สมาคมเคเบิลทีวีไทยร้องดีเอสไอสอบอดีตผู้บริหาร CTH ส่อมีพฤติการณ์ฉ้อโกงปชช. ปั่นหุ้น ตั้งบริษัทลูกโยกเงิน มูลค่าความเสียหายกว่า 1,900 ล้านบาท
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 25 ก.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายวิริยา ธรรมเรืองทอง นายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายสุเมธ สอนสุทธิ์ ที่ปรึกษากฎหมายสมาคมเคเบิลทีวีฯ และ สมาชิกสมาคมเคเบิลทีวีฯ ประมาณ 30 ราย เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เพื่อให้ตรวจสอบการสร้างราคาหุ้นและการตั้งบริษัทลูกเพื่อโยกเงินของ บริษัท ซีทีเอช (CTH) จำกัด (มหาชน) มูลค่าความเสียหายกว่า 1,900 ล้านบาท โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ เป็นผู้รับเรื่อง
นายสุเมธ กล่าวว่า วันนี้นำเอกสารเพื่อให้ตรวจสอบอดีตผู้บริหาร CTH หลายกรณี อาทิ การเพิ่มทุนจดทะเบียนโดยใช้บัญชีซื้อขายหุ้นของบุคคลอื่นสร้างราคาหุ้นให้เพิ่มขึ้นในลักษณะอำพรางเพื่อให้บุคคลทั่วไป รวมถึง สมาชิกสมาคมเคเบิลทีวีฯ คิดว่าหุ้นมีการซื้อขายมาก โดยมีการอ้างอิงกลุ่มทุนธุรกิจสำคัญรายใหญ่เป็นผู้เสนอซื้อหุ้น อันเป็นผลทำให้การซื้อหุ้นนั้นผิดไปจากสภาพปกติ เพื่อชักชวนบุคคลทั่วไปและกลุ่มสมาชิก จนสร้างความเสียหายจำนวนมาก และตัวบริษัท CTH ก็มีล้มละลายในเวลาต่อมา
...
"เดือน ต.ค.59 บริษัท CTH ยื่นเรื่องต่อศาลล้มละลายกลางขอฟื้นฟูกิจการ เนื่องจากเป็นหนี้สินกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยศาลมีคำสั่งรับฟ้อง และนัดไต่สวนคำร้องวันที่ 20 ธ.ค.59 แจ้งให้เจ้าหนี้หรือผู้มีส่วนได้เสียรับทราบเพื่อคัดค้านคำร้อง โดยให้ยื่นคำคัดค้านต่อศาลก่อนวันนัดไต่สวนไม่น้อยกว่า 3 วัน กระทั่งวันที่ 22 มิ.ย.60 ศาลล้มละลายกลาง อ่านคำพิพากษา ไม่รับแผนฟื้นฟูกิจการของ บริษัท CTH ตามที่ยื่นเสนอมา ส่งผลทำให้บริษัทจะเข้าสู่กระบวนการล้มละลายต่อไป ซึ่งคำพิพากษาดังกล่าวเป็นผลมาจากกลุ่มเจ้าหนี้รายย่อยได้ยื่นคัดค้านเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับ บริษัท CTH จะเปลี่ยนไปทำธุรกิจไฟฟ้าชีวมวล อ้างว่าจะมีการนำเทคโนโลยีจากจีนเข้ามาใช้ โดยศาลพิจารณาแล้วว่าธุรกิจโรงงานไฟฟ้าชีวมวลในประเทศไทยยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ขณะที่ บริษัท CTH เคยทำธุรกิจเคเบิลทีวีมาก่อนแต่จะเปลี่ยนไปทำธุรกิจอื่น ไม่น่าจะทำได้ เพราะไม่มีความชำนาญ จึงไม่รับแผนฟื้นฟู" นายสุเมธ กล่าว
ด้าน พ.ต.ต.วรนันท์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้รับเอกสารไว้แต่ให้ทนายความไปรวบรวมเอกสารและหลักฐานทั้งหมดจากผู้เสียหายเพิ่มเติมอีกครั้ง เพราะตัวเอกสารที่ยื่นในวันนี้ยังไม่สมบูรณ์ โดยหลังจากนี้จะนำไปพิจารณาว่าเข้าข่ายคดีที่ ดีเอสไอ รับผิดชอบหรือไม่.