อุบัติเหตุ พ่วง 22 ล้อบรรทุกทรายทับร่างหนุ่มรปภ.ขี่จยย.อยู่เลนซ้าย ดับคาที่ สภาพร่างเละแหลกเหลวน่าสยดสยองบนถนนบรมราชชนนี เผยชาวบ้านตะโกนลั่น เหยียบคน โชเฟอร์วัย 21 ถึงรู้สึกตัว...

เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 18 ม.ค.ร.ต.อ.ถิรวัฒน์ แก้วศรี รอง สว.(สอบสวน) สน.ธรรมศาลา รับแจ้งเหตุรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ ทับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เสียชีวิตบนถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม.จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อม แพทย์นิติเวชรพ.ศิริราช อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู.

ที่เกิดเหตุอยู่ในช่องทางด่วนทิศทางขาเข้ากรุงเทพฯ ฝั่งตรงข้ามบริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด ในเลนซ้ายสุดพบรถพ่วง 22ล้อ บรรทุกยี่ห้อ อีซูซุหมายเลขทะเบียนส่วนหัว 82-4466 กาญจนบุรี ท้ายพ่วงทะเบียน 81-9988 กาญจนบุรี จอดอยู่ ตรวจสอบบริเวณใต้ท้องรถบริเวณล้อหลังด้านขวา พบศพ นายสมโภช ชุ่มสูงเนิน อายุ 45 ปี อาชีพพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทแห่งหนึ่ง

สภาพสวมเสื้อยืดสีดำ นุ่งกางเกงขายาวสีดำ รองเท้าแตะสีเทา ใส่หมวกนิรภัยสีชมพู ถูกล้อรถพ่วงบดกับถนนจนแขนขาเหวอะหวะเห็นถึงกระดูก ข้างศพบริเวณกลางถนน พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นดรีมสีแดง หมายเลขทะเบียน กษน 619 ราชบุรี ล้มตะแตงข้างส่วนท้ายรถพังยับ ตรวจสอบภายในตัวและกระเป๋าสะพายของของผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม พบเพียงเครื่องเล่นดีวีดี 1 เครื่อง อุปกรณ์ช่างและฝรั่งจำนวนหลายลูก

สอบสวน นายทศพล คำสวน อายุ 21 ปี คนขับรถพ่วง เผยว่า ตนขับบรรทุกทราย จาก จ.กาญจนบุรี กำลังจะนำไปส่งลูกค้าที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี โดยขับมาในเลนซ้ายสุดอย่างช้าๆ เพราะถนนช่วงดังกล่าวการจราจรติดขัดรถขับชะลอๆไปเรื่อยๆ กระทั้งมีคนตะโกนว่าเหยียบคน ด้วยความตกใจตนก็เหยียบเบรคทันที ก่อนลงมาดูก็เห็นว่าอยู่ในสภาพนี้แล้ว ซึ่งไม่ทราบว่ารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวขับมาในทิศทางไหน โดนใครเฉี่ยวชนมาก่อนหรือเสียหลักล้มเข้ามาอยู่ใต้ท้องรถเนื่องจากตนขับช้าๆ ในเลนซ้ายไม่ได้มีการหักเปลี่ยนเลนแต่อย่างใด

...

ร.ต.อ.ถิรวัฒ เผยว่า เบื้องต้นจากการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในตัวคนขับรถบรรทุกไม่พบว่ามีการดื่มแอลกอฮอล์ และยังไม่สามารถสรุปสาเหตุได้ว่าเกิดจากกการเสียหลักเชี่ยวกับรถบรรทุกหรือมีรถคันอื่นเฉี่ยวชนก่อนเข้ามาถูกรถพ่วงทับ ต้องให้เจ้าหน้าที่ พฐ.ทำการตรวจสอบสภาพรถจักรยานยนต์และรถบรรทุก

ทั้งนี้จะตรวจสอบหากล้องวงจรปิดและพยานที่เห็นเหตุการเข้าให้การเพิ่มเติมก่อนจะแจ้งข้อหากับผู้ขับขี่รถบรรทุกพ่วงอย่างไรก็ดีจะได้ส่งศพไปผ่าพิสูจน์ที่นิติเวช รพ.ศิริราชเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป.