว่าทั้งคู่ถูกตำรวจตามจับตัวได้ จึงได้มาทวงถามเอาเงินคืนจากผู้ต้องหา เพราะตนเองนั้นเสียเงินไป 1.4 ล้านบาท ได้แจ้งความกับตำรวจเดือนตุลาคม 2564 เพราะรู้จักกับสองผัวเมียคู่นี้มานานกว่า 10 ปี และมีอาชีพค้าขายสลากฯ ถูกชักชวนให้ซื้อสลากฯ ในราคาถูก ด้วยความเชื่อใจเพราะเป็นเพื่อนกันจึงได้สั่งซื้อสลากด้วย ช่วงแรกๆ ก็ได้ครบตามที่คุยกัน แต่ช่วงหลังๆ เริ่มได้บ้างไม่ได้บ้าง ทวงถามไปก็บ่ายเบี่ยงและไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้เข้าแจ้งความดังกล่าว

...

นายอานนท์ กล่าวด้วยว่า ผู้ขายสลากฯ นั้น หลังเกิดความเสียหาย จะมีการรวมกลุ่มกันแจ้งความเฉพาะสายในพื้นที่ชนบท ความเสียหายประมาณ 70 ล้านบาท นอกจากนี้ยังจะมีผู้ขายสลากฯ สาย อ.ชุมแพ และผู้เสียหายจากทางภาคกลาง ก็จะรวมตัวเข้าแจ้งความด้วยเช่นกัน ซึ่งเท่าที่ได้พูดคุยกับผู้เสียหายหลายๆ คนทั้งในพื้นที่ อ.ชนบท อ.ชุมแพ และภาคกลาง หลายร้อยคน มูลค่าความเสียหายประมาณ 120 ล้านบาท อยากให้ทางตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะเชื่อว่าหากผัวเมียคู่นี้ยังลอยนวล ก็จะก่อเหตุซ้ำๆ กับชาวบ้านรายอื่นๆ อีก ตนเป็นเพื่อนสนิทแท้ๆ ยังโดนและเชื่อว่ามีผู้ร่วมขบวนการกับสองผัวเมียคู่นี้อีกหลายคน.