ชาร์จ "รถยนต์ไฟฟ้า" ตอนฝนตกได้หรือไม่ มีความปลอดภัย หรือมีข้อควรระวังอะไรที่ต้องกังวลระหว่างชาร์จหรือไม่ ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ อาสาพาไปหาคำตอบกัน อันดับแรกเราต้องเข้าใจก่อนว่า การชาร์จไฟฟ้ารถยนต์มีกี่แบบ และมีข้อสังเกตอะไรบ้างดังนี้ 

1. การชาร์จไฟแบบปกติ หรือ Normal Charge ที่เรียกว่าการชาร์จแบบ AC

- เป็นการใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ 220V โดยการชาร์จแบบนี้ ไฟจะวิ่งผ่าน On Board Charger ภายในตัวรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อแปลงกระแสไฟจากกระแสสลับไปเป็นกระแสตรงแล้วชาร์จเข้าแบตเตอรี่รถยนต์

- สามารถใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่น รวมถึงรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด

- การชาร์จแบบ AC นั้นเหมาะกับการชาร์จเอาไว้ข้ามคืนหลังจากผู้ขับขี่กลับบ้าน เพราะสามารถชาร์จจากไฟบ้านปกติได้โดยตรงเลย

- เนื่องจากเป็นการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับแบบไฟฟ้าภายในบ้านจึงมีอัตราค่าไฟถูกกว่า

2. การชาร์จไฟแบบเร็ว หรือ Fast Charge ที่เรียกว่า DC

- เป็นการใช้ไฟฟ้าแบบกระแสตรง DC โดยชาร์จผ่านสถานีเท่านั้น

- เป็นการชาร์จแบบด่วน ใช้เวลาน้อย แต่จะชาร์จได้เฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า 100% เท่านั้น

- เป็นชาร์จ DC จะชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ภายในรถโดยตรง ไม่ต้องผ่าน On Board Charger จึงเหมาะกับการชาร์จเร็ว ใช้เวลาในการชาร์จน้อย จึงเหมาะกับสถานีที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า หรือปั๊มน้ำมัน หรือสถานีชาร์จรถไฟฟ้า

- เนื่องจากเป็นการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง จึงมีอัตราค่าไฟสูงกว่า

ทั้งนี้ แท่นชาร์จแบบ AC และ DC ซึ่งได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีตามมาตรฐาน และมีระบบป้องกันหรือที่ครอบ ที่ช่วยระบายน้ำได้ รวมถึงมีการติดตั้งระบบตัดไฟรั่วและลงสายดิน

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า แม้โดนฝนก็สามารถใช้งานได้ปกติ เพราะระบบไฟฟ้าต่างๆ ได้รับการปกป้องจากฉนวนไฟฟ้า และยังมีซีลกันน้ำที่ช่วยป้องกันน้ำเข้าไปยังขั้วชาร์จไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี หากไฟรั่วระบบเซนเซอร์จะตัดกำลังไฟฟ้าทันที

...

อย่างไรก็ตาม ขณะฝนตก เราสามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ แต่หากฝนตกหนักอาจรอให้ฝนเบาลง เพื่อป้องกันละอองน้ำกระเด็นเข้าไปในปลั๊กหัวชาร์จหรือในช่องชาร์จของรถ

ก่อนชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าก่อนฝนตก

  • ตรวจเช็กแท่นชาร์จ หัวประจุและสายไฟอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานแล้วหรือไม่

  • กางร่มบังฝนขณะเสียบสายชาร์จ ป้องกันละอองน้ำเข้าระบบไฟฟ้าของรถยนต์ เช็ดบริเวณจุดชาร์จให้แห้งก่อนปิดฝา

ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม