นี่คือ E-Class รหัส 'W214' ซึ่งเป็นซาลูนไซล์กลางรุ่นล่าสุดของแบรนด์ตราดาว เป็นหนึ่งในสายการผลิตเก่าแก่จากผู้ผลิตรถยนต์ที่มีอายุแบรนด์ยาวนานที่สุดในโลก จากการนับโมเดล E ของ Mercedes-Benz นี่คือ E-Class รุ่นที่ 10 ซึ่งลากมายาวนานตั้งแต่ปี 1947 รถ E-Class โผล่มาในปี 1993 แต่ต้นกำเนิดของซาลูนไซล์กลางรุ่นนี้ต้องย้อนเวลากลับไปในปี 1953 จาก W120 'Ponton' ที่งดงาม ด้วยตัวถังที่เพรียวบาง เปี่ยมล้นด้วยเทคโนโลยี ทำให้เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว E-Class W214 รุ่นใหม่นี้ดูเหมือนเครื่องจักรในนิยายวิทยาศาสตร์ ทุกวันนี้ Mercedes-Benz แยกรุ่นรถอย่าง EQE รุ่นไฟฟ้าและ E-Class ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในออกจากกัน E-Class ใหม่ สร้างสมดุลระหว่างประเพณีดั้งเดิมกับความทันสมัย เชื่อมโยงความเป็นรถผู้บริหารกับรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคตที่อุดมไปด้วยเทคโนโลยี ลูกค้าเก่าแก่ส่วนใหญ่ไม่ชอบให้รถของตนเป็นสมาร์ทโฟนติดล้อ (เหมือนรถจีน) การเลือกใช้รุ่นดีเซลแน่นอนว่าชอบความประหยัดและขับออกทางไกลบ่อยครั้ง ซึ่ง E-Class ดีเซลในอดีตก็ไม่เคยทำให้ต้องรู้สึกผิดหวัง 

...

Mercedes-Benz E-Class E220d AMG Dynamic 3,930,000 บาท

...

...

...

ไฟหน้าของ E220d ใช้ระบบส่องสว่างแบบ LED High Performance ไฟหรี่กลางวันหรือ LED Daytime Running Light รวมถึงไฟต่ำและไฟสูงแบบ Dynamic Projector ที่ให้ความสว่างและมีความคมชัดสูง ไม่มีระบบไฟอัตโนมัติหรือ Multi Beam LED กันชนหน้า AMG ออกแบบให้มีช่องรับอากาศด้านล่างใต้กระจังหน้าและช่องรับอากาศบริเวณมุมของกันชน ล้อมกรอบด้วยงานโครเมียมสีเงินที่ส่งเสริมให้รูปทรงด้านหน้าของโมเดล E รุ่นดีเซลมีความหรูหราสมควรกับระดับของราคาค่าตัว ฝากระโปรงหน้ายกสันนูนขึ้นเล็กน้อยเพื่อเพิ่มแสงเงา เสาหน้าหรือเสา A pillar วางองศาที่มีความลาดเอียงเพื่อลดแรงต้านจากกระแสลม ส่วนทรงของตัวรถด้านข้างเน้นความไหลลื่นของเส้นสาย กระจกมองข้างติดตั้งกรอบไฟเลี้ยวตามสมัยนิยม เส้นด้านข้างตัวรถลากจากแก้มหน้าผ่านแนวบานประตูหน้า-หลังไปจนถึงใต้มือจับที่เปิดประตูบานหลัง

รถตัวขายรุ่นสำคัญที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามด้วยการทำกำไรมหาศาลอย่าง E-Class โดยเฉพาะรถรุ่นใหม่ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดึงดูดเงินของลูกค้าสายบริหารที่มักจะขับรถเอง คู่แข่งอย่าง G60 ก็รุกหนักด้วยเทคโนโลยีทั้งแสงสีเสียงอย่างครบ ดังนั้น การออกแบบด้านความสบายและความแม่นยำใน New E-Class จึงเป็นทางออกที่ดีสำหรับการรักษาฐานลูกค้าเก่า ส่วนหน้ารถปรับดีไซน์ใหม่ด้วยแผงสีดำเงาที่ล้อมรอบกรอบกระจังหน้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเล็กๆระยิบระยับ กระจังใหม่เชื่อมโยงกับไฟหน้าได้อย่างกลมกลืน จุดประสงค์คือเพื่อปรับโฉมของ E-Class เครื่องยนต์สันดาปภายให้แตกต่างไปจากรุ่นไฟฟ้าล้วนในกลุ่ม EQE สุนทรียศาสตร์ของ E-Class เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยจาก W213 รุ่นก่อนหน้า ล้อหน้าและล้อหลังถูกขยับเพิ่มระยะห่าง การออกแบบ "ห้องโดยสารเน้นพื้นที่ด้านหลังให้ใช้งานได้ดีขึ้น ทำให้ห้องโดยสารกว้างขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะตำแหน่งเบาะหลัง

มิติตัวถัง มีขนาดความยาว 4,950 มิลลิเมตร กว้าง 1,904 มิลลิเมตร สูง 1,469 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,961 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,875 กิโลกรัม  ล้อและยาง–หน้า 245/45 ZR19 หลัง 275/40 R19 ยาง michelin pilot sport 5 แนวทางการออกแบบของ W214 ทำให้ด้านข้างดูสวยงาม E-Class รุ่นใหม่มีการออกแบบโดยคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ที่มีส่วนทำให้ตัวถังลู่ลมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านอัตราสิ้นเปลืองและลดการปล่อยมลพิษ แม้แต่มือจับที่เปิดประตูก็ยังหดกลับจนแนบชิดกับตัวถัง เพื่อช่วยลดแรงต้านทานอากาศ ที่จับประตูจะยื่นออกมา เมื่อรถตรวจพบว่ามีสัญญาญจากลูกกุญแจรีโหมดที่กำลังเข้ามาใกล้ หรือเอามือแตะไปที่พื้นผิวของที่จับเพื่อสั่งงานให้มันปลดล็อกและยื่นมือจับที่เปิดประตูออกมา 

บั้นท้ายดีไซน์โค้งมน ทำให้มองเห็นรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับรถรุ่นพี่อย่าง S-Class V223  ไฟท้าย LED พร้อมตราสัญลักษณ์ดาวสองดวงในแต่ละข้างของกรอบไฟท้าย ดาวจะเรืองแสงเป็นไฟท้ายและไฟเบรกที่สวยงามมองเห็นได้อย่างชัดเจนแม้ในเวลากลางวัน เป็นจุดเล็กๆที่ทำให้ New E-Class สมบูรณ์แบบมากกว่าเดิม ท่อไอเสียปลอมที่สวยงามและน่าจะเป็นท่อจริงได้แล้วหากไม่ติดกฏหมายมลพิษในยุโรป ท่อจริงถูกงอลงพื้นและซ่อนอยู่หลังกันชน การออกแบบที่เรียบง่ายไม่แบ่งแยกมากนักเมื่อเทียบกับสไตล์ของคู่แข่งหลักอย่าง BMW 5 Series G60

ปัจจุบัน เทคโนโลยีและความหรูหราในรถยนต์ Luxury ต้องมาคู่กัน Mercedes ยังคงนำเสนอประสบการณ์ดิจิทัลเต็มรูปแบบใน New E-Class W214 ด้วยจอแสดงผลแบบใหม่ที่คล้าย EQS จอภาพมอนิเตอร์กลาง จอภาพมาตรวัดคนขับและจอภาพอเนกประสงค์ของผู้โดยสารตอนหน้า ขนาดเต็มหน้าจอที่มีชื่อว่า 'Superscreen' คล้ายกับ Hyperscreen ใน S-Class และ EQS มีการผสมผสานหน้าจอมอนิเตอร์สั่งงานด้วยระบบสัมผัสขนาดใหญ่ตรงกลาง เข้ากับหน้าจอสัมผัสขนาดเล็กที่ด้านหน้าของผู้โดยสาร เมื่อไม่มีคนนั่ง หน้าจอจะแสดงภาพโปรไฟล์ของรถโดยอัตโนมัติ ซึ่งคล้ายกับโปรแกรมรักษาหน้าจอในขณะที่ไม่มีการสั่งงาน 

Mercedes-Benz ไม่ได้แค่พยายามเอาชนะการแข่งขันบนโลกแห่งดิจิทัลกับ BMW และ Audi เท่านั้น ยังมีวัสดุภายในมาตรฐานสูง วัสดุสีดำเปียโนแบล็คตกแต่งคอนโซลกลาง ล้อมกรอบงานแดชบอร์ดและแทรกตัวอยู่บนพื้นผิวที่เหมาะสม เช่น แผงปรับเบาะไฟฟ้าและที่จับมือเปิดประตูภายในห้องโดยสาร คอนโซลกลางตกแต่งด้วยงามเปียโนแบล็คเงางามสีดำ แผงหน้าปัดลอยเด่นขึ้นมา มองลอดพวงมาลัย AMG ก็จะเห็นหน้าปัดมาตรวัดที่ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้ 5 รูปแบบ แผงหน้าปัดด้านบนโค้งมนออกแบบให้ผสานกับรูปแบบของช่องระบายอากาศได้อย่างลงตัว แผงหน้าปัดดิจิทัลวางตำแหน่งอยู่ด้านหน้าคนขับ หลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงสามก้านที่มีระบบควบคุมแบบสัมผัสพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift 

มาตรวัด TFT LCD ขนาด 12.3 นิ้ว ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้อย่างหลากหลาย มีทั้งแบบคลาสสิกที่อ่านค่ามาตรวัดรอบและความเร็วได้อย่างชัดเจนเพราะใช้รูปแบบเดิมที่ผู้คนส่วนใหญ่จดจำ รวมถึงมาตรวัดสไตล์อวกาศแนว AMG ที่ใช้สำหรับการขับซิ่งในโหมด Sport มาตรวัดแบบสปอร์ตที่มาพร้อมกับสีแดงสุดเร้าใจหรือถ้าชอบการแสดงผลแบบเรียบๆ ไม่ฉูดฉาดหรือรกรุงรังมากจนเกินไป ก็ยังมีการนำเอาระบบนำทางขึ้นไปแสดงบนจอภาพมาตรวัดสำหรับขับเดินทางบนถนนที่ไม่คุ้นชิน การแสดงผลไล่เรียงตั้งแต่วัดรอบ วัดสปีดความเร็ว ตำแหน่งเกียร์ ระดับเชื้อเพลิงต่อระยะทางที่สามารถขับไปถึง การทำงานของระบบช่วยขับและระบบความปลอดภัยต่างๆ แรงดันลมยางของล้อแต่ละข้าง อุณหภูมิภายนอก และอื่นๆ อีกเพียบ

เบาะที่นั่งแบบใหม่ใน New E-Class ออกแบบเพื่อความสบายล้วนๆ เหมาะกับการขับเดินทางไกล รูปลักษณ์ของตัวเบาะแบบสปอร์ตปรับตั้งด้วยระบบไฟฟ้า เบาะนั่งได้รับการออกแบบโดยใช้ความแตกต่างขึ้นอยู่กับออฟชั่นและรุ่น เป็นเบาะนั่งที่พัฒนาขึ้นใหม่สำหรับเวอร์ชั่น AMG สร้างความสบายให้กับคนขับและผู้โดยสาร ด้วยพนักพิงศีรษะแบบสปอร์ต ส่วนรองแผ่นหลังแบบใหม่ที่ปรับตั้งได้ เบาะส่วนไหล่มีความกว้างมากขึ้น พื้นที่พิเศษระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลังถูกออกแบบให้เอื้อประโยชน์ในตำแหน่งเบาะหลัง (ที่เคยนั่งไม่สบายก็ทำได้ดีขึ้น) มีพื้นที่วางขาที่กว้างขวาง พื้นที่ไหล่และพื้นที่เหนือศีรษะมากกว่าเดิม วัสดุหุ้มเบาะนั่งอย่างหรู นั่งสบายก้นดีแท้แบบไม่มีอะไรจะให้ตำหนิ ฐานเบาะนั่งแน่นขึ้น รวมถึงมีพื้นที่วางเท้าเพิ่มขึ้นสำหรับการนั่งเบาะหลังสองคน เนื่องจากมีอุโมงค์เพลากลางของระบบส่งกำลัง แต่ออกแบบให้อุโมงค์ดังกล่าวไม่กินพื้นที่หรือทำให้ผู้โดยสารเบาะหลังรู้สึกอึดอัด จุดนี้ ถือว่าทำได้ดี บริเวณห้องเก็บสัมภาระส่วนท้าย E-Class ดีเซล มีพื้นที่บรรทุกสัมภาระรวม 540 ลิตร ในขณะที่รุ่นไฮบริด ปลั๊กอิน มีพื้นที่น้อยกว่าแค่เพียง 370 ลิตร เนื่องจากต้องใช้พื้นที่เพิ่มเติมสำหรับแบตเตอรี่แรงดันสูงใต้ท้องรถ 

การเชื่อมต่อในโลกธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเจ้าของรถ ไม่เพียงแต่พื้นที่และความสบายแบบเก่าที่ดีเท่านั้น คุณ ยังได้รับเทคโนโลยียุคใหม่ที่ใช้ไม่หมด ไฮไลท์อยู่ที่ Superscreen มีหน้าจออินโฟเทนเมนต์ส่วนกลางขนาดใหญ่ และจอภาพที่สองที่ด้านหน้าผู้โดยสารตอนหน้า ทั้งหมดอยู่ภายใต้กระจกบานใหญ่เพียงบานเดียว MBUX ใหม่ล่าสุดทำงานเร็ว ตอบสนองตามสั่งและใช้งานง่าย แต่จอใหญ่ขนาดนั้นมันแสงสะท้อนแสงและอาจสร้างความรำคาญได้ จอภาพ Superscreen ช่วยให้คุณสามารถวิดีโอผ่าน Zoom และ Webex ร่วมกับกล้องติดหน้ารถที่ติดตั้งอยู่ด้านบนได้ ไม่ใช่แค่กล้องตัวเดียวที่ติดตั้งอยู่ภายในเท่านั้น Superscreen ยังมีจอภาพสำหรับคนขับที่ติดตามการเคลื่อนไหวของดวงตา เพื่อให้แน่ใจว่าสมาธิของคนขับกำลังจดจ่ออยู่กับถนน ไม่สลึมสลือง่วงเหงาหาวนอน 

ระบบ Active Brake Assist ปรับปรุงใหม่ คอยตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างต่อเนื่องเพื่อทำหน้าที่เป็นตาวิเศษ สามารถเข้าไปแทรกแซงได้หากระบบคิดว่าคนขับกำลังทำสิ่งที่จะก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัย เซ็นเซอร์สามารถตรวจจับจักรยานและคนเดินถนนที่เข้ามาจากด้านข้างได้ รวมถึงฟังก์ชันเบรกฉุกเฉินที่ช่วยให้การขับถอยหลังปลอดภัยขึ้น

ฟังก์ชัน Automatic Lane Change Assist ใหม่ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ใช้เซ็นเซอร์และเรดาร์ ทำหน้าที่ตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบข้าง ทำให้รถสามารถตัดสินใจได้ว่าจะเปลี่ยนเลนหรือไม่และเมื่อใดเพื่อให้แซงได้ไกลขึ้น ตัวอย่างเช่น หากระบบตรวจจับได้ว่าคุณกำลังเข้าใกล้รถบรรทุกที่เคลื่อนที่ช้ากว่า ระบบจะอ่านถนนด้านหลังเพื่อดูว่าปลอดภัยที่จะแซงหรือไม่ หากมีเลนว่าง รถจะส่งสัญญาณเปลี่ยนเลนโดยอัตโนมัติ และรักษาความเร็วไว้หรือเร่งความเร็วหากจำเป็นเพื่อแซง หลังจากแซงแล้ว รถจะส่งสัญญาณอีกครั้งและเคลื่อนตัวกลับเข้าเลนซ้าย เช่นเดียวกับระบบของ Tesla ตามกฎหมายในสหราชอาณาจักร ผู้ขับขี่ต้องจับพวงมาลัยไว้ตลอดเวลา และสามารถเริ่มเปลี่ยนเลนได้โดยการส่งสัญญาณ การเปลี่ยนเลนราบรื่น แต่ระบบดูเหมือนจะระมัดระวังมากเกินไป การระมัดระวังไม่ใช่เรื่องแย่สำหรับระบบอัตโนมัติ 

ความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการปล่อยมลพิษที่เพิ่มขึ้นของเครื่องยนต์ดีเซล หลังจากเมื่อหลายปีก่อนเกิดเรื่องอื้อฉาวการโกงตัวเลขมลพิษของ Volkswagen ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์เกิดการตื่นตัวในเรื่องของตัวเลขการปล่อย Co2 เป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้ Mercedes-Benz ต้องพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อให้ตรงตามมาตรฐานการปล่อยมลพิษทั่วโลกในอนาคต เช่น Real Driving Emissions (RDE) และการทดสอบยานพาหนะ (WLTP) ขุมกำลังดีเซลขนาดเล็กรุ่นใหม่ที่ประจำการอยู่ใน New E-Class W214 CKD นั่นก็คือ เครื่องยนต์ Mercedes-Benz OM 654 ซึ่งช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและการปล่อย CO2 ลง 13 เปอร์เซ็นต์ กำลัง 196 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร OM 654 M เป็นเครื่องยนต์ดีเซลแบบแถวเรียงสี่สูบ ความจุ 2.0 ลิตร 1,993 ซีซี อัดอากาศด้วยเทอร์โบเดี่ยวรุ่นแรกในตระกูลเครื่องยนต์ใหม่ของ Mercedes น้ำหนัก 168 กิโลกรัม ถือเป็นเครื่องดีเซลที่มีประสิทธิภาพ ประหยัดเชื้อเพลิง สะอาดพอตัวและมีอัตราเร่งที่ดี เทคโนโลยี 48 โวลต์ รองรับประสิทธิภาพรวมของฟังก์ชันไฮบริด เช่น Boost, การนำพลังงานกลับคืนมาใช้ใหม่ และสตาร์ท/ดับเครื่องยนต์อย่างนุ่มนวล เชื่อมต่อกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9-G Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง 

นวัตกรรมที่สำคัญที่สุดของเครื่องยนต์รุ่นใหม่
โครงสร้างอะลูมิเนียมล้วนครั้งแรกของเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ

เครื่องยนต์ OM 654 เป็นเครื่องยนต์ดีเซลสี่สูบ บล็อกอะลูมิเนียมขนาดกะทัดรัด สามารถทนต่อแรงดันภายในสูงสุดได้ถึง 2,973.27 psi ช่วยลดน้ำหนักชิ้นส่วนต่างๆ ลงได้มากกว่าบล็อกเหล็กหล่อถึง 17 เปอร์เซ็นต์

ลูกสูบเหล็กพร้อมโถเผาไหม้แบบขั้นบันได เคลือบกระบอกสูบ NANOSLIDE® หัวฉีดคอมมอนเรลรุ่นที่ 4

เทคโนโลยีการบำบัดไอเสียทั้งหมดได้รับการกำหนดค่าโดยตรงบนเครื่องยนต์

เบากว่าอย่างเห็นได้ชัดและกะทัดรัดมากขึ้น: 168.4 กก. เทียบกับ 203.8 กก. (-17%) ปริมาตรกระบอกสูบ 2 ลิตร แทนที่จะเป็น 2.15 ลิตร ระยะห่างกระบอกสูบ 90 มม. เทียบกับ 94 มม.

OM 654 ใช้ลูกสูบเหล็กที่มีการออกแบบห้องเผาไหม้แบบขั้นบันได เนื่องจากความสามารถในการลดการปล่อยอนุภาค ตัวเลขมลพิษที่ลดลง เป็นผลมาจากการเพิ่มปริมาณอากาศที่เครื่องยนต์สามารถรับเข้าไปได้ และปริมาณความร้อนที่สะสมอยู่ในบริเวณที่เกิดการเผาไหม้

วัสดุเหล็กสำหรับลูกสูบ ช่วยเพิ่มการกักเก็บความร้อนในกระบอกสูบ และเพิ่มการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพทางอุณหพลศาสตร์ของเครื่องยนต์ ลดระยะเวลารอบการเผาไหม้ที่เกิดขึ้นจริง โลหะเหล็กยังช่วยให้ระยะห่างระหว่างลูกสูบและผนังกระบอกสูบมีความสม่ำเสมอมากขึ้น (อะลูมิเนียมจะขยายตัวเมื่อถูกความร้อน) การขยายตัวของลูกสูบน้อยลง เมื่อรวมกับการเคลือบผนังกระบอกสูบ Nanoslide ที่มีแรงเสียดทานต่ำเป็นพิเศษของ Mercedes ช่วยลดแรงเสียดทานได้ 40 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของลูกสูบให้ดียิ่งขึ้น เพลาข้อเหวี่ยงจะถูกชดเชยไปทางด้านไอดีของบล็อก 0.5 นิ้ว และใช้ก้านสูบขนาด 6 นิ้ว (154 มม.) การจัดเรียงนี้ช่วยลดแรงด้านข้างของลูกสูบได้ถึง 75 เปอร์เซ็นต์

เพลาข้อเหวี่ยงแบบใหม่ ช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างด้านไอเสียของบล็อก สำหรับระบบปล่อยมลพิษขนาดกะทัดรัดแบบใหม่ ที่ติดตั้งกับเครื่องยนต์โดยตรง การปรับตั้งที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ระบบการปล่อยมลพิษเฉพาะรถยนต์ อุปกรณ์ประกอบด้วย ตัวเร่งปฏิกิริยาออกซิเดชันดีเซล และตัวกรองอนุภาคดีเซล การเคลือบตัวเร่งปฏิกิริยา ฉนวน และติดตั้งในตำแหน่งที่ใกล้เครื่องยนต์ของ diesel particulate filter (DPF) ทำให้ระบบสูญเสียความร้อนต่ำ มีการปรับอุณหภูมิการทำงานให้เหมาะสม ทำให้ปล่อยมลพิษลดลง และประหยัดเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น DPF มีพื้นที่ผสม พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับไอเสียที่เกิดจาการเผาไหม้น้ำมันดีเซล เพื่อกระจายไปยังตัวกรองอนุภาคไอเสียอย่างสม่ำเสมอ และระเหยอย่างรวดเร็วเพื่อลดการปล่อย NOx นอกจากนี้ ยังใช้วาล์วหมุนเวียนไอเสียแบบหลายทาง โดยผสมผสานก๊าซแรงดันสูงและแรงดันต่ำที่ระบายความร้อนด้วยระบบทำความเย็น เพื่อลดการปล่อยไอเสียที่ไม่ผ่านการบำบัดตลอดช่วงรอบต่อนาที ในขณะที่มีการปรับการเผาไหม้เพื่อให้เหมาะสมกับอัตราสิ้นเปลือง นั่นก็คือ เน้นความประหยัดเชื้อเพลิง

ขนาดที่กะทัดรัดและการจัดวางชิ้นส่วนต่างๆที่ลงตัว ทำให้เครื่องดีเซล 2.0 ลิตร เป็นขุมกำลังมีประสิทธิภาพ ทำงานได้อย่างราบรื่น ในเครื่องยนต์รุ่นใหม่ของ Mercedes-Benz โดยเฉพาะขุมกำลังดีเซลเล็ก OM 654 ทำให้สามารถนำเครื่องยนต์รุ่นดังกล่าวไปประจำการในรถยนต์รุ่นต่างๆ เครื่องยนต์รุ่นนี้ สามารถนำไปวางได้ทั้งตามยาวและตามขวาง ในรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ล้อหลัง หรือทุกล้อ (4Matic) ตั้งแต่รถตู้ Sprinter ไปจนถึงรถซีดานสุดหรูรุ่น E-Class และ CLS

มาตรการด้านฉนวนและตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับลดมลพิษที่ปรับปรุงใหม่ ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีการจัดการอุณหภูมิเครื่องยนต์ในระหว่างการสตาร์ตขณะเครื่องเย็นหรือที่โหลดต่ำ นอกจากข้อดีในแง่ของการปล่อยมลพิษแล้ว ยังช่วยประหยัดเชื้อเพลิงอีกด้วย โดยเฉพาะการขับเดินทางระยะสั้น ระบบบำบัดไอเสีย มีการสูญเสียความร้อนต่ำและมีสภาวะการทำงานที่เหมาะสมโดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีอากาศร้อนอย่างประเทศไทย

E 220d กำลัง 197 แรงม้า มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงทั้งในและนอกเมืองเฉลี่ย 14  กิโลเมตต่อลิตร  E-Class ไม่ทำให้ผิดหวังในแง่ของความสะดวกสบาย ระบบกันสะเทือนปรับปรุงใหม่ด้วยสปริงเหล็กและระบบลดแรงสั่นสะเทือนทำให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น เคลื่อนที่ได้อย่างคล่องแคล่วและนิ่มหนึบ (อาจมีโคลงบ้างเมื่อเจอกับผิวถนนที่ไม่เรียบ เมื่อใช้ความเร็วคงที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง E220d W214 ให้ความสบายในการขับขี่ที่เข้ากันได้อย่างลงตัวกับห้องโดยสารเงียบกริบ พวงมาลัยไฟฟ้ามีน้ำหนักที่ตึงมือ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่หรูหราและให้ความแม่นยำที่ไม่น้อยหน้ารถคู่แข่ง ช่วงล่างยึดเกาะถนนได้ดีอย่างน่าทึ่งแม้จะใส่โค้งมาเร็วจี๋ก็ยังเอาอยู่ พวงมาลัยตอบสนองต่อการขยับเพียงเล็กน้อย ระบบบังคับเลี้ยวไฟฟ้าจะแปรผันน้ำหนักไปตามความเร็วและโหมดของการขับเคลื่อน เป็นคุณสมบัติที่มีประโยชน์เมื่อขับบนถนนคดเคี้ยวอุดมไปด้วยโค้ง หรือขับบนเส้นทางภูเขาสูงชัน

ยางหน้า 245/45 ZR19 กับยางหลัง 275/40ZR 19 ยี่ห้อ Michelin รุ่น Pilot Sport 5 แม้จะไม่เงียบหรือนุ่มเท่ากับ Yokohama แต่มีกริ้บที่ดี รถทดสอบ E-Class ดีเซลรุ่นใหม่คันนี้ผ่านมือสื่อกับลูกค้ามาถึง 13,000 กิโลเมตร การยึดเกาะก็ยังปกติแต่ยางจะมีเสียงดังบ้างเมื่อเจอเข้ากับทางแบบปูนซีเมนต์หรือทางลาดยางมะตอยที่กำลังผุพัง! ส่วนความนุ่มนวลสบายตัวต้องยกนิ้วให้ว่าเหนือกว่า E Class W213 นิดหน่อย พวงมาลัยไฟฟ้ามีความยืดหยุ่นสูง ในโหมด ECO จะเน้นความเบาสบายข้อมือเหมาะกับการหมุนออกจากที่จอดรถแคบๆ รวมถึงการเลี้ยวกลับลำในเมือง พอผมปรับมาเป็นโหมด Sport พวงมาลัยจะตึงมือขึ้นมาอีกนิดเนื่องจากเป็นโหมดท้ารบมันจึงปรับให้น้ำหนักของพวงมาลัยไม่เบามากเกินไปจนเกิดอาการเสียวสยอง ช่วงล่างมัลติลิ้งค์ทั้งแน่นและหนึบ หากอัดหนักๆ จะมีอาการย้วยเล็กน้อยในโค้งซึ่งต้องลงมือลงแรงจัดกันโหดจริงๆ อาการถึงจะปรากฏ

โหมด Sport สามารถทำความเร็วยามรีบเร่งได้อย่างเต็มที่ แต่ความเร็วที่สูงเกินไปนั้นผิดกฎหมายและอันตรายควรระมัดระวังให้จงหนัก ที่ย่าน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การผลึกห้องโดยสารด้วยวัสดุป้องกันเสียงแปลกปลอมจากภายนอกทำให้ E-Class ดีเซล เป็นรถที่เงียบใช้ได้เลยทีเดียว การเก็บเสียงสูสีกับ BMW520d G60 ลอง กดไปที่คันเร่งเสียงเครื่องดีเซลครางอย่างเร้าใจ เป็นรถผู้บริหาร ที่ขับได้สนุกและสบายตัว การควบคุมเสถียรภาพของตัวรถผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จะทำให้เจ้าของรู้สึกพอใจเมื่อเดินทางไกล E220d AMG Line เป็นรถที่มีความแม่นยำ ขับเคลื่อนได้อย่างหลากหลายและมีความหนึบแน่นของช่วงล่างซึ่งบางครั้ง การเซ็ตค่าโช้คอัพและสปริงที่เน้นความนุ่มนวลทำให้เกิดอาการย้วยได้เหมือนกัน

เครื่องยนต์ 4 สูบ ดีเซลเทอร์โบ มีแรงบิดที่ดี ชัดเจนว่ามันประหยัดกว่า E350e รุ่น Plug in Hybrid ขับเร็ว อัตราสิ้นเปลืองจะอยู่ที่ 13 กิโลเมตรต่อลิตร เมื่อลองวิ่งแบบเรื่อยๆ เจ้า E-Estate กลับทำได้ถึง 14.8 กิโลเมตรต่อลิตร อย่าลืมว่ามันตัวหนักเกือบ 2 ตันและมีเครื่องยนต์แค่ 2 ลิตรเท่านั้น! เชื้อเพลิงดีเซลเต็มถังความจุ 66 ลิตร สามารถทำระยะทางได้ไกลถึงเกือบ 700 กิโลเมตร OM654M เป็นเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดกว้าง ตอบสนองได้ดีทั้งรอบต่ำและรอบสูง อาจไม่จัดจ้านเท่ากับเครื่องเบนซินแต่แรงบิดมโหฬารระดับ 440 นิวตันเมตรนั้นสามารถนำพาให้คุณทะยานผ่านหลักกิโลเมตรได้อย่างรวดเร็ว

ความพยายามในการยกระดับ E-Class ใหม่ ให้มีความหรูหรามากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงไดนามิกส์และระบบเฝ้าระวัง พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จ สิ่งเดียวที่ทำให้ E-Class ใหม่ ไปได้ดีในบางภูมิภาคที่วางขายก็คือ เครื่องยนต์ดีเซลประสิทธิภาพสูงพร้อม Mild Hybrid 48 โวลต์ ที่ดับและติดเครื่องยนต์อย่างนุ่มนวล วิ่งทางไกลประหยัดเชื้อเพลิงอย่างแหล่ม เป็นเหตุผลง่ายๆว่า ทำไมรถหรูตัวจริงเสียงจริงอย่าง E-Class ถึงใช้เครื่องยนต์ดีเซลสี่สูบ ลองไปขับดูแล้วจะรู้ว่าดีจริงครับ.

รายละเอียดด้านเทคนิค Mercedes-Benz E220d AMG LINE 3,930,000 บาท
เครื่องยนต์ ดีเซล แถวเรียง/4 สูบ เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์
ปริมาตรกระบอกสูบ 1,993 ซีซี
แรงม้าสูงสุด 145 กิโลวัตต์ 197 แรงม้า /3,600 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร/1,800–2,800 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง 0–100 กม./ชม. 7.6 วินาที
ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ 230 กม./ชม.
ความจุถังนํ้ามัน 66 ลิตร
พื้นที่บรรทุกสัมภาระ 540 ลิตร
ระบบส่งกําลัง
ขนาดล้อ และยาง–หน้า 245/45 R19 michelin pilot sport 5
ขนาดล้อ และยาง–หลัง 275/40 R19 michelin pilot sport 5
มิติตัวถัง กว้าง 1,880 มิลลิเมตร ยาว 4,950 มิลลิเมตร สูง 1,461 มิลลิเมตร

ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตําแหน่ง สําหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตําแหน่ง สําหรับผู้ขับขี่
และผู้โดยสารด้านหน้า
ถุงลมนิรภัยระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า
ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ป้องกันศีรษะ 4 ตําแหน่ง
สําหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าสําหรับผู้ขับขี่
เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ที่นั่ง
โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP®
(Electronic Stability Program)
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti–lock braking system)
ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD
และ Hill–Start Assist
ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light)
ระบบเตือนเพื่อนํารถเข้าศูนย์บริการ
(ASSYST service interval indicator)
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist)
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist)
ระบบตัดการทํางานของถุงลมนิรภัย
สําหรับผู้โดยสารด้านหน้าอัตโนมัติ
ระบบแสดงสถานะลมยางพร้อมระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง
(Tyre pressure monitor system)
ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง
ระบบช่วยการนํารถเข้าจอดอัตโนมัติ
(Active Parking Assist with PARKTRONIC)
สัญญาณเตือนเข็มขัดนิรภัยบนหน้าจอ สําหรับผู้โดยสารด้านหลัง
ชุดอุปกรณ์ปะยางฉุกเฉินแบบ TIREFIT

ไฟหน้าแบบ LED High Performance
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติแบบ Adaptive Highbeam Assist
ระบบเปิด–ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้มือ
(HANDS–FREE ACCESS)
ระบบกุญแจแบบ KEYLESS–GO
กระจกมองข้างด้านผู้ขับขี่และกระจกส่องหลัง
ปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
กระจกมองข้างปรับระดับและพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า
ไฟส่องทางใต้กระจกมองข้างแสดงผล
เป็นตราสัญลักษณ์ Mercedes–Benz
ช่วงล่างแบบ lowering AGILITY CONTROL
ตกแต่งรอบคันแบบ AMG Line
แผ่นรองกันกระแทกใต้ห้องเครื่อง
ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5–twin–spoke ขนาด 19"
จานเบรกคู่หน้าขนาดใหญ่พร้อมรูระบายความร้อน
เบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจํา
เบาะนั่งคู่หน้าพร้อมระบบระบายอากาศแบบ Climatised
ที่นั่งคู่หน้าพร้อมระบบดันหลัง 4 ทิศทาง แบบ Lumbar support
เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลัง พับได้แบบ 1/3 และ 2/3
หน้าจอแสดงผลบริเวณคอลโซลกลางแบบ MBUX Superscreen
ระบบกล้อง Selfie ภายในรถ
ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless charging) สําหรับที่นั่งด้านหน้า
ระบบฟอกอากาศแบบ ENERGIZING AIR CONTROL
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตหุ้มหนัง Nappa
ด้านบนของคอนโซลหน้า (Instrument panel)
ด้านบนของแผงประตูหุ้มด้วยหนัง ARTICO
ตกแต่งลายแบบ Nappa
วัสดุตกแต่งห้องโดยสารแบบ black piano
กาบบันไดเรืองแสงพร้อมสัญลักษณ์ Mercedes–Benz
เบาะนั่งแบบ Sports seats

อุปกรณ์มาตรฐานภายใน
ระบบความบันเทิง และการสื่อสาร 
ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMATIC แบบ 2 โซน
ตกแต่งห้องโดยสารแบบ AMG Line
ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร Ambient Lighting
ม่านบังแดดประตูหลังซ้าย–ขวา
ม่านบังแดดด้านหลัง เลื่อนขึ้น–ลง ด้วยระบบไฟฟ้า
ช่อง USB Type–C 6 ตําแหน่ง
พรมปูพื้นพร้อมสัญลักษณ์ AMG

ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS และ Android (Apple CarPlay™ & Android Auto™)
อุปกรณ์สื่อสารด้วยสัญญาณ 5G สําหรับบริการ Digital extras
ระบบขอความช่วยเหลืออัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
ระบบแผนที่นําทางแบบ Hard–disc navigation
พร้อมแผนที่แบบ 3 มิติ
ระบบแผนที่นําทาง พร้อมสภาพการจราจร
Live traffic Information
ระบบมัลติมีเดีย MBUX Entertainment Plus
ระบบมัลติมีเดียแบบ MBUX
MBUX augmented reality สําหรับแผนที่นําทาง