เคลียร์จบแล้ว อดีตข้าราชการครูเกษียณคนค้ำประกันโล่งอก กยศ.เตรียมถอนคำสั่งยึดที่ดิน 53 ตารางวา หลังน้าสาวของลูกศิษย์ ยื่นมือช่วยหลานจ่ายหนี้ เผยยกหูคุยกันแล้ว ป่วยจริงโดนกักตัวที่ญี่ปุ่น
กรณี นางธนวรรณ ชุมแวงวาปี อายุ 63 ปี อดีตข้าราชการครูเกษียณ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตอุดรธานี หรือ สถาบันการพลศึกษาอุดรธานี เดิมอาศัยอยู่ที่บ้านหนองสวรรค์ ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี เข้าร้องขอความเป็นธรรมว่า เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.ให้กับ น.ส.น้ำฝน หรือ ภัทรปภา พรมชาลี อายุ 39 ปี ลูกศิษย์ ชาว ต.เมืองเพีย อ.กุดจับ จ.อุดรธานี แต่เมื่อเรียนจบปริญญาตรี ได้ไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น กลับไม่ใช้หนี้กองทุน รวมเป็นเงินต้นและดอกเบี้ย 238,583 บาท ทำให้ต้องถูกกรมบังคับคดี อายัดที่ดิน 53 ตารางวา ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี และประกาศขายทอดตลาด ซึ่งที่ดินแปลงนี้เตรียมจะสร้างบ้านใช้ชีวิตหลังเกษียณราชการ โดยนางบุญเพียง มูลปลัด อายุ 58 ปี แม่ของ น.ส.น้ำฝน บอกว่าไม่ทราบเรื่องที่ลูกสาวค้างชำระหนี้ ทราบเพียงว่า น.ส.น้ำฝน ให้เงินก้อนอดีตสามี มาใช้หนี้ กยศ. ไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 เม.ย.2563 ที่สำนักงานบังคับคดี จ.อุดรธานี อาคารบูรณาการกระทรวงยุติธรรมอุดรธานี ถ.หมากแข้ง เทศบาลนครอุดรธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางธนวรรณ ชุมแวงวาปี อายุ 63 ปี อดีตข้าราชการครูเกษียณ เดินทางมาพบกับ นางจิราภรณ์ มูลปลัด อายุ 53 ปี น้องสาวของนางบุญเพียง มูลปลัด แม่ของ น.ส.น้ำฝน ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าของ น.ส.น้ำฝน หลังได้รับการติดต่อจากนางจิราภรณ์ ว่า จะนำเงินกู้ของหลานสาว ในส่วนของนางธนวรรณ ค้ำประกัน มาจ่ายชำระหนี้ให้ในวันนี้
โดยนางจิราภรณ์ กล่าวกับ นางธนวรรณ ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด น.ส.น้ำฝน หลานสาวไม่มีเจตนาจะไม่ชำระหนี้ ซึ่งทุกคนในครอบครัวทราบว่า หลานสาวจ่ายเงินใช้หนี้หมดแล้ว โดยฝากเงินก้อนมาให้อดีตสามีมาจ่าย จนมารู้ว่ามีการฟ้องร้องครูถูกยึดที่ดินขายทอดตลาด มีข่าวออกมาว่าน้ำฝนเนรคุณกับครู ซึ่งเป็นเรื่องไม่จริง
...
“หลานตนไม่เคยคิดจะเนรคุณกับครู อยากให้รู้ว่าหลานตนไม่ได้เนรคุณอย่างที่มีข่าวออกไป แต่ที่รับโทรศัพท์ของครูไม่ได้ เพราะหลานไม่สบายต้องเข้าโรงพยาบาล ต้องกักตัวที่ญี่ปุ่น ไม่ได้ทำงานก็ไม่มีเงิน เหมือนตนที่ทำงานนวดแผนโบราณที่พัทยา ก็ต้องกลับมาบ้าน เพราะไม่มีงานทำ ซึ่งวันนี้ได้นำเงินมาชำระหนี้ในส่วนที่ครูเป็นผู้ค้ำประกัน หลังจากนี้ตนจะรับผิดชอบในส่วนหนี้ที่เหลือของหลานเอง”
จากนั้น นางธนวรรณ และ นางจิราภรณ์ ได้เข้าไปยังสำนักงานบังคับคดี จ.อุดรธานี โดยมี นายณัฐพงศ์ วิสุทธิรังษี ทนายความตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจาก กยศ.ประจำ จ.อุดรธานี มาแนะนำขั้นตอน พร้อมกับเจ้าหน้าที่ของ สนง.บังคับคดี โดยมีการแจกแจงยอดหนี้รวมของผู้ค้ำทั้ง 4 คน รวมเงินต้นและดอกเบี้ย 238,583 บาท
แต่ในส่วนของ นางธนวรรณ ที่เป็นผู้ค้ำประกันในปี 2540 เป็นต้นเงินกู้ 16,855 บาท ค่าปรับ 6,542.47 บาท ดอกเบี้ย 2,014.73 บาท รวมยอดของ นางธนวรรณ ที่ค้ำประกัน 25,412.19 บาท หากชำระเงินในส่วนนี้ การค้ำประกันที่ถูกทาง กยศ.ฟ้องยึดที่ดินก็จบเรื่อง ทาง กยศ.ก็จะดำเนินการเรื่องการคืนที่ดินกลับให้ทาง นางธนวรรณ ได้ทันที
โดยทาง นางจิราภรณ์ ได้เดินทางไปชำระเงินจำนวน 25,412.19 บาท ที่ธนาคารกรุงไทย พร้อมนำหลักฐานการโอนเงินให้ทางเจ้าหน้าที่ สนง.บังคับคดี ได้เร่งดำเนินการ ส่งหลักฐานต่างๆ ไปยัง กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.กรุงเทพฯ ให้ดำเนินการ ที่จะปลดเรื่องยึดอายัดที่ดิน 53 ตารางวา ของ นางธนวรรณ ที่จะดำเนินการเสร็จภายในวันนี้
หลังจากนั้น นางจิราภรณ์ มูลปลัด น้าของ น.ส.น้ำฝน เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้นางบุญเพียง แม่ น.ส.น้ำฝน ซึ่งเป็นพี่สาวของตนไม่ได้เรียนหนังสือและป่วย อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อยากให้อโหสิให้แก่กัน มารู้ว่าพี่สาวเดือดร้อนก็เลยมาดำเนินการแทนให้ เรื่องมีทางออก และเงินส่วนของครูค้ำประกันไม่กี่หมื่นบาท ตนก็พอจะไปยืมเงินมาจ่ายแทนให้ได้ ส่วนเรื่องที่ไม่เข้าใจว่าตัวของครูต้องจ่ายเงินเป็นแสนบาท ก็เข้าใจแล้ว มาถึงวันนี้ตนในฐานะที่เป็นน้าของน้ำฝน จะเป็นคนส่งเงินชำระหนี้ทาง กยศ.เอง อะไรที่ผ่านมาทำให้ครูไม่สบายใจ ก็ต้องขอโทษด้วย
ด้าน นางธนวรรณ ชุมแวงวาปี ครูของ น.ส.น้ำฝน เปิดเผยว่า ได้ทราบถึงกระบวนการที่จะปลดที่ดินตนออกมาได้ ก็สบายใจแล้ว จะได้ไม่ต้องมากังวลในส่วนนี้ เมื่อทางน้าของ น.ส.น้ำฝน นำเงินมาจ่ายใช้หนี้ในส่วนเฉพาะของตน ทางเจ้าหน้าที่ของ สนง.บังคับคดี บอกตนว่า เรื่องของตนจบแล้วตรงนี้ ไม่ได้ผูกพันกับหนี้ของคนอื่นที่เหลืออีกแล้ว โดยทาง กยศ.จะถอนหมายยึดที่ดินของตน รอให้ทางบังคับคดี ได้ประสานกับทาง กยศ.ส่วนกลาง ที่จะมีคำสั่งมาเท่านั้น เมื่อได้ที่ดินกลับมาแล้ว ตนก็จะหาวิธีการว่าจะทำอย่างไรถึงจะมีบ้านอยู่ โดยจะหาที่อยู่ให้ตัวเองกับที่ดินแปลงนี้ เพราะตอนนี้ยังคงอาศัยลูกศิษย์อยู่
...
“หลังคุยกับญาติของน้ำฝน ตอนนี้ตนเข้าใจแล้วว่าทำไม น.ส.น้ำฝน ถึงไม่รับสายของตน และเมื่อกี้ก็ได้คุยกับน้ำฝนด้วยตัวเอง ช่วงที่กำลังตรวจสอบเอกสาร ซึ่งน้ำฝนบอกว่า ขอโทษที่เขาไม่ได้คุยตอนช่วงที่ติดต่อไปตอนนั้น เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะไม่คุยด้วย เพราะเขาป่วย และขอความเห็นใจว่า เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่จ่ายเงิน ส่วนที่เหลือเขาจะรับผิดชอบเอง ซึ่งเราคุยกันไม่นาน พอเรารู้ว่าเขาป่วยจริง ไม่มีเจตนาที่จะหลบเลี่ยง ก็สบายใจ ขอให้เขาหายป่วย ก็ยังคงรับเป็นลูกศิษย์เหมือนเดิม” นางธนวรรณ กล่าวในที่สุด