ศาลอาญาพิพากษา คดีผู้บริหารทีมสมุทรสาครเอฟซี ใช้หลายทอดจ้างกรรมการตัดสินเป่าลำเอียงนัดเจอระยองเอฟซีเมื่อปี 61 โดยให้จำเลยที่ 1-3 จำคุก 6 เดือน ปรับ 1 แสนบาท โทษจำรอลงโทษ 2 ปี พร้อมคุมประพฤติ
กรณีเหตุการณ์ล้มบอลลีก ทีมสมุทรสาคร เอฟซี และ ระยอง เอฟซี เมื่อ 21 เมษายน 2561 ที่ผู้บริหารสโมสรใช้กันหลายทอดให้นายสุรศักดิ์ หัสจรรย์ กรรมการบอลตัดสินศึก M150 championship ให้เอียงไปทาง ไทยยูเนี่ยนสมุทรสาครเอฟซี แต่นายสุรศักดิ์ไม่เอาด้วยแล้วนำเรื่องมาเปิดเผย จนมีการจับกุมกลายเป็นคดีตัวอย่างบัดนี้คดีมาถึงที่สุดแล้ว
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 19 ม.ค.65 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษา ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้อง นายณฐกร ฉิมพาลี นายเทอดศักดิ์ หรือ เทิดศักดิ์ ทองกล่ำ และด.ต.หรือนายพงศ์พันธ์ วงศ์สุบรรณ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ความผิดตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ.2556 มาตรา 66 ประกอบกฎหมายอาญามาตรา 84 ฐานเป็นผู้ใช้
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2561 จำเลยที่ 1 และที่ 3 ได้ให้ นายเทอดศักดิ์ จำเลยที่ 2 ไปเจรจาขอให้ นายสุรศักดิ์ หัสจรรย์ ซึ่งจะทำหน้าที่ตัดสินการแข่งขันกีฬาฟุตบอลอาชีพรายการไทยลีก 2 คู่ระหว่าง ทีมสโมสรฟุตบอลสมุทรสาคร เอฟซี กับ ทีมสโมสรฟุตบอลระยอง เอฟซี ซึ่งจะแข่งขันในวันที่ 21 เม.ย.2561 เวลาประมาณ 19.00 น.ที่ สนามกีฬากลาง จ.สมุทรสาคร โดยจะมอบเงินจำนวนเท่าใดไม่ปรากฏชัด เพื่อจูงใจนายสุรศักดิ์ ให้ทำหน้าที่ตัดสินอย่างไม่ถูกต้อง เที่ยงธรรม โดยให้นายสุรศักดิ์ เข้าข้างหรือช่วยเหลือให้ทีมสโมสรฟุตบอลสมุทรสาคร เอฟซี ชนะทีมสโมสรฟุตบอลระยอง เอฟซี อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย แต่นายสุรศักดิ์ไม่ทำตามที่ขอ
การกระทำของจำเลยที่ 1-3 ซึ่งเป็น"ผู้ใช้"ให้จำเลยที่ 2 กระทำความผิด เมื่อจำเลยที่ 2 ทำตามที่ได้ใช้ จำเลยที่ 1 กับ 3 จึงต้องรับโทษ"เสมือนเป็นตัวการ" เช่นเดียวกับจำเลยที่ 2 ผู้ถูกใช้ในการกระทำผิด เหตุ เกิดที่ ต.นาป่า และต.คลองตำหรุ อ.เมืองจ.ชลบุรี ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ ฯ ด้วย จำเลยทั้งสาม ให้การรับสารภาพ และได้รับการประกันตัว
...
ศาลมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติ สืบเสาะ ประวัติ การศึกษา ประวัติครอบครัว และอื่นๆ ของจำเลยทั้งสาม แล้วส่งให้ศาลใช้ประกอบการพิจารณาเพื่อมีคำพิพากษา ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสามกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาว่า จำเลยที่ 1และที่ 2 และ 3 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ ให้จำคุกจำเลยทั้งสาม คนละ 1 ปี และปรับคนละ 200,000 บาท จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้คนละ 6 เดือน ปรับคนละ 100,000 บาท
พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยทั้งสามแล้วนิสัยและความประพฤติโดยทั่วไปของจำเลยทั้งสามไม่ปรากฏข้อเสียหายร้ายแรง เมื่อ ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรให้โอกาสจำเลยทั้งสามกลับตัวเป็นพลเมืองดีสักครั้ง โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้คุม ความประพฤติจำเลยทั้งสาม โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง ภายในกำหนด 1 ปี และให้กระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือ สาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรเป็นเวลา 24 ชั่วโมง หลังฟังคำพิพากษาจำเลยได้ไปจ่ายค่าปรับแล้ว รีบเดินออกทางด้านหลังศาลทันที.