เกียร์อัตโนมัติกับการหล่อลื่นหรือน้ำมันเกียร์ถือเป็นหัวใจสูงสุดของการใช้งาน ในยุคแรกเริ่ม เกียร์ออโต้ที่ถูกนำมาติดตั้งในรถยนต์ใช้น้ำมันหล่อลื่นภายในห้องเกียร์มากถึง 15 ลิตร ปัจจุบัน ขนาดที่เล็กลงและน้ำหนักที่เบาขึ้นของเกียร์อัตโนมัติทำให้ปริมาณของน้ำมันหล่อลื่นที่ใช้เติมลงไปในเกียร์มีจำนวนน้อยลงเหลือแค่ 5-7 ลิตร แล้วแต่ขนาดและประเภทของเกียร์ที่ขึ้นตรงกับระบบขับเคลื่อน ความทันสมัยของระบบส่งกำลังยุคใหม่มาพร้อมประสิทธิภาพที่ดีขึ้น แต่ราคาค่าตัวของชุดเกียร์ก็แพงขึ้นเป็นเงาตามตัว แพงแล้วยังไง ก็ต้องดูแลรักษาใช้งานกันให้ดีๆ เพราะถ้าเกิดเกียร์เสียขึ้นมาในขณะที่หมดระยะเวลาในการรับประกันชิ้นส่วน 100,000-150,000 กิโลเมตร รับรองว่าค่าซ่อมหรือค่าเปลี่ยนเกียร์ใหม่จะทำให้คุณหน้ามืดได้ง่ายๆ 

...

ในระบบเกียร์อัตโนมัติ น้ำมันเกียร์ไม่เพียงแต่หล่อลื่นชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวเท่านั้น แต่ยังให้แรงดันไฮดรอลิกและแรงเสียดทาน เพื่อให้ชิ้นส่วนภายในทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ น้ำมันเกียร์อัตโนมัติยังช่วยหล่อเย็นระบายความร้อนให้กับระบบเกียร์ออโต้อีกด้วย การเลือกน้ำมันเกียร์อัตโนมัติที่ถูกต้องจะช่วยให้เปลี่ยนเกียร์ได้นุ่มนวลขึ้น เกียร์มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น และประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น อย่าละเลยในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์เมื่อใช้งานจนครบระยะทางที่กำหนด 20,000-40,000 กิโลเมตร


การเปลี่ยนเกียร์เป็นงานที่ต้องใช้กำลังมากสำหรับรถยนต์ น้ำมันเกียร์คือสิ่งที่ช่วยให้รถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างง่ายดายไหลลื่น โดยไม่ทำให้ชิ้นส่วนสึกหรอ น้ำมันเกียร์อัตโนมัติถูกสร้างขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1940 และมีบทบาทสำคัญในรถยนต์นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา น้ำมันเกียร์อัตโนมัติไม่เหมือนกับน้ำมันเกียร์ธรรมดา น้ำมันเกียร์อัตโนมัติเป็นน้ำมันเกียร์ที่ใช้เฉพาะกับเกียร์อัตโนมัติเท่านั้น ในกรณีของเกียร์ธรรมดาที่ใช้คลัตช์และคันเกียร์ระหว่างการเปลี่ยนเกียร์ จะใช้น้ำมันเกียร์ธรรมดา

น้ำมันเกียร์อัตโนมัติมีหลายประเภทและมีคุณภาพที่แตกต่างกัน เมื่อต้องเลือกน้ำมันเกียร์ให้ถูกต้องตรงกับรถของคุณ วิธีที่ดีที่สุดคือ ดูจากการอ้างอิงในคู่มือประจำรถ หรือปรึกษาศูนย์บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ที่มีความเชี่ยวชาญเชื่อถือได้

มีบริษัทรถยนต์หลายแบรนด์แจ้งในคู่มือหรือบอกกับลูกค้าว่า ระบบส่งกำลังหรือเกียร์อัตโนมัติในรถยนต์ของเขาไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตลอดอายุการใช้งาน โอ้โห มันจะมีน้ำมันเกียร์และระบบเกียร์ที่ดีเลิศทนทานขนาดนั้นกันเลยหรือครับ หรือราคาค่าเกียร์ของใหม่แกะลังมันสูงกว่าค่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ ก็เลยคิดว่า ขายเกียร์ใหม่ หรือซ่อมเกียร์ให้ลูกค้าแล้วคิดค่าแรงกับค่าชิ้นส่วนหลังหมดระยะเวลารับประกันชิ้นส่วน น่าจะได้เงินมากกว่าให้ลูกค้าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะ

...

เกียร์อัตโนมัติเป็นอุปกรณ์ในระบบขับเคลื่อนที่มีราคาแพง หากขับใช้งานลูกเดียว ไม่เคยมีการเปลี่ยนถ่ายของเหลวหล่อลื่นหรือกรองเกียร์ สุดท้ายเกียร์ก็จะพัง จะพังเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับการใช้งาน บางคันเกียร์พังใกล้หมดการรับประกันก็ดีไป ได้เคลมเกียร์ใหม่ แต่ส่วนใหญ่เกียร์จะพังหลังหมดประกันที่ระยะแสนหรือแสนห้าหมื่นกิโลเมตร ไม่ว่าจะซ่อมหรือเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติลูกใหม่ ค่าซ่อมเกียร์ลูกหนึ่งไม่ถูกและค่าเปลี่ยนเกียร์ลูกใหม่โดยเฉพาะรถยุโรปมีราคาแพงพอๆกับการถอยรถญี่ปุ่นป้ายแดงคันนึงเลยทีเดียว ถ้าประกันหมดก็อาจทำให้เงินเก็บละลายหายไปจนตกใจ 

บอกตามตรงว่าผมไม่เห็นด้วยกับบางบริษัทรถยนต์เรื่องน้ำมันเกียร์ไม่ต้องเปลี่ยนตลอดอายุการใช้งาน รถยนต์ที่ขายในไทยทั้งประกอบในและนอก มีราคาแพงจากอัตราภาษี บวกกับกำไรที่ถูกคิดโดยผู้บริหารระดับสูงของค่ายรถนั้นๆ ทำให้รถยนต์ในไทยเป็นทรัพย์สินที่มีราคาสูงกว่าประเทศอื่น (แต่เวลาขายแทบสิ้นเนื้อประดาตัวเพราะราคาหล่นเหว) คนชั้นกลางส่วนใหญ่ใช้รถเยอะเพราะมีแค่คันเดียวในบ้านหลังเล็กๆ ต้องวิ่งไปทำงาน รับส่งลูกๆ หรือวิ่งรับจ้างขนคนขนของ บางคันปีนึงวิ่งไปสามสี่หมื่นกิโลเมตร ถือเป็นเรื่องปกติ

...

เกียร์อัตโนมัติในรถยนต์รุ่นใหม่ลูกหนึ่งมีราคา 30% ของราคารถ เราใช้รถเยอะเนื่องจากคนที่ซื้อรถส่วนใหญ่ไม่ชอบใช้ระบบขนส่งมวลชนที่ไม่ค่อยจะครอบคลุมเท่าที่ควร รถยนต์ที่ซื้อมาใช้ กว่าจะขายทิ้ง บางทีมีไมล์ 200,000 กิโลเมตรหรือมากกว่านั้น อากาศในไทยร้อนทั้งปีทั้งชาติ เกียร์ทำงานที่อุณหภูมิสูงต่อเนื่องตลอดเวลา น้ำมันเครื่องเมื่อเจอเข้ากับอุณหภูมิสูงต่อเนื่องก็ย่อมเสื่อมสภาพไปตามวันเวลาและระยะทางที่ขับใช้งาน เมื่อขับถึงระยะทุกๆ 40,000 กิโลเมตร ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทิ้งใส่ของใหม่ เคยเห็นรถเกียร์พังที่ใกล้แสนกิโลเมตรเพราะไม่เคยเปลี่ยนของเหลวหล่อลื่น แกะเกียร์ออกมา น้ำมันเกียร์ เละเป็นช็อกโกแลตครับ เกียร์ใหม่รถญี่ปุ่น ราคาแสนปลายๆ หรือมากกว่านั้น ส่วนเกียร์รถยุโรป ลูกนึงสามสี่แสนหรือทะลุ 6 แสนก็มีครับ

เกียร์ออโต้ที่อยู่ในรถรุ่นใหม่ๆ ปัจจุบันนี้มีอยู่ 3 แบบ คือ


เกียร์ AT (Automatic Transmission)

เกียร์ CVT (Continuously Variable Transmission)

เกียร์ DCT (Dual-Clutch Transmission)

...

เกียร์อัตโนมัติทั้งสามรูปแบบ มีระบบการทำงานที่แตกต่างกัน

การทำงานที่ต่างกันของระบบและชิ้นส่วนภายใน น้ำมันหล่อลื่นที่สดใหม่ จึงมีความสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้งานเกียร์ออโต้ โดยเฉพาะการหล่อลื่นชิ้นส่วนสำคัญต่างๆ ภายในเกียร์และระบายความร้อน นอกเหนือจากปัญหาในการใช้งานที่ไม่ถูกต้องแล้ว น้ำมันเกียร์ที่หมดสภาพจะกลายเป็นต้นเหตุของปัญหาด้านการใช้งาน เช่น เกียร์ไม้เปลี่ยน (เกียร์หวืด) ออกตัวช้า ต้องรอนาน มีเสียงดัง กระตุกกระชาก ควรเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นเกียร์ทุก 40,000 กิโลเมตร เกียร์ CVT ที่ใช้งานหนักย่นระยะลงมาที่สามหมื่นกิโลเมตร โดยเลือกใช้น้ำมันหล่อลื่นระบบส่งกำลังอัตโนมัติให้ถูกต้อง ใช้น้ำมันเกียร์ให้ตรงกับประเภท หรือรูปแบบของเกียร์ที่แตกต่างกันสามแบบ (AT/CVT/DCT)

ปกติแล้วอายุการใช้งานของน้ำมันเกียร์ออโต้ จะอยู่ที่ประมาณ 30,000-40,000 กิโลเมตร ซึ่งการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์จะช่วยยืดอายุเกียร์ไปได้อีกนาน และช่วยให้ประหยัดเงินไปได้เยอะเลยทีเดียว แม้ว่าการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์จะไม่สามารถถ่ายน้ำมันเก่าออกมาได้ทั้งหมด 100% โดยจะมีน้ำมันเก่าหลงเหลืออยู่บ้างเล็กน้อย แต่ไม่ได้ส่งผลเสียต่อเกียร์เท่าไรนัก

อย่างไรก็ตาม หากต้องการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ให้ได้ทั้งหมด 100% อาจต้องใช้เครื่องมือพิเศษเข้ามาช่วย นั่นคือการถ่ายน้ำมันเกียร์แบบ Flushing ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์โดยสมบูรณ์นั่นเอง โดยจะช่วยยืดเวลาในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ได้ประมาณ 3-4 ปี แต่ประเทศไทยมีสภาพอากาศที่เป็นตัวกัดกร่อนการทำงานของสารหล่อลื่น จากความร้อน ความชื้น และสภาพการใช้งานที่ขาดความระมัดระวังหรือไม่เข้าใจหลักการทำงานของระบบเกียร์อัตโนมัติ การเปลี่ยนน้ำมันเกียร์อัตโนมัติที่ระยะ 3-4 หมื่นกิโลเมตร จึงเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจ โดยเฉพาะรถใหม่ที่วิ่งเยอะเกิน 100,000 กิโลเมตรในระยะเวลาแค่ 3-4 ปี สุดท้าย การเลือกใช้น้ำมันเกียร์สังเคราะห์ 100% ดีกว่าการเลือกน้ำมันเกียร์เกรดธรรมดา.