ศปอส.-สืบสวน ภ.8 รวบอดีตพนักงานธนาคารภูเก็ต ยักยอกเงินลูกค้ากว่า 1 แสนบาท แอบนำไปเล่นพนันออนไลน์ ตะลึงเลือกเหยื่อที่เป็นคนแก่ ทำมาแล้ว 14 ครั้ง ตำรวจเตรียมขยายผลเพิ่มเติม
เมื่อวันที่ 25 ส.ค.63 พ.ต.ท.ฐาปกรณ์ หนุมาศ รอง ผกก.สส.กก.4 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.) นำกำลังเข้าจับกุมนายปรินทร์ หรือ บอล อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 244/2563 ลงวันที่ 24 ส.ค.63 ซึ่งกระทำความผิดฐาน 1. ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น 2. เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน 3. เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน และ 4. โดยมิชอบ โดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใดพร้อมของกลางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง เราเตอร์อินเทอร์เน็ตไวไฟ 1 เครื่องและอุปกรณ์ฮาร์ดดิสก์ โดยจับกุมได้ที่บ้านพักย่าน ถ.เจ้าฟ้า ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต
...
พ.ต.ท.ฐาปกรณ์ เปิดเผยว่า นายปรินทร์ เป็นอดีตพนักงานธนาคารแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต และเพิ่งลาออกมาไม่ถึงหนึ่งเดือน มีพฤติการณ์ในการก่อเหตุ โดยนำข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไปสมัครเปิดใช้ Netbank จากนั้นได้โอนเงินออกจากบัญชีผู้เสียหายไปเล่นพนันออนไลน์กว่า 1 แสนบาท จนเสียหมด เบื้องต้นพบการกระทำความผิด 1 ราย ซึ่งผู้เสียหายมีอาชีพเลี้ยงหมูอายุ 60 ปี เมื่อสืบทราบว่าคนร้ายเป็นใคร จึงเข้าจับกุมและนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
"พฤติการณ์ในการก่อเหตุ คนร้ายอาศัยช่องโหว่ของผู้เสียหายที่ได้เปิดบัญชีธนาคารไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ทำการสมัคร Netbank ของธนาคาร โดยจะลักลอบนำข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เสียหาย อาทิ บัญชีธนาคาร บัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น ไปสมัครระบบ Netbank จึงทำให้คนร้ายสามารถโอนเงินออกจากบัญชีผู้เสียหายได้ด้วยตนเอง โดยผู้เสียหายไม่ทันรู้ตัวว่าเงินในบัญชีได้ถูกลักลอบโอนออกไป จากนั้นได้นำเงินจากบัญชีผู้เสียหายไปซื้อสินค้าจากผู้ให้บริการประเภท Digital Content เพื่ออำพรางให้ยากต่อการตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยจากการตรวจสอบ พบได้ก่อเหตุกระทำซ้ำกันมากกว่า 14 ครั้ง การจับกุมในครั้งนี้ เป็นการร่วมกันระหว่างตำรวจชุดสืบสวน ศปอส.ตร. (PCT) กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 8 และหน่วยงานตรวจสอบการฉ้อโกง (fraud) ของธนาคารดำเนินการตรวจสอบพบความผิดปกติของบัญชีผู้เสียหายและได้สืบสวนขยายผลจนสามารถจับกุมตัวคนร้ายพร้อมของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิด"
พ.ต.ท.ฐาปกรณ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามขอฝากไปถึงพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง-ข้อมูลทางการเงินให้กับบุคคลอื่น และมีการตรวจสอบดูแลรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอยู่สม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เป็นช่องโหว่ของคนร้ายนำไปใช้ในการกระทำความผิด และขอประชาสัมพันธ์แก่ผู้เสียหายรายอื่นๆ ว่าหากท่านถูกประทุษร้ายต่อทรัพย์สินหรือข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ สามารถเข้าติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาคาร 1 ชั้น 1 สายด่วน 1599 หรือ 1155.