สืบนครบาล ร่วม บก.น.9 ร่วมแถลงผลงานการดำเนินคดีผู้ต้องหา 21 คน ฐานฉ้อโกง หลังสืบทราบว่า มีการใช้สิทธิ์ตามโครงการ "คนละครึ่ง" อย่างผิดกฎหมาย ไม่ตรงตามนโยบายที่รัฐบาลกำหนด
จากกรณี พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เผยถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ เเจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ห่วงใยเรื่องสื่อสังคมออนไลน์นำเสนอประเด็นกลโกง “เราชนะ” รับ ซื้อ-ขายสิทธิ์โดย ชาวเน็ตให้ข้อมูลร้านค้าหลายแห่งที่เปิดให้ประชาชนแลกเงินในโครงการต่างๆ ตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 22 ก.พ.ที่ สน.บางขุนเทียน พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ รอง ผบก.สส.บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.9 และ พ.ต.อ.วิศิษฐ์ สังขนันท์ ผกก.สน.บางขุนเทียน ร่วมกันแถลงผลงานการดำเนินคดีผู้ต้องหา 21 คน ฐานฉ้อโกง หลังสืบทราบว่า มีการใช้สิทธิ์ตามโครงการคนละครึ่งอย่างผิดกฎหมายไม่ตรงตามนโยบายที่รัฐบาลกำหนด
พ.ต.อ.ธีระชัย เผยว่า บก.สส.บช.น. ได้รับข้อมูลจากสำนักเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง ว่า มีร้านขายของชำร้านหนึ่ง ตั้งอยู่เลขที่ 725 ถนนเอกชัยซอย 46 แขวงและเขตบางบอน กทม. ซึ่งร้านค้าดังกล่าวลงทะเบียนร่วมโครงการคนละครึ่ง กับกระทรวงการคลัง และธนาคารกรุงไทย ต่อมาการสืบสวนพบว่า รายละเอียดการสแกนซื้อสินค้าและจ่ายเงินมีความผิดปกติ โดยมีการโอนเงินเข้า-ออกจากแอปพลิเคชัน แต่ไม่มีการซื้อสินค้ากันจริงๆ ซึ่งถือว่าไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์และทำให้รัฐบาลได้รับความเสียหาย
...
ทั้งนี้ ล่าสุดการสืบสวนพบผู้กระทำความผิดลักษณะเดียวกันในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศมีอยู่ทุกภาค แต่ในท้องที่ บช.น.พบ 21 ราย ในท้องที่ สน.บางขุนเทียน มีการทำผิดกันหลายกรรมหลายวาระ จึงเดินทางมาแจ้งความกับทาง สน.บางขุนเทียน และดำเนินการกับผู้ต้องหาทั้ง 21 ราย ตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด
ด้าน พ.ต.อ.นครินทร์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 21 คน นั้น ประกอบด้วย เจ้าของร้านขายของชำ 1 ราย ญาติๆ 3 ราย และลูกค้า 17 ราย จากการสืบสวนหาพฤติกรรมของผู้กระทำความผิดพบว่า แต่ละคนมีการสแกนซื้อสินค้าหลอกๆ เพื่อนำเงิน 150 บาท จากโครงการคนละครึ่ง มาใช้จริง โดยร้านค้าจะจ่ายให้ลูกค้า 100 บาท และเจ้าของร้านจะเก็บไว้เอง 50 บาท ผู้กระทำความผิดแต่ละรายสแกนแลกเงินกันหลายครั้ง หลายวาระ ซึ่งขณะนี้ดำเนินการสอบสวนรอออกหมายเรียกตัวทั้ง 21 ราย เข้าพบพนักงานสอบสวนในข้อหาฉ้อโกง แล้ว ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีมีการทำผิดหลายกรรม หลายครั้ง โทษรวมกันก็จะสูงขึ้นไปอีก ดังนั้นอยากฝากบอกประชาชนและเจ้าของร้านทุกท่านด้วยว่าอย่าโกงกัน เนื่องจากมีโทษหนัก และจะซ้ำเติมความเดือดร้อนเข้าไปอีก.