แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-ion) พัฒนาขึ้นครั้งแรกในทศวรรษ 1970 ปัจจุบัน แบตเตอรี่ลิเธียมได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมีปริมาณพลังงานสูง สามารถส่งไฟฟ้าได้ในขนาดและน้ำหนักที่กะทัดรัด เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮไดรด์หรือกรดตะกั่ว ทุกวันนี้ แบตเตอรี่ Li-ion ให้พลังงานไฟฟ้ากับอุปกรณ์ที่เราใช้งานในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่สมาร์ทโฟน พาวเวอร์แบงก์ ไปจนถึงยานพาหนะไฟฟ้า และแม้แต่สถานีอวกาศนานาชาติ ในความเป็นจริง แบตเตอรี่ลิเธียมนั้นไวไฟโดยเนื้อแท้ เนื่องจากทำหน้าที่เก็บและปล่อยพลังงานไฟฟ้า ผ่านปฏิกิริยาไฟฟ้าเคมีที่สร้างความร้อน แบตเตอรี่ที่ใช้ลิเธียม จะมีอุณหภูมิสูงมากเกินไป ภายใต้สภาวะที่รุนแรง เช่น ภายใต้อุณหภูมิที่สูงมาก (สูงกว่า 65 องศาเซลเซียส) ความเค้นเชิงกล และการถูกออกแบบมาให้ชาร์จได้อย่างรวดเร็ว

...

แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในพาวเวอร์แบงก์ เป็นแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้ทั่วไปที่นำมาใช้ในอุปกรณ์เก็บและป้อนพลังงานไฟฟ้า หรือพาวเวอร์แบงก์ เนื่องจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมีพลังงานหนาแน่น และมีอายุการใช้งานยาวนาน แต่แบตเตอรี่ชนิดนี้ ก็ไวไฟและอ่อนไหวต่อพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง การใช้งานแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในอุปกรณ์พาวเวอร์แบงก์ ควรได้รับการดูแลเอาใจใส่ และเก็บในที่ไม่มีอุณหภูมิร้อนจัด โดยเฉพาะการวางทิ้งไว้ในห้องโดยสารของรถยนต์ ในบริเวณที่มีแสงแดดแรงจัดส่องถึง โดยทั่วไป แบตเตอรี่ขนาดเล็ก สามารถติดไฟได้ง่ายในสถานการณ์ต่างๆ เช่น การชาร์จมากจนเกินไปหรือใช้อุปกรณ์ชาร์จผิดวิธี สิ่งที่น่ากังวลก็คือ เมื่อเราลืมเอาไว้ในห้องโดยสารของรถยนต์ที่จอดตากแดดในวันที่ร้อนจัด ความร้อนสูงเกินไปหรือสัมผัสกับความร้อนโดยตรง จะทำให้พาวเวอร์แบงก์เกิดการลุกไหม้หรือติดไฟ จากอุณหภูมิที่สูงเกินไป

เมื่อความร้อนสะสมจนสูงเกินขีดจำกัดของพาวเวอร์แบงก์ จะเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงของเซลล์แบตเตอรี่หนึ่งเซลล์ หรือหลายเซลล์ สัญญาณแจ้งเตือนก่อนการลุกไหม้ ได้แก่ กลิ่นฉุน การเปลี่ยนสีหรือพองออกของปลอกหุ้มพาวเวอร์แบงก์ เมื่อจับจะสัมผัสกับความร้อน ตามด้วยเสียงฟู่ และควันจากการลุกไหม้

1. อุณหภูมิ: พาวเวอร์แบงก์ หรือแบตเตอรี่สำรองของเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ ประกอบด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ซึ่งไวต่ออุณหภูมิสูง หากพาวเวอร์แบงก์สัมผัสกับความร้อนสูงภายในรถ รถที่จอดตากแดดจัดทำให้เกิดการแพร่ความร้อนภายในห้องโดยสารจนมีอุณหภูมิสูงมาก ส่งผลให้แบตเตอรี่พาวเวอร์แบงก์ร้อนจัด โดยเฉพาะตำแหน่งของการวางที่โดนแสงแดดส่องถึง อาจทำให้เกิดการลุกไหม้ได้

...

2. แสงแดดแรงจัด : เมื่อวางพาวเวอร์แบงก์ไว้ในรถ อาจลืม หรือเผลอวางไว้โดยไม่ได้เอาติดตัวไปด้วย การสัมผัสกับแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานของรถ นอกจากจะเพิ่มอุณหภูมิภายในรถได้อย่างมากแล้ว ยังนำไปสู่ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการลุกไหม้หรือการทำงานผิดปกติของพาวเวอร์แบงก์ หลีกเลี่ยงการทิ้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใดๆ รวมถึงพาวเวอร์แบงก์ไว้ในรถยนต์ที่จอดกลางแดดจัด หรือที่ที่มีแสงแดดส่องถึงโดยตรง

3. ข้อควรระวังเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน : ควรใช้พาวเวอร์แบงก์ด้วยความระมัดระวังและจัดเก็บอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันความเสียหายทางกายภาพ หรือการลัดวงจร การปล่อยทิ้งไว้ในห้องโดยสารหรือท้ายรถจะเพิ่มความเสี่ยงของการกระแทกหรือความเสียหายโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของแบตเตอรี่

เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้พาวเวอร์แบงก์อย่างปลอดภัย:

1. นำพาวเวอร์แบงก์ติดตัวไปด้วย: เมื่อใดก็ตามที่เป็นไปได้ ควรนำพาวเวอร์แบงก์ติดตัวไปด้วยเมื่อลงจากรถ ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากอุณหภูมิที่สูงเกินไปแล้วตามด้วยความเสียหายทางกายภาพของแบตเตอรี่ภายใน

...

2. เก็บในที่แห้งและเย็น: หากคุณจำเป็นต้องทิ้งพาวเวอร์แบงก์ไว้ในรถชั่วคราว ให้เลือกจุดที่เย็นและแห้งห่างจากแสงแดดโดยตรง พิจารณาใช้ช่องเก็บของหน้ารถหรือพื้นที่ร่มเงาในกระโปรงหลัง แต่ถ้าจอดตากแดด ก็ไม่ควรทิ้งพาวเวอร์แบงก์เอาไว้ในรถอย่างเด็ดขาด

3. ถอดสายออกทุกครั้ง: หากจำเป็นต้องชาร์จไฟพาวเวอร์แบงก์ โดยเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายในรถ พวกช่องเสียบชาร์จ USB Type A-C ก่อนลงจากรถ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ถอดอุปกรณ์ออกก่อนล็อกรถ หรือนำติดตัวไปด้วย ควรเก็บพาวเวอร์แบงก์ไว้ในเคสหรือกระเป๋าทำงาน เพื่อลดความเสี่ยงต่อความเสียหายหากจอดรถตากแดดเป็นเวลานานๆ.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-5253692475053/