BMW X5 รถที่จุดประกายและทำให้เกิดความหลงใหลในกลุ่มผลิตภัณฑ์ SUV ขนาดยักษ์ X5 Mk1 รุ่นแรกถูกเปิดตัวในปี 1999 หลายคนคาดเดาไม่ออกว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อ BMW หันเหแนวทางการทำรถซีดานและซาลูนหรูมาเป็นรถอเนกประสงค์คันโต หลังจากการเทคโอเวอร์ Range Rover เพื่อนำนวัตกรรมออฟโรดของรถอเนกประสงค์ติดหรูสัญชาติอังกฤษมาพัฒนาต่อยอดเป็นรถ SUV รุ่นใหม่สัญชาติเยอรมันภายใต้แบรนด์ตราใบพัด เมื่อได้ทุกอย่างจนพอใจแล้ว BMW ก็เทขาย Ranger Rover ให้กับกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่จากอินเดีย แต่เศรษฐีในแดนภารตะที่เข้าครองครองแบรนด์รถเอสยูวีที่ดีที่สุดยังคงจมอยู่กับยอดขายที่ไม่เป็นไปตามเป้า สำหรับ BMW แนวคิด X Drive ทำให้ X5 ขายได้ถึงสองล้านคัน ตามด้วยการให้กำเนิดรถครอสโอเวอร์ตัวทำเงินอย่าง X1-X2 รวมถึง SUV X3 X4 X6 และ X7 จนมาถึง XM สะท้อนถึงความนิยมในรถยนต์อเนกประสงค์ของลูกค้า

...

ในยุคแรกเริ่มเมื่อปี 1999 การถือกำเนิดของ X5 ถือเป็นการปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ X5 กลายเป็นรถออฟโรดรุ่นแรกที่มีสไตล์หรูหรามากกว่ารถอเนกประสงค์ทั่วไป ซึ่งคล้ายกับ Rang Rover ของอังกฤษที่ใช้ความหรูหรามีระดับเป็นจุดขาย ผู้บริหารของ BMW กำหนดเป้าหมาย X5 โดยวางตำแหน่งตัวเองให้อยู่เหนือกว่ารถเอสยูวีของอเมริกันและญี่ปุ่น ในช่วงนั้นรถอเนกประสงค์ส่วนใหญ่ยังไม่ติดหรูและเน้นการใช้งานหนักมากกว่าจะมุ่งไปที่ความหรูหรามีระดับ ปัจจุบัน BMW ผลิต X5 มาจนถึงรุ่นที่สี่แล้ว โดยมีคู่แข่งอย่าง Mercedes-Benz GLE , Range Rover Sport, Porsche Cayenne, Audi Q7 และแบรนด์หรูอื่นๆ ซึ่งกำลังไล่ตามความสำเร็จที่ BMW ทำเอาไว้เมื่อกว่า 25 ปีที่แล้ว....  

...

X5 Mk4 (G05) เปิดตัวในปี 2018 หลังจากนั้นมีการปรับโฉมใหม่รอบที่สองหรือ LCI ในปี 2023 การปรับปรุงส่วนหน้าและงานตกแต่งภายในที่ยกระดับความหรูหราให้มากกว่าเดิม กระจังหน้ารูปไตขนาดยักษ์ด้านหน้าทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่พอใจ   การออกแบบชิ่นส่วนตกแต่งภายนอกที่ถูกปรับให้ลงตัวมากขึ้นทั้งรูปแบบและโทนสีในรถรุ่นปรับโฉม มีส่วนช่วยทำให้ X5 50e ดูดีขึ้น ส่วนหน้าที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งเมื่อ X5 G05 เปิดตัวในปี 2018 กลายเป็นที่ถกเถียงในคลับ BMW ว่าในความเป็นจริงแล้ว X5 รุ่นนี้ สวยหรือน่าเกลียด! แต่ท้ายที่สุด ลูกค้าไฮโซยังคงมีความต้องการรถ SUV ขนาดใหญ่ มีภายในเหมาะกับการอยู่อาศัยและมีรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวทันสมัย เพรียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกนับสิบรายการ รุ่นปรับโฉมใหม่ทำให้หน้าตาของ G05 LCI เรียบง่าย แต่ส่วนหน้ายังหนีไม่ออกกับความอวบอ้วนเหมือนคนกินจุที่ไม่เน้นการรีดน้ำหนัก มุมที่ดีที่สุดคือด้านข้างและบั้นท้าย อีกจุดที่ทำให้ G05 LCI ดูดีก็คือ การที่ BMW ยกเลิกชิ้นส่วนโครเมี่ยมและหันไปหาชิ้นส่วนพลาสติกสีดำเงาที่กำลังได้รับความนิยมและทำให้ทรงภายนอกดูเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น พลาสติกสีดำเงานั้นสวย แต่เกิดริ้วรอยง่ายอยู่เหมือนกัน

...

...

X5 LCI ติดตั้งระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ กระจังหน้า BMW kidney ‘Iconic Glow’ ชิ้นส่วนตกแต่งภายนอกวัสดุสีดำเงา ไฟหน้าดีไซน์ M สีดำ คาลิเปอร์เบรก M Sport สีนำเงิน ระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ ระบบปิดประตู BMW soft close function ชุดแต่ง M Aerodynamics และชุดแต่งภายนอก M สีดำเงา มิติตัวถัง มีขนาดความยาว 4,935 มิลลิเมตร กว้าง 2,004 มิลลิเมตร สูง 1,755 มิลลิเมตร ปริมาตรในการบรรจุของ 500 - 1,720 ลิตร น้ำหนักรถ 2,495 กิโลกรัม ล้ออัลลอย M ขอบ 21 นิ้ว ลาย Y-spoke แบบสลับสี ล้อหน้า: 9.5 J × 21 หลัง 10.5 J × 21 ยาง continental premium contact 6 SSR Runflat ล้อหน้า 275/40 R21 ล้อหลัง 315/35 R21 

กระจังหน้าและกันชนใหม่ ไฟหน้าและไฟท้ายใหม่ ล้ออัลลอยลายคุ้นตาที่เคยเห็นใน X5 รุ่นก่อนปรับโฉมแต่ได้รับการปรับปรุงใหม่ รายละเอียดภายนอกเน้นการตกแต่งด้วยสีดำเงา ปลายท่อไอเสียทรงเหลี่ยมรมดำ โลโก้ M เล็กๆ ด้านข้างตัวถัง เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จ 6 สูบ แถวเรียง ความจุ 3.0 ลิตร ปลั๊กอินไฮบริด xDrive50e ทรงพลังกว่าเดิม (45e) มีกำลังเพิ่มขึ้น 94 แรงม้า ระยะการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 16 กิโลเมตร เป็น 113 กิโลเมตร กำลังสูงสุดของทั้งสองระบบรวม 483 แรงม้า จอแสดงผลอินโฟเทนเมนต์แบบโค้งใหม่ อินเทอร์เฟซซอฟต์แวร์ iDrive 8 เอกลักษณ์ X5 คือ การผสานระหว่างความคล่องตัวแบบสปอร์ต ความสบายในการขับขี่ทางไกลผ่านเทคโนโลยีแชสซีขั้นสูง ช่วงล่างถุงลม Adaptive 2-axle ล้ออัลลอย M ขนาด 21 นิ้ว ลาย Y-Spoke แบบสลับสี ระบบช่วยการขับ Professional ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ Professional และเบาะหนังนุ่มราคาแพง

ทุกวันนี้ X5 โดยเฉพาะในยุโรปมีรุ่นเบาะนั่งแถวที่สามให้เลือก X5 จึงมีขนาดใหญ่และหรูหราขึ้นกว่าเดิม ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ XDrive ช่วงล่างถุงลมปรับระดับได้ ฝาท้ายไฟฟ้าแบบสองชั้นที่มีเฉพาะ X5 และ X7 เท่านั้น ระบบกันสะเทือนถุงลมเหมาะกับการใช้งานระยะทางไกลด้วยความนิ่มนวลตลอดเส้นทาง ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่สุดล้ำ แผงหน้าปัดดิจิทัลและงานตกแต่งสุดแพรวพราว หน้าจอสัมผัสอินโฟเทนเมนต์ขนาด 14.9 นิ้ว แผงหน้าปัดขนาด 12.3 นิ้ว เป็นการปรับโฉมรถยนต์ในปี 2023 เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของระบบอินโฟเทนเมนท์  ทุกอย่างทำงานได้อย่างราบรื่นไม่มีอาการกระตุก หน่วง หรือชักช้าเสียเวลา เจ้าของรถสามารถใช้ประโยชน์จากบริการเชื่อมต่อของ BMW หรือ แค่เสียบโทรศัพท์และเพลิดเพลินไปกับหน้าจอกระจกแบบพาโนราม่า ระบบเสียง Bowers and Wilkins สำหรับคนที่ชอบฟังดนตรีขณะขับ 

เทคโนโลยีดิจิทัล คือปัจจัยหลักที่เสริมความล้ำสมัยภายในห้องโดยสาร X5 LCI ผสมผสานระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8 เทคโนโลยี BMW iDrive ใหม่ล่าสุด พร้อมจอแสดงผลแบบโค้ง BMW Curved Display ในรถยนต์ SAV และนอกจากอุปกรณ์มาตรฐานที่ใส่มาใน X5 LCI ทั้งสองรุ่นย่อย ไม่ว่าจะเป็นระบบ BMW Live Cockpit Professional ระบบ BMW ConnectedDrive ฟังก์ชันสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวมือ (BMW Gesture Control) ระบบความบันเทิงภายในตัวรถ ด้วยระบบเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูง Bowers & Wilkin Diamond ใน X5 xDrive50e M Sport LCI ระบบสัมผัสบนหน้าจอควบคุม ลดจำนวนปุ่มและสวิตช์ต่างๆ ผ่านการควบคุมฟังก์ชันด้วยระบบดิจิทัล แถบไฟกราฟิก ภายในรถมีตัวอักษรชื่อรุ่น “X5” บรรยากาศในห้องโดยสารของเบาะนั่งตอนหน้าแบบ Comfort ปรับไฟฟ้า พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M ชุดไฟสร้างบรรยากาศ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 4 โซน และระบบ Travel & Comfort เข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M ภายในใช้หนังแท้เกรดสูงสุด BMW Individual วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ดีไซน์ M นอกจากนี้ X5 xDrive50e M Sport LCI ยังตกแต่งห้องโดยสารเพื่อเน้นความเอ็กซ์คลูซีฟ ด้วยผลึกแก้ว ‘CraftedClarity’

ภายในของ G05 LCI 2024 มีการเปลี่ยนแปลงด้วยธีมแนวนอนของจอภาพ แผงหน้าปัดมาตรวัดดิจิทัล หน้าจอสัมผัส หลอมรวมอยู่ภายในจอกระจกขนาดยาวเอียงเข้าหาคนขับ ปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารถูกย้ายไปอยู่ในหน้าจอสัมผัส 14.9 นิ้ว เหลือเพียงปุ่มควบคุมเล็กๆ น้อยๆ สำหรับระบบไฟฉุกเฉิน ปุ่มปรับระดับเสียง ช่องระบายอากาศตรงกลางที่เพรียวบางตั้งอยู่ระหว่างหน้าจอสัมผัส โดยยื่นออกมาในขณะที่แผงหน้าปัดตรงกลางส่วนที่เหลือย่อตัวลงไปที่มุมและขีดเส้นใต้ด้วยแถบไฟ ปุ่มหมุนควบคุมและโหมดขับเคลื่อนยังคงอยู่ในคอนโซล คันเกียร์ขนาดเล็กทำจากคริสตัลเข้ามาแทนที่คันเกียร์แบบเดิม

เบาะหนัง Merino เกรดเดียวกับ BMW X7 หนังและวัสดุภายในให้ความรู้สึกนุ่มนิ่ม โดยเฉพาะหมอนอิงศีรษะที่นิ่มจนชวนหลับ ลวดลายตัดเย็บของตัวเบาะคล้ายกับ BMW Series-7 G70 ในขณะที่หนัง Nappa คือหนังมาตรฐานสำหรับ BMW รุ่นหรู หนังแท้ Merino คือหนังเกรดสูงสุด หนัง Merino อยู่ในเบาะของ BMW X7, M5, X5m, X6m และ M760Li ด้วยสไตล์ BMW Individual ซึ่ง X5 LCI ใหม่ นำมาใส่ในเบาะทุกตำแหน่ง เบาะคนขับปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ เบาะหลังพับราบกับพื้นได้เพื่อเพิ่มความจุของห้องเก็บสัมภาระส่วนท้าย

แดชบอร์ดคอนโซลขนาดใหญ่สมกับความเป็น SAV ที่หรูหราและเป็นรองเพียงแค่ X7 เท่านั้น แดชบอร์ด ตกแต่งด้วยชิ้นงานคาบอนไฟเบอร์เคลือบเงา มีสัญลักษณ์ X5 พร้อมแถบไฟเรืองแสงบริเวณชิ้นงานตกแต่งลายคาร์บอนที่คาดกลางแดชบอร์ด จอภาพมาตรวัดขนาด 12.3 นิ้ว ปรับเปลี่ยนการแสดงผลไปตามโหมดการขับเคลื่อน จอมอนิเตอร์กลางท่ีหลอมรวมเป็นชิ้นเดียวกับจอภาพมาตรวัดมีขนาด 14.9 นิ้ว บรรจุสารพัดฟังก์ชันของการปรับตั้งค่าต่างๆ ระบบอินโฟเทนเมนต์ ระบบเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ โหมดขับเคลื่อน มอนิเตอร์ของระบบ xDrive กล้องมองรอบคันที่เชื่อมต่อการทำงานกับระบบจอดอัตโนมัติ ชุดควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร และอื่นๆ อีกเพียบจารนัยกันไม่ไหว

คอนโซลกลางซึ่งเป็นที่อยู่ของซุ้มคันเกียร์มีการปรับเปลี่ยนคันเกียร์ใหม่ให้กลายเป็นแท่งแก้วคริสตัลอันเล็กๆ ที่จับไม่ค่อยจะถนัดเท่าที่ควร ลูกค้าบางคนชอบคันเกียร์แบบเก่ามากกว่า แต่คันเกียร์แบบใหม่อันเล็กๆ ก็ไม่เกะกะมือ แผงซุ้มคันเกียร์ยังมีสวิตช์ควบคุมระบบ i Drive OS8 ปุ่มปรับระดับความสูงของระบบ Adaptive Air SuSpension ปุ่มโหมดขับเคลื่อนที่มีให้เลือก เช่น Sport Comfort Hybrid ECO Pro Individual ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ ปุ่มสั่งงานฟังก์ชันถอยหลังจอดอัตโนมัติ ปุ่มระบบ Auto Brake Hold

พวงมาลัย M ทรงสามก้านที่คุ้นเคย พวงมาลัยสปอร์ตหุ้มหนังแท้มาพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ปุ่มปรับตั้งระบบควบคุมความเร็ว Adaptive Cruise Control ปุ่มควบคุมการสั่งงานด้วยเสียง ปุ่มรับหรือวางโทรศัพท์บลูทูธ รวมถึงปุ่มเลือกการแสดงผลของจอ Multi Function Display

เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง รหัส B58 อัดอากาศด้วยเทอร์โบประสิทธิภาพสูง มอเตอร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด ทำงานควบคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ZF Sport Steptronic 8 HP พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ส่งกำลังรวมสูงสุดกว่า 360 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 489 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร เครื่องยนต์เบนซินเพียวๆ มีกำลังสูงสุด 230 กิโลวัตต์ หรือ 313 แรงม้าที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดจากเครื่องยนต์ที่ 450 นิวตันเมตร ในย่าน 1,750-4,700 รอบต่อนาที เร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 4.8 วินาที ทำระยะทางขับเคลื่อนไฟฟ้าสูงสุดที่ 113 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC

X5 ในความหมายแบบคลาสสิกไม่ใช่รถที่มีเอาไว้นั่งและให้คนขับรถอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด เมื่ออยู่หลังพวงมาลัย เอสยูวีเยอรมันคันนี้ให้สัมผัสที่นิ่มนวล การยึดเกาะและการควบคุมตัวถังโดยรวมนั้นยอดเยี่ยมมากสำหรับรถตันโตหนัก 2.2 ตัน คุณจะรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นเร้าใจจากระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเมื่อเหยียบคันเร่งออกจากโค้งในโหมดสปอร์ต วิศวกรของ BMW ทำงานอย่างหนักเพื่อปกปิดมวลทั้งหมดให้มิดชิดไม่โผล่ออกมาเหมือนรถไฟฟ้าบางรุ่น ระบบกันสะเทือนทำงานอย่างหนักบนถนนที่ไม่เรียบ เป็นกันสะเทือนถุงลมแบบปรับได้ที่ทำงานร่วมกับมาตรการป้องกันเสียงแปลกปลอมจากภายนอกสามารถดูดซับเสียงรบกวนได้ดี

BMW 50e เครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง 3.0 ลิตร 482 แรงม้า แบตเตอรี่ 25.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง มอเตอร์ไฟฟ้าผสานเครื่องยนต์ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.8 วินาที แบตเตอรี่ วิ่งไกล 113 กิโลเมตร ขับจริงอยู่ที่ 82 กิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเมื่อแบตฯมีไฟเหลือน้อยอยู่ที่ 10.2 กิโลเมตรต่อลิตรในโหมด Hybrid เมื่อแบตเตอรี่หมดแล้วใช้โหมดสูงสุดขับเร็วต่อเนื่อง (Sport mode) X5 50e จะมีตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 8.7 กิโลเมตรต่อลิตร นับว่าประหยัดพอใช้ได้ แต่ถ้าบ้านกับที่ทำงานอยู่ห่างกันไม่เกิน 80 กิโลเมตร X5 Plug in Hybrid จะกลายเป็นเอสยูวีไฟฟ้าสุดประหยัด เมื่อกลับเข้าบ้านก็แค่ชาร์จไฟเสียบแช่ไว้ให้เต็มอยู่เสมอโดยใช้ไฟบ้านแบบชาร์จช้าปล่อยไฟไหลเข้าแบตฯแบบเรื่อยๆ เช้าขึ้นมาก็ดึงปลั๊กออกแล้วออกเดินทางแบบปลอดมลพิษได้ไกลพอสมควรเกือบๆ 100 กิโลเมตร แต่ถ้าแบตฯหมดแล้วขับเร็วก็ไม่ประหยัดอย่างที่คิดเพราะน้ำหนักตัวมากเกินเหตุ

BMW มีชื่อเสียงในการสร้างรถที่ขับขี่ได้ดีมานานแล้ว การรักษาความสมดุลกับความต้องการของลูกค้าที่เน้นรถหรูหรา นั่นคือความสามารถในการปรับแต่งรถเพื่อความสบาย พร้อมพลังในการพุ่งออกตัว ทั้งทางตรงและในโค้ง ระบบบังคับเลี้ยวนั้นยอดเยี่ยม ให้ความรู้สึกเป็นกลาง มั่นคงและควบคุมทิศทางได้ง่าย ระบบกันสะเทือนถุงลมแบบปรับระดับได้อย่างหลากหลาย ด้านหน้าแบบดับเบิลวิชโบนปีกนกคู่ ด้านหลังโช้คอัพถุงลมพร้อมระบบมัลติลิงก์ ช่วงล่างแอร์สปริงทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม แต่อยากได้เบรกที่มีประสิทธิภาพการตอบสนองมากกว่านี้เพราะน้ำหนักตัวมากถึง 2.5 ตัน เมื่อไปเร็วควรมีเบรกที่เพิ่มความมั่นใจตอบสนองได้ดี ระบบ regenerative braking ของ X5 50e ช่วยชะลอความเร็วได้ดีมาก ทำงานคล้ายกับ BMW 750e ทำให้ไม่ต้องใช้เบรกเมื่อยกคันเร่งเพราะระบบสะสมพลังงานจะช่วยชะลอความเร็วพร้อมกับการกะระยะห่างจากรถคันหน้าแบบอัตโนมัติ ล้อ 21 นิ้วกับยางสปอร์ตมีส่วนช่วยสร้างแรงยึดเกาะ เป็นรถอเนกประสงค์คันโตที่กระตุ้นให้คนขับไปเร็วขึ้นอยู่เสมอ

Life Cycle Impulse xDrive50e มาแทนที่ xDrive45e และมีพละกำลังมากกว่ารุ่นก่อนมาก (483 แรงม้า เทียบกับ 389 แรงม้า และแรงบิด 700 นิวตันเมตร เทียบกับ 600 นิวตันเมตรของ X5 รุ่นก่อนปรับโฉม) ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับแต่งซอฟต์แวร์ที่ RaceChip ได้ลอง X5 รุ่นปรับโฉมใหม่พร้อมระบบ PHEV และนำไปติดตั้งบนไดโนทันทีเพื่อดูว่าเครื่องยนต์ B58B30M2 สร้างกำลังได้แค่ไหน เครื่องยนต์ B58 หกสูบแถวเรียงและมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังที่สูงกว่าข้อมูลจำเพาะทางเทคนิคอย่างเป็นทางการที่ให้มาในโบชัวส์ เมื่อแบตเตอรี่มีไฟเต็มและมอเตอร์ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ X5 xDrive50e ผลิตกำลังรวมได้ 513 แรงม้า แรงบิด 736 นิวตันเมตร นั่นมากกว่าที่แจ้งมาพอสมควร 

ในอเมริกา ช่างมือซนของ RaceChip ยังนำพา X5 50e สู่สรวงสวรรค์แบบทะลุมิติ ด้วยการสร้างเวทมนตร์ (รีแมบ) ให้กับเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร นั่น ทำให้กำลังโดยรวมของทั้งสองระบบมากขึ้นทันที โดยมีกำลังรวมทั้งหมดอยู่ที่ 588 แรงม้า แรงบิดเพิ่มขึ้นเป็น 807 นิวตันเมตร แต่ผลการทดสอบไดโนเทสแสดงหน่วยวัดแรงม้าเป็น PS (pferdestärke) ซึ่งเท่ากับ 0.986 แรงม้า ด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นของ B58B30M2 BMW X5 xDrive50e ปี 2024 บนเส้นทางทดสอบพิเศษ สามารถทำความเร็วจาก 100 ถึง 200 กม./ชม.ในเวลา 10.82 วินาที ในขณะที่ X5 50e  เดิมๆใช้เวลา 12.57 วินาที ถือเป็นผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ เมื่อดูจากน้ำหนัก 2,420 กิโลกรัม และอากาศพลศาสตร์ที่ยังห่างชั้นกับรถซีดานอย่าง Series-5 G60 

X5 50e M Sport มีแรงบิดเหลือเฟือ การควบคุมบังคับเลี้ยวดีเยี่ยม แม้จะมีขนาดใหญ่แต่คล่องตัวในเมือง ขับง่าย เดินทางไกลโคตรดี แต่ค่าบำรุงรักษาก็ขึ้นไปตามระดับชั้นของราคาและสมรรถนะที่เทียบเคียงรถดีๆอย่าง Cayenne และ Q7 เนื่องจาก BMW ทำในสิ่งที่เป็นพื้นฐานของรถอเนกประสงค์ได้อย่างตรงจุด นั่นก็คือ ประสิทธิภาพ การใช้งานที่ครอบคลุมและความสะดวกสบายปลอดภัย การขับรถ SUV คันใหญ่ โดยเฉพาะรถที่มีตรา BMW อยู่ในกระจังหน้าขนาดใหญ่มักจะมาพร้อมกับภาพลักษณ์บางอย่าง แน่นอนว่า xDrive50e นั้นไม่สุดเท่ากับ X5 M Competition แต่คุณจะได้เครื่องยนต์ 6 สูบ B58 ที่มีพลังเหลือล้นพร้อมงานวิศวกรรมยานยนต์พลังงานผสมก่อนที่จะกลายไปเป็นเอสยูวีไฟฟ้าล้วน 100% ที่แสนจะน่าเบื่อ. 

BMW X5 xDrive 50e M Sport ราคา 5,399,000 บาท

เครื่องยนต์และสมรรถนะ
ชนิดเครื่องยนต์ เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง อัดอากาศด้วยเทอร์โบ
เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo
ปริมาตรกระบอกสบู 2,998 ซีซี
กําลังสูงสุด 230 กิโลวัตต์ 313 แรงม้า ที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,750-4,700 รอบต่อนาที
กําลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 280 นิวตันเมตร
ระยะทางขับเคลื่อนไฟฟ้า¹ มาตรฐาน NEDC 113 กิโลเมตร
ความจุพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูง 29.5 กิโลวัตต์ ชั่วโมง
กําลังรวมสูงสุด 360 กิโลวัตต 489 แรงม้า
แรงบิดรวมสูงสุด 700 นิวตันเมตร
ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ความเร็วสูงสุด ในการขับขี่แบบไฟฟ้า 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 4.8 วินาที
อัตราการใช้ไฟฟ้า, มาตรฐาน NEDC 23.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กิโลเมตร
อัตราสิ้นเปลืองนำ้มันเชื้อเพลิง 66.7 กิโลเมตร/ลิตร
ระดับการปล่อย CO2 35 กรัม/กิโลเมตร

ล้อและยาง
ล้ออัลลอย M ขนาด 21 นิ้ว ลาย Y-spoke แบบสลับสี
ขนาดยาง
ล้อหน้า: 9.5 J × 21 /ยาง 275/40 R21
ล้อหลัง: 10.5 J × 21 /ยาง315/35 R21
ยาง Runflat

มิติรถยนต์
มิติตัวถัง ยาว 4,935 มิลลิเมตร กว้าง 2,004 มิลลิเมตร สูง 1,755 มิลลิเมตร
ปริมาตรในการบรรจุของ 500-1,720 ลิตร
น้ำหนักรถ 2,495 กิโลกรัม

คุณลักษณะเฉพาะ X5 xDrive50e MSport
ระบบขับเคลื่อนและเทคโนโลยี
เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Sport Steptronic
ช่วงล่างถุงลม Adaptive 2-axle
ระบบช่วยการขับขี่ Professional (Driving Assistant Professional)
ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ Professional (Parking Assistant Professional)

อุปกรณ์ภายนอก
ระบบไฟหน้า LED อัจฉรยิะ (Adaptive LED)
กระจังหน้า BMW kidney 'Iconic Glow'
โคมไฟหน้าตกแต่งดีไซน์ M สีดำ (M Lights Shadow Line)
ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ (High-beam Assistant)
คาลิเปอร์เบรกดีไซน์ M Sport
ระบบปลดล็อกประตู Comfort Access System
ระบบช่วยผ่อนแรงกระแทกขณะปิดประตู (Soft-close Function for Doors)
หลังคากระจก Panorama เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า
กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมระบบตัดแสงอัตโนมัตฝั่งคนขับ
ชุดตกแต่ง M Aerodynamics
ภายนอกตกแต่งด้วยชุดแต่ง M สีดำเงา
ภายนอกพร้อมชุดตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา
ราวหลังคาดีไซน์ M สีดำเงา

อุปกรณ์ภายใน
ระบบอุ่นเบาะสำหรับคนขับและผู้โดยสารเบาะหน้า
เบาะนั่งตอนหน้าและหลังพร้อมระบบ Heater
ระบบอุ่นที่พักแขนและพวงมาลัย (Heat Comfort Package, Front)
เบาะนั่งตอนหน้าแบบ Comfort ปรับไฟฟ้า
พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M
ชุดไฟส่องสว่างภายในและภายนอกห้องโดยสาร (Ambient Light)
หลังคาภายในดีไซน์ M สี Anthracite
ที่วางแก้วบริเวณคอนโซลกลาง พร้อมฟังก์ชันควบคุมอุณหภูมิ
ภายในตกแต่งด้วยวัสดุหนังแท้
ภายในตกแต่งดีไซน์ M ด้วยวัสดุ Carbon Fibre
ภายในตกแต่งด้วยผลึกแก้ว 'CraftedClarity'
ม่านบังแดดประตูหลัง
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4โซน
เข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M
ระบบจัดเก็บสัมภาระท้ายรถ
ระบบ Travel & Comfort

คุณลักษณะเฉพาะ X5 xDrive 50e M Sport
ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร BMW Live Cockpit Professional
ระบบ BMW ConnectedDrive
ฟังก์ชันสั่งงานระบบ iDrive ด้วยการเคลื่อนไหวมือ (BMW Gesture Control)
ระบบเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูง Bowers & Wilkins Diamond
ระบบเชื่อมต่อ Smartphone

ความปลอดภัย
ถุงลมนริภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
ถุงลมนิรภัยศีรษะสําหรับผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง (ยกเว้นผู้โดยสารตอนหลังกลาง)
ระบบ Teleservices
ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Call)
ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC)
ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC)
ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS)
ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist)
ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC)
ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชัน hold
อัตโนมัติขณะรถหยุดนิ่ง
เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน
(Crash Sensor)
ระบบ Active Protection
เซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง
ระบบสร้างเสียงจำลอง เตือนผู้ใช้ถนนรอบข้าง
ระบบตรวจวัดลมยาง
ชุดตกแต่งพิเศษ
ชุดตกแต่ง M Sport Pro