ในโลกของการแข่งขัน Audi A4 Facelift ปี 2023 รุ่น 40 TFSI รถ CBU ที่ขายในไทย มีหน้าตาเหมือนกับรถซีดานรุ่นพี่ อย่าง A6 และ A8 สิ่งที่แบรนด์สี่ห่วงพยายามนำเสนอในรถ A4 40TFSI ก็คือ รถขับเคลื่อนล้อหน้าที่แข็งแกร่งและสะดวกสบาย เป็น รถ Audi พร้อมชุดแต่ง Black Edition ที่ไม่เน้นความเอิกเกริก หรือการประดับประดาอย่างฉูดฉาดที่พบเห็นในรถคู่แข่ง A4 มีสไตล์การตกแต่งที่เป็นเอกเทศ ยึดโยงกับความสามารถในการใช้งาน โดยเฉพาะการควบคุม นั่นหมายถึงความถนัดในด้านการเซตอัพไดนามิกของรถ เป็นรถซีดานพรีเมียมรุ่นประหยัดที่ขับได้ดีมากโดย ไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งพาชุด Quattro เพื่อกดราคาและต่อสู้กับรถ CKD ช่วงล่างที่รองรับชุดขับเคลื่อนล้อหน้านั้นปรับมาอย่างลงตัวโดยช่างระดับเทพที่คอยรับฟังความรู้สึกของลูกค้าแล้วเอามาแก้ใข เครื่องยนต์สี่สูบเทอร์โบชาร์จมีมัดกล้ามเพียงพอที่จะทำให้รู้สึกสนุกและมั่นใจ ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าเชื่อมโยงกับการปรับแต่งช่วงล่างที่สุดยอด ทำให้รถมีการควบคุมที่สมดุลและการยึดเกาะที่ดี ราคา 2,699,000 บาท ในรูปแบบของการนำเข้า CBU Audi ยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ยานยนต์ภายใต้แบรนด์ของตนเองด้วยคุณภาพการขับซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หายากในปัจจุบัน

...

...

A4 เป็นรถซีดานผู้บริหารขนาดกะทัดรัดที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินสี่สูบเรียง ความจุ 2.0 TFSI อันยอดเยี่ยม เป็นเครื่องยนต์สองลิตรเทอร์โบที่ปรับแรงม้าแรงบิดให้เข้ากับคาแลคเตอร์ของรถสี่ห่วงในแต่ละโมเดลได้อย่างลงตัว เทคโนโลยีล้ำสมัยของระบบส่งกำลังโดยเฉพาะเกียร์คลัตช์คู่ สมกับเป็นผลิตภัณพ์รุ่นขายดีของ Ingolstadt สำหรับ A4 2023 ได้รับการปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอก เนื่องจาก A4 ซีดานรุ่นนี้ไม่ได้โดดเด่นเป็นพิเศษเหมือนรุ่นแวกอนอย่าง A4 Avant ยอดขายในไทยจึงไปได้แบบไม่หวือหวา แต่การขับของ A4 40TFSI น่าดึงดูดใจเป็นพิเศษ Audi AG ยืนกรานที่จะปลุกชีวิตชีวาให้กับ A4 และลงมือปรับปรุงเพื่อให้ขับได้ดีขึ้นไปอีก (เวอร์ชันก่อนปรับโฉมก็ถือว่าทำได้ดีแล้ว) จากมุมมองดังกล่าว Audi ทำได้ดีกับส่วนหน้าที่ตอนนี้มีหน้าตาใหม่ขึ้นด้วยไฟหน้า Matrix LED ไฟท้าย รุ่น 40 TFSI สวยงามลงตัว อุปกรณ์ตกแต่งด้วยแพ็กเกจ S-Line มีรายการต่างๆ เช่น กระจังหน้าแบบรังผึ้ง ล้ออัลลอย Audi Sport เคลือบสีเงินยวง ขนาด 18 นิ้ว เพิ่มกลิ่นอายของรูปลักษณ์สปอร์ตให้กับชุดแต่งของผู้บริหาร การออกแบบโดยรวมของ A4 iConback ค่อนข้างเรียบง่าย แน่นอนว่ามีการปรับปรุงที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนปรับโฉม

...

Audi A4 Facelift 2023 40 TFSI S Line iCon Black ราคา 2,699,000 บาท (CBU นำเข้า)

BMW 320d (LCI) 2023 ราคา 2,759,000 บาท (CKD ประกอบในประเทศ)

...

Mercedes-Benz C 220 d (W206) Avantgarde ราคา 2,730,000 บาท (CKD ประกอบในประเทศ)

Lexus IS 300h Luxury 2,690,000 บาท (CBU นำเข้า)

ในยุโรปและอเมริกา Audi A4 เป็นแกนหลักของแบรนด์ด้านตัวเลขยอดขาย ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา A4 เป็นรถซีดานที่ได้รับตำแหน่งยอดขายสูงสุดตลอดกาลของโรงหล่อเหล็กใน Ingolstadt เปิดตัวในปี 1994 ต่อจากการทำตลาดของรถรุ่นพี่อย่าง Audi 80 เขียนให้เข้าใจกันง่ายๆ ก็คือ Audi A4 เหมือนกับ BMW Series-3 และ Mercedes-Benz C-Class ทุกวันนี้ ยอดขายรถหรูเปลี่ยนแปลงไปมาก ภูมิทัศน์ของยานยนต์พรีเมียมทั่วโลกไม่เหมือนเมื่อสามทศวรรษที่แล้ว ยอดขายรถซีดาน Luxury ทั่วโลกมีตัวเลขที่ย่ำแย่ลง โดยมีรถเอสยูวีและรถครอสโอเวอร์แซงหน้ารถซีดานและแฮตชแบ็กขึ้นหน้าไปไกล ด้วยขนาดและความสามารถในการใช้งาน ทั้งเครื่องยนต์สันดาปและรถยนต์ไฟฟ้า ในประเทศไทย เอสยูวีและครอสโอเวอร์ของแบรนด์ยุโรป ได้ชิงความสนใจจากลูกค้า (ผู้มีฐานะ) ไปจากรถซีดาน โดยทำกำไรเป็นกอบเป็นกำให้กับริษัทรถ ในขณะที่รถซีดาน ค่อยๆ จางหายกลายไปเป็นฉากหลังแห่งความสำเร็จในอดีต!

A5 ทั้ง Sportback และ Coupe ที่เน้นความสง่างาม สมรรถนะ และราคา โดยเฉพาะรุ่นเริ่มต้นอย่าง 40TFSI ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรถยนต์ของแบรนด์สี่ห่วงในไทยที่ขายดีที่สุดของ Audi แซงหน้ารถสปอร์ตไอคอนอย่าง Audi TT ในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ Q3 ทั้งตัวถัง Sportback หลังคาลาดกับตัวถังมาตรฐานก็ทำตลาดได้ดี และเหมือนจะทิ้ง A4 เอาไว้ข้างหลัง ลูกค้าในไทย ชอบรุ่นแวกอนอย่าง A4 Avant 45TFSI Quattro มากกว่ารุ่นซีดานสี่ประตู แม้จะมีราคากว่า 3 ล้านบาทในการทำตลาดแบบ CBU ซึ่งต้องแข่งกับรถประกอบในประเทศที่กดราคาได้ถูกกว่าอย่าง BMW320d M Sport LCI และ Mercedes-Benz New C220d แต่ประสิทธิภาพด้านไดนามิก ราคาและงานบริการหลังการขาย ทำให้ Audi A4 พอจะขายได้บ้างแต่ไม่มากเท่าที่ควร การปรับโฉมใหม่ของ Audi A4 2023 (icon Black) นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงของงานออกแบบภายนอกที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนมากกว่าเดิม เช่น กระจังหน้ากว้างขึ้น เส้นสายรอบคันที่คมชัดขึ้น และไฟหน้า LED พร้อมระบบไฟอัตโนมัติ ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ไฟหน้า LED แบบ Matrix การใช้พื้นผิวสีเข้มบริเวณกระจังหน้า ฝาครอบกระจกมองข้าง และขอบกันชนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมกับตัวเลขราคาที่กดลงไปเหลือแค่ 2,699,000 บาท ในรูปแบบของการนำเข้าจากเยอรมันทั้งคัน

Audi A4 รุ่น 40 TFSI S-Line iCon Black เวอร์ชัน 2017 ราคา 2,699,000 บาท มาพร้อมกับเรือนร่างที่สมส่วน มิติตัวถังมีความกว้าง 1,847 มิลลิเมตร ยาว 4,762 มิลลิเมตร สูง 1,428 มิลลิเมตร ความกว้างฐานล้อ วัดจากดุมหน้าไปหลัง 2,820 มิลลิเมตร ความกว้างฐานล้อหน้า 1,572 มิลลิเมตร ส่วนความกว้างฐานล้อหลังอยู่ที่ 1,555 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,490 กิโลกรัม ขนาดของตัวรถใกล้เคียงกับ BMW Series-3 G20 LCI และ Mercedes Benz C-Class W206 สำหรับ A4 รุ่น 40 TFSI ใช้ระบบขับเคลื่อนสองล้อหน้า เสริมความคมเข้มด้านมุมมองด้วยอุปกรณ์ตกแต่งของ S-Line ไล่เรียงจากสปอยเลอร์หน้า-หลัง ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว กาบบันได ไฟหน้า Matrix ที่มีความเฉียบคมของงานดีไซน์ในรุ่น Facelift กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยม สัญลักษณ์ของ Audi รุ่นใหม่ และความสามารถในการขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์เบนซิน 2 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบ

A4 ไหลลื่นด้วยเส้นข้างลำตัวลากจากมุมไฟหน้าผ่านบานประตูไปจนถึงมุมของไฟท้าย ไฟหน้ามาพร้อมระบบส่องสว่างอัตโนมัติ Matrix LED ให้แสงสีขาวสว่างสดใส มีแถบไฟวิ่งกลางวันที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ สิ่งที่ชาญฉลาดเป็นพิเศษคือระบบ Matrix LED นี้สามารถหรี่หรือปิดการทำงานของ LED แต่ละดวงได้เมื่อตรวจพบรถคันอื่น เช่น ในเขตที่มีอาคารสูง เพื่อไม่ให้ผู้ขับขี่ที่สวนทางมาตาพร่ามัว ไม่มีสวิตช์เปิด/ปิดที่เหมือนกับฟังก์ชันไฟสูงทั่วไป ฟังก์ชันระบบไฟอัตโนมัติแบบใหม่เปลี่ยนลำแสงไปรอบ บริเวณต่างๆ บนถนนได้อย่างไหลลื่นและไม่รบกวนรถที่แล่นสวนทางมาหรือรถที่วิ่งอยู่ข้างหน้า จุดเด่นของระบบไฟใน A4 คือการส่องสว่างขอบถนนด้วยไฟสูงอย่างสว่างไสวโดยไม่ทำให้ผู้ขับขี่ที่สวนทางมาตาพร่ามัวไฟเลี้ยวก็ยังเป็นคุณสมบัติที่จดจำได้ง่ายที่สุดของชุดไฟและวิสัยทัศน์ ไฟเลี้ยวจะไล่จากด้านในสู่ด้านนอก Audi บอกว่าช่วยให้ผู้ขับระบุทิศทางที่รถเลี้ยวได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเพิ่มความปลอดภัย เสาหน้าและเสาท้ายถูกรีดจนบางเฉียบ บานประตูทั้งสี่บริเวณขอบกระจกกรุทับด้วยงานอัลลอยสีดำ iCon Black เพื่อยกระดับความหรู ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว ลาย 10 ก้านคู่ ยางเกาหลียี่ห้อ Hankook รุ่น ventus s1 evo2 ไซส์ 245/40 R18 ไฟท้าย LED แบบใหม่คมกริบราวกับใบมีด ออกแบบให้เชื่อมโยงเหลี่ยมมุมบริเวณส่วนท้ายของตัวรถ A4 ได้อย่างกลมกลืน

ภายในของ A4 Facelift มีการปรับปรุงเพื่อยกระดับความทันสมัย กราฟิกของระบบสาระบันเทิงที่ได้รับการปรับเปลี่ยนนั้นเหมือนกับพี่น้องสี่ห่วงยุคใหม่ ปี 2023 เมนูใช้งานแยกย่อย จัดวางอย่างมีเหตุผล จอภาพมาตรวัด ขนาด 12.3 นิ้ว เวอร์ชันล่าสุด ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้อย่างหลากหลาย คุณภาพของวัสดุที่สัมผัสได้และงานประกอบทั่วทั้งห้องโดยสารนั้นอยู่ในระดับสูงอย่างน่าพึงพอใจเมื่อเทียบกับราคา 2.6 ล้าน A4 รุ่นปรับปรุง Connect กับฟังก์ชั่นออนไลน์ที่นิยมใช้งานกันในยุคนี้ แดชบอร์ดคอนโซลเน้นเหลี่ยมมุมที่ลงตัว ตัดขอบด้วยพลาสติกสีดำเงากับชิ้นงานอัลลอยสีเงิน ชุดควบคุมระบบปรับอากาศที่คุ้นเคย พร้อมระบบแอร์แบบสามโซน (รวมช่องแอร์และการปรับตั้งอุณหภูมิของเบาะผู้โดยสารตอนหลัง S Line iCon Black จัดเบาะไฟฟ้าคู่หน้าแบบสปอร์ต เบาะคนขับมีหน่วยความจำเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เบาะหลังแบบสามที่นั่งแต่นั่งสองคนจะสบายตัวมากกว่า พื้นที่เหนือศีรษะและพื้นที่วางขาของเบาะหลังมีพอเพียง สำหรับช่องเชื่อมต่อ USB ให้มาทั้ง Type A และ C

จอภาพมาตรวัด TFT LCD 12.3 นิ้ว บวกจอมอนิเตอร์กลาง สั่งงานด้วยการสัมผัสที่หน้าจอ ขนาด 8.8 นิ้ว (เพิ่มขึ้นจากจอแสดงผล 8.3 นิ้วของรุ่นก่อนการปรับโฉม) แม้ว่าการถอดแป้นควบคุมที่ติดตั้งบนคอนโซลออกจะช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บที่มีประโยชน์ซึ่งอยู่ด้านหน้าคันเกียร์ แต่การเปลี่ยนไปใช้หน้าจอสัมผัส โดยไม่มีแป้นควบคุมจอภาพ ทำให้รู้สึกแปลกๆ ในจุดที่ยังคงตามหลังคู่แข่งก็คือ MMI ของ A4 ต้องเสียบสาย USB เพื่อใช้งาน apple carplay และ android auto ส่วนเครื่องเสียงติดรถที่เคยเป็น B&O ในรุ่นแวกอนกลายมาเป็น Audi Audio System ที่มีความคมชัดพอใช้ได้แต่พลังยังเป็นรอง A4  Avant ที่มาพร้อมเครื่องเสียง B&O ซึ่งมีซุ่มเสียงสูสีกับ Haman ของ BMW320d M Sport แผงแดชบอร์ดขึ้นรูปด้วยโฟมหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ดูหรูหราและส่งถ่ายความทันสมัยออกมาให้สัมผัส ชิ้นงานอะลูมินั่มอัลลอยคาดกลางคอนโซลทำให้ดูมีสง่าราศี ชุดควบคุมอุณหภูมิแบบแยกโซนออกแบบให้ใช้งานได้ง่าย ปุ่มปรับอุณหภูมิแยกซ้าย- ขวา ถัดจากแผงควบคุมชุดแอร์ บริเวณด้านล่างเป็นที่อยู่ของสวิตช์ปรับโหมดการขับเคลื่อน ปุ่มเปิด-ปิดระบบ Auto Start - Stop ปุ่มสัญญาณเซนเซอร์รอบคัน

คันเกียร์และซุ้มเกียร์ อยู่ในตำแหน่งที่ดีเพื่อความสะดวกในการใช้งาน จอกลาง รองรับการทำงานทั้งในส่วนของระบบมัลติมีเดีย เชื่อมต่อโทรศัพท์ วิทยุ หรือเล่นแอพยอดนิยม MMI Radio plus พร้อมหน้าจอแบบสัมผัส (MMI touch) ระบบเครื่องเสียงของ Audi รุ่นนี้เป็นแบบธรรมดาแต่ลองฟังแล้วให้มิติของเสียงเพลงครบถ้วน ลำโพงทั้งใหญ่และเล็กมาให้ถึง 10 ตัว หัวเกียร์รูปทรงประหลาดคล้ายคันเร่งของเรือเร็ว เป็นหัวเกียร์ทรงเหลี่ยมทำจากอัลลอยพร้อมกับหุ้มด้วยหนังแท้ ช่องวางแก้วน้ำออกแบบได้ดี

พวงมาลัยหุ้มหนังแท้ทรง 3 ก้านฐานตัดออกแนวสปอร์ต ก้านวงมีสวิตช์ปรับตั้งมัลติฟังก์ชั่นสำหรับการปรับเครื่องเสียง รับหรือวางสายโทรศัพท์ ก้านสวิตช์ปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control แป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์หลังพวงมาลัย Paddle Shift พวงมาลัยหนังแท้ของ A4 มีขนาดกำลังพอดีไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป ทำให้ยึดจับได้อย่างถนัดมือ พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง

เครื่องยนต์ของ Audi ยุคใหม่นั้นขึ้นชื่อในเรื่องของความแรง Audi A4 40 TFSI S-Line วางเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Audi valvelift system เครื่องยนต์วางตามยาว ขับเคลื่อนล้อหน้า เครื่อง 4 สูบ อัดอากาศด้วยเทอร์โบ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบผสมผสาน Dual Injection ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่าง Direct Injection และ Manifold Injection ในแต่ละสูบของเครื่อง 2.0 TFSI ใช้หัวฉีดเชื้อเพลิง 2 หัว ระบบ Dual Injection จะควบรวมการทำงานโดยขึ้นตรงกับโหลดและรอบเครื่องเป็นหลัก โดยมี Direct Injection เป็นหัวฉีดฝั่งแรงดันสูง ใช้เทคโนโลยีล่าสุดของหัวฉีดแบบ Piezo สามารถฉีดจ่ายเชื้อเพลิงได้เร็ว ปลดปล่อยแรงดันสูงสุด 250 บาร์ โดยที่แรงดันในการฉีดจ่ายเชื้อเพลิงจะแปรผันไปตามโหลดของเครื่องยนต์เป็นหลัก เครื่องยนต์เบนซิน ความจุ 1984 ซีซี กำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Manifold Injection เป็นหัวฉีดฝั่งแรงดันต่ำ ใช้หัวฉีดแบบ MPI หรือ Multi Point Injection สำหรับการฉีดเชื้อเพลิงแบบฝอยละออง 360 องศารอบทิศทาง เพื่อคลุกเคล้ากับอากาศซึ่งรออยู่ภายในท่อร่วมไอดีจากการอัดของเทอร์โบประสิทธิภาพสูง Manifold Injection จึงทำหน้าที่ป้อนเชื้อเพลิงให้กับเครื่อง 45 TFSI ขณะที่ใช้รอบต่ำตั้งแต่รอบเดินเบาไปจนถึงการออกตัว ส่วน Direct Injection จะเข้ามารับหน้าที่ต่อในรอบกลางถึงรอบสูงสุด ในบางสภาวะการทำงานของเครื่องยนต์ หัวฉีดทั้งสองระบบจะทำหน้าที่ผสมผสานกันเพื่อทำให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพสูงสุด เกิดการจุดระเบิดหรือสันดาปที่มีประสิทธิภาพ และทำให้มีมลพิษที่ปะปนมากับไอเสียในปริมาณที่ต่ำลงมาก

เทอร์โบแบบ Twin Scroll อัดอากาศด้วยแรงดัน 0.8 บาร์ น้อยกว่าเทอร์โบของ A4 Avant รุ่น 45 TFSI ที่มีแรงดัน 1.4 บาร์อยู่พอสมควร กลไกของระบบวาล์วแปรผัน Audi valvelift system คอยปรับเปลี่ยนองศาของการเปิดวาล์วได้มากถึง 60 องศา ส่วนวาล์วไอเสียแปรผันได้ 30 องศา ระบบเพลาราวลิ้นของเครื่องยนต์ตัวนี้จะคอยปรับเปลี่ยนองศาของวาล์วไอเสียให้มีความสัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์เป็นหลัก โดยปรับระยะของการเปิดวาล์วเพื่อระบายไอเสียออกจากห้องเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ระบบส่งกำลังหรือเกียร์ของ A4 40TFSI เป็นเกียร์ออโต้คลัตช์คู่แบบ 7 สปีด S-Tronic ช่วงล่างหน้าแบบดับเบิ้ลวิชโบนปีกนกคู่ ด้านหลังมัลติลิงก์

ขับออกทางไกลเพื่อทดสอบประสิทธิภาพ จากกรุงเทพฯ ไปยังอำเภอด่านช้าง สุพรรณบุรี จนไปโผล่ที่บ้านไร่ในอุทัยธานี ผมใช้เส้นทาง บางบัวทอง สุพรรณบุรี ต่อเชื่อมกับเส้นทางภูเขาที่มีทั้งโค้งและเนินขึ้นลงวกไปวนมาในแถบหนองปรือ-พุเตย โหมด Dynamic เป็น ซีดานที่กระชับรัดกุมและผ่อนคลายแม้จะขับเร็วจี๋ ระบบส่งกำลังพร้อมจะปลดปล่อยอัตราเร่งออกมาให้สัมผัส หากมีถนนที่โล่งมากพอ Dynamic Mode ปรับสภาพการควบคุมให้เปลี่ยนจากรถซีดานบ้านๆ เป็นรถสปอร์ตซีดานที่ตอบสนองได้ในแบบที่ควรจะเป็น ที่ความเร็วสูง A4 Facelift ทรงตัวได้อย่างเฉียบขาด จากช่วงล่างขั้นเทพที่แสดงออกถึงความมาดมั่นและเสถียรภาพของการเข้าโค้ง เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าที่กลบอาการต่างๆ ของรถขับหน้าจนหมดสิ้น จุดนี้ถือว่าทำออกมาได้ดี

แรงบิด 320 นิวตันเมตร ในย่าน 1,400-4,200 รอบ ด้วยความที่เป็นเครื่องยนต์รอบจัด ทำให้คุณสามารถลากรอบเครื่องทะลุ 6,500 รอบได้อย่างรวดเร็ว เกียร์ทวินคลัตช์ 7 สปีดทำงานผ่านแป้น Paddle Shift ไหลลื่น เปลี่ยนเกียร์ลงต่ำจากเกียร์ 7 ไปที่เกียร์ 4 ก่อนจะมุดหัวรถเข้าโค้งได้อย่างว่องไว คลัตช์ 2 ชุดทำให้การเปลี่ยนอัตราทดเกียร์เร็วมาก พวงมาลัยไฟฟ้าในโหมด Dynamic เมื่อขับเร็วจะหนักขึ้นเล็กน้อย นำ้หนักที่มั่นคงแปรผันไปตามความเร็วเหมาะกับทางภูเขาแม้จะเป็นรถขับหน้าแต่วิ่งได้อย่างลื่นไหล ส่วนโหมด Comfort พวงมาลัยจะเบาขึ้น พวงมาลัยอัตราทดแปรผันให้ความรู้สึกมั่นคงและเชื่องมือ มีระยะฟรีตรงกลางไม่มาก ไม่ไวแต่ก็ไม่ได้ตึงมากเกินไป หมุนไปเท่าไรก็เลี้ยวไปเท่านั้น การปรับตั้งพวงมาลัยให้เหมาะกับการขับไม่ว่าจะขับช้าหรือเร็ว เป็นเรื่องที่ส่งผลต่อการควบคุม ตามหลักกลศาสตร์ของการเคลื่อนที่ เมื่อต้องการไปเร็ว ขับแบบดุดัน พวงมาลัยที่เคยเชื่องมือจะถูกหน่วงน้ำหนักขึ้นมาอีกนิด ทำให้ควบคุมทิศทางได้อย่างมั่นใจเมื่อความเร็วทะยานผ่าน 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Audi A4 40TFSI S Line iCon Black สีเขียว District green มีห้องโดยสารที่ค่อนข้างเงียบและเป็นมิตร ความทันสมัยและรูปแบบแนวๆ ของงานตกแต่งภายในที่เป็นเอกเทศแตกต่างจากตราใบพัดหรือตราดาวอย่างชัดเจน เป็นห้องโดยสารที่เน้นความประณีตบรรจงในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแต่ก็ดูเก่าเพราะออกมาตั้งแต่ปี 2018  เครื่องยนต์เบนซินสองลิตรเทอร์โบ ทำงานเนียน มีเสียงออกแนวสุภาพเรียบร้อยในรอบต่ำและคำรามเบาๆ ทันทีที่ผมปรับโหมดไป Dynamic แก่นแท้ของรถคันนี้คือการทำความเร็ว การทรงตัวและความนิ่งเมื่อขับเร็ว ซึ่งเป็นความสามารถหลังพวงมาลัยที่ไม่เป็นรองรถคู่แข่ง A4 40TFSI ทำอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในโหมดสูงสุด Dynamic ตลอด 7 วันของการทดสอบ ลองขับเร็วจี๋ ทำได้ที่ 9.4 กิโลเมตรต่อลิตร พอขับเรื่อยๆ กิน 13.8 กิโลเมตรต่อลิตร ตรงนี้นี่น่ารักขึ้นมาเลยทีเดียว 

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ทำได้ 7.4 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาไต่ความเร็วจาก 180 ไปจนถึงความเร็วสูงสุดไม่นาน ยางเกาหลีทำหน้าที่ได้ดี กริ้บที่สดใหม่กับส่วนผสมในเนื้อยาง รวมถึงการออกแบบลายดอกยาง ขนาดและน้ำหนักของล้อที่ไม่สร้างภาระให้กับช่วงล่างเพื่อการเทแรงบิดที่สมบูรณ์ ส่วนประสิทธิภาพของระบบเบรกอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไร จุดที่โดนใจมากที่สุดก็คือ ช่วงล่างที่ทั้งหนึบและนุ่ม ซึ่งหาได้ยากในรถคู่แข่ง ระบบรองรับแบบปีกนกคู่และมัลติลิงก์ปรับจูนมาดีกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด เมื่อรวมกับพวงมาลัยที่แม่นยำ ทำให้การควบคุมมีทั้งความสนุกและสบาย นั่งขับทั้งวันได้เหมือนกับ Series-3 และ C-Class ออกจะสบายกว่าด้วยซ้ำไป

การแข่งขันกันอย่างรุนแรง ระหว่าง Audi BMW และ Mercedes Benz ทำให้ลูกค้าได้ใช้รถที่ดีมีประสิทธิภาพ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นรถยนต์ของ Audi มีจุดเด่นที่แตกต่างไปจากการขับอันเร้าใจของ BMW รวมถึงความหรูระดับเทพของ Mercedes จุดเด่นดังกล่าวก็คือระบบขับเคลื่อน ช่วงล่าง ชุดบังคับเลี้ยว ที่ทำงานผสานกันอย่างกลมกลืน รุ่น 40TFSI ขับหน้า มีกำลังไม่มาก แต่ขับแล้วประทับใจในความเนียน รูปลักษณ์ของรถมองครั้งเดียวก็รู้ว่านี่คือ Audi ส่วนผสมอันแปลกประหลาดของระบบขับเคลื่อนที่ควบรวมเครื่องยนต์ เกียร์ พวงมาลัย และช่วงล่าง ให้ทำหน้าที่เป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์แบบ มีแต่ความหรูหราของจอภาพมาตรวัดและจอกลางเท่านั้นที่เป็นรอง Mercedes Benz กับ BMW แต่ถ้านับเรื่องความสบายและความเนียน Audi A4 เหนือกว่านิดๆ ลองไปหาขับดูแล้วจะรู้ว่า พี่เค้าเจ๋งจริงครับ.

Audi A4 40TFSI S Line iCon back Technical data

A4 40 TFSI S line Icon Black 2,699,000 B.
แบบเครื่องยนต์ เครื่องยนต์เบนซิน mild hybrid (MHEV) 4 สูบ พร้อมระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง
แบบฉีดตรง (direct injection), เทอร์โบชาร์จ
จำนวนวาล์ว 16
ปริมาตรกระบอกสูบ 1,984 ซีซี
แรงม้าสูงสุด 140 กิโลวัตต์ 190 แรงม้า ที่ 4,200 - 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,450 - 4,200 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 จังหวะ
ระบบขับเคลื่อน ขับเคลื่อนล้อหน้า
อัตราเร่ง 0-100 กม. / ชม. 7.3 วินาที
ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ 240 กม. / ชม.
ระบบตัดการทำงานเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Start/stop system)
พวงมาลัยไฟฟ้า
เบรกหน้า ดิสก์เบรก
เบรกหลัง ดิสก์เบรก
พื้นที่เก็บสัมภาระ 460 ลิตร
ความจุถังน้ำมัน 54 ลิตร
ล้อ 18 นิ้ว ขนาด 8J x 18 พร้อมยาง ขนาด 245/40 R18
ยางอะไหล่

ระบบความปลอดภัย
A4 40 TFSI S line
Icon Black
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง
ระบบเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัย
ระบบเบรกมือไฟฟ้า
ระบบล็อกเบรกขณะหยุดนิ่ง (Audi hold assist)
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system)
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic brake distribution)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS (Traction control system)
ระบบควบคุมการทรงตัว ESC (Electronic control system with stabilization
function)

เซนเซอร์หน้า-หลังช่วยในการนำรถเข้าจอด
กล้องแสดงภาพด้านหลัง ขณะถอยจอด
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก
ชุดปฐมพยาบาล


อุปกรณ์มาตรฐาน
A4 40 TFSI S line Icon Black
ระบบเลือกโหมดการขับขี่ (Audi drive select)
ชุดตกแต่งภายนอกแบบ S line o
ชุดตกแต่งภายนอกแบบ Black Edition
ไฟหน้าแบบ Matrix LED
ไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
ตกแต่งห้องโดยสายภายในด้วยลาย Silver Aluminium Ellipse o
กระจกมองหลังพร้อมระบบตัดแสงอัตโนมัติ
ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า และปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
กระจกมองข้างตัดแสงและปรับ-พับไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชั่นบันทึกตำแหน่ง
ความสะดวกสบาย
เบาะนั่งหุ้มหนัง
เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sports
เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชั่นบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งผู้ขับขี่
เบาะผู้โดยสารด้านหลังพับได้
ระบบควบคุมอุณหภูมิ อัตโนมัติ ควบคุมอุณหภูมิแยกอิสระ 3 โซน
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น แบบสปอร์ตท้ายตัด พร้อม Paddle shift
ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise control)
ม่านบังแดดที่กระจกประตูด้านหลังซ้าย-ขวา
กุญแจแบบ Comfort key พร้อมระบบเปิดฝากระโปรงท้ายโดยไม่ต้องใช้มือ
ระบบข้อมูลและความบันเทิง
ระบบเครื่องเสียง Audi sound system
ระบบ MMI Radio plus พร้อมหน้าจอแบบสัมผัส (MMI touch) ขนาด 8.8 นิ้ว
ระบบ Audi smartphone interface o
จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit plus ขนาด 12.3 นิ้ว
รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth
ช่องเชื่อมต่อ USB-A 1 ตำแหน่ง และ USB-C 1 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสาร
ด้านหน้า และ USB-A 2 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
ไฟเรืองแสงในห้องโดยสาร (Contour/Ambient lighting)