บช.น.แถลงภาพรวมคืนเคาต์ดาวน์ ไม่พบเหตุรุนแรง โชว์จับร้านเหล้า-รวมตัวปาร์ตี้ยา พร้อมจ่อออกหมายจับ 7 เยาวชนก่อเหตุยกพวกยิงกัน ย่านแสมดำ พร้อมใช้มาตรการเชิงรุกขอความร่วมมือสถานศึกษาและชุมชนเฝ้าระวังเหตุรุนแรง

เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2565 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษก บช.น. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. แถลงการอำนวยความสะดวกช่วงปีใหม่ 2565

พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า ผบช.น. ได้เตรียมกำลังตำรวจนครบาล 14,000 นาย รักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจรให้ประชาชน สำหรับคืนเคาต์ดาวน์ (31 ธันวาคม) ที่ผ่านมา ภาพรวมเป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีเหตุใหญ่ที่ก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัย ส่วนการจราจรเมื่อวานนี้รถยังมากในช่วงสายที่ขนส่งหมอชิต แต่ช่วงบ่ายเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่ส่วนสถานที่จัดงานเคาต์ดาวน์ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ เอเชียทีค ภาพรวมไม่มีเหตุความวุ่นวาย การรักษาความสงบเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ในส่วนของการฝากบ้านใน กทม. มีจำนวนทั้งสิ้น 862 หลัง ที่ผ่านมาก็ยังไม่มีอาชญากรรมเกิดขึ้น ในบ้านที่ฝากไว้แต่อย่างใด

ส่วนกรณีการจุดพลุ ประทัด ในสถานที่ต่างๆ ช่วงคืนที่ผ่านมา ตามกฎหมายแล้วผู้ที่จุดก็จะมีความผิดตามประกาศของกรุงเทพมหานคร ส่วนผู้จำหน่ายไม่มีความผิด เพราะมีใบอนุญาตจำหน่าย แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งเหตุเพลิงไหม้ หรือกระสุนปืนตกใส่หลังคา ซึ่งหากมีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นก็จำเป็นต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ภาพรวมการฝากบ้านทั่วประเทศ มีทั้งสิ้น 7,106 หลัง คืนบ้านไปแล้ว 2% หรือประมาณ 90 หลัง และมีสถิติการฝากบ้านเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการฝากบ้านประมาณ 6,100 หลัง โดยในปีนี้พบว่ามีประชาชนให้ความสนใจร่วมโครงการด้วยการฝากผ่านทางแอปพลิเคชันมากขึ้น ส่วนสถิติการเกิดอุบัติเหตุปีนี้ลดลงร้อยละ 20 ทั้งการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต

...

พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า คืนวันที่ 31 ธันวาคม ที่ผ่านมา มีผลการจับกุมสถานประกอบการ ในท้องที่ สน.ปทุมวัน ทั้งสิ้น 3 ร้าน ซึ่งเปิดให้บริการมีลูกค้าใช้บริการภายในร้านจำนวนมาก โดยไม่เว้นระยะห่างตามที่กำหนด ไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขความปลอดภัยที่รัฐบาลได้ยกระดับขึ้นเพื่อป้องกันควบคุมสภาวะโรคระบาด และ สน.ห้วยขวาง จับกุมปาร์ตี้ยามีผู้ต้องหารวม 37 ราย ยึดยาอี 8 เม็ด ยาเค 9 ถุง และหลอดพลาสติก ซึ่งเป็นอุปกรณ์การเสพ จากการตรวจปัสสาวะพบสารเสพติด 26 คน พร้อมใช้มาตรการเชิงรุกขอความร่วมมือสถานศึกษา และชุมชนเฝ้าระวังเหตุรุนแรง

โฆษก บช.น. ยังได้กล่าวถึงกรณีกลุ่มวัยรุ่นอาชีวะ 2 สถาบัน ยกพวกใช้อาวุธปืนยิงใส่กันจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดปากซอยสะแกงาม 14 ท้องที่ สน.แสมดำ ว่า เบื้องต้นหลังสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาจากทั้ง 2 สถาบันได้รวม 15 คน และมือยิงจากสถาบันย่านสมุทรสาครถูกยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 คน ตำรวจอยู่ระหว่างออกหมายจับพวกที่เหลือ โดยแบ่งเป็นจากสถาบันย่านพระราม 2 จำนวน 6 คน และสถาบันย่านสมุทรสาครอีก 1 คน โดยทั้ง 7 คนที่เหลือนี้เป็นเพียงกลุ่มที่ร่วมก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่คนยิง ส่วนมือยิงของสถาบันย่านพระราม 2 ได้ถูกจับกุมไปแล้ว ซึ่งจากการสอบสวนยังไม่พบหัวหน้าแก๊ง หรือหัวโจกชัดเจน แต่ทราบว่าอาวุธปืนทั้งหมดไม่มีใบอนุญาต และบางส่วนเป็นอาวุธปืนไทยประดิษฐ์

ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ปกครองในกรณีเพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่างหรือไม่นั้น ทางพนักงานสอบสวนจะต้องดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานก่อน แต่ขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการกับผู้ปกครองปล่อยปละละเลยแต่อย่างใด

พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวต่อว่า ส่วนการดำเนินการ 2 มาตรการ คือการป้องกันในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปสถาบันการศึกษา ทั้งครู อาจารย์ เด็ก และชุมชน มีส่วนร่วมให้แนวทางที่ถูกต้อง ให้เน้นในเรื่องแนวทางป้องกัน วิเคราะห์สถาบันใดมีความขัดแย้ง จัดกิจกรรมสร้างความคุ้นเคย อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือตรวจสอบซุกซ่อนวัตถุที่นำมาใช้ก่อเหตุ อาทิ อาวุธปืน อาวุธมีด อีกส่วนคือการป้องกันปราบปรามต้องดำเนินคดีทุกข้อหาที่เป็นความผิด เชื่อมโยงผู้ปกครองให้เด็กกระทำความผิดก็ต้องดำเนินการเช่นเดียวกัน ส่วนใหญ่เป็นการรวมกลุ่มและจับกุมผู้ใช้อาวุธปืนก่อเหตุ

ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงสถานการณ์สถาบันอาชีวะยกพวกตีกัน จึงได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หาแนวทาง และวางแผนเพื่อป้องกันเหตุ และลดความขัดแย้งให้ได้โดยเร็ว ส่วนกรณีที่มีชาวบ้านในพื้นที่สะแกงาม 14 ร้องเรียนสื่อมวลชนกรณีมีนักเรียนอาชีวะ ยกพวกตีกันบ่อยครั้ง ขณะนี้ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ตำรวจในพื้นที่ ลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวแล้ว และให้เฝ้าระวังไม่ให้มีการรวมตัวทะเลาะวิวาทในพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงพื้นที่อื่นๆ อีก