He Xiaopeng ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Xpeng ในช่วงวัยรุ่นเป็นคนที่ชอบเรื่องของเทคโนโลยี การเขียนโปรแกรมและค้นคว้าเรื่องคอมพิวเตอร์ He Xiaopeng เลือกเรียนในคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัย South China University of Technology หลังจากจบออกมาก็ เริ่มงานกับ AsiaInfo Technologies ซึ่งเป็นบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของจีน หลังจากประสบความสำเร็จในสายงานจากความสามารถและพอจะมองเห็นหนทางที่จะทำเงินได้จำนวนมากกว่าการเป็นลูกจ้าง He Xiaopeng ลาออกมาเปิดบริษัท UCWeb ในปี คศ. 2004 หลังจากนั้น บริษัท UCWeb ก็โดนเทคโอเวอร์โดยยักษ์ใหญ่ Alibaba ซึ่งเข้ามาซื้อ UCWeb ในปี 2014 จำนวนเงินที่ Alibaba ต้องจ่ายให้กับ He Xiaopeng ในการครอบครอง UCWeb สูงถึง 4,300 ล้านดอลลาร์ เมื่อเงินไม่ใช่สิ่งที่มีความสำคัญอีกต่อไป จากความสำเร็จที่ He Xiaopeng ได้รับซึ่งถาโถมเข้ามาจนทำให้เกิดความคิดที่จะเปลี่ยนแนวทางธุรกิจจากวงการไอทีไปเป็นการสร้างแบรนด์รถยนต์ที่มีคุณภาพ เพื่อลบล้างคำสบประมาทที่มีต่อรถยนต์จีน He Xiaopeng เริ่มธุรกิจใหม่อีกครั้ง ด้วยการเปิดบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า XPENG

XPeng ก่อตั้งในปี 2014 เป็นแบรนด์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยียานยนต์ การวิจัยและพัฒนาซอฟแวร์ ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง ต่อรูปแบบของการเดินทางในอนาคต’ ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี จากสัดส่วนกว่า 40% ของพนักงานทั้งหมดร่วม 20,000 ชีวิต ทำงานอยู่ในแผนกวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ ไปจนถึงยานยนต์บินได้ หุ่นยนต์ไฮเทค และอื่นๆ หลังจากนั้นสองปี XPENG สามารถผลิตยานยนต์ไฟฟ้าต้นแบบรุ่นแรกสำเร็จ จังหวะการขับเคลื่อนธุรกิจของ XPENG นอกจากแผนในการเปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้า เช่น G3, P7, G9 การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (NYSE-New York Stock Exchange) รุกตลาดเข้าสู่ประเทศแถบยุโรป เปิดโชว์รูมในหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย, ฮ่องกง, สิงคโปร์, มาเลเซีย, เนเธอร์แลนด์, สวีเดน และเดนมาร์ก นำเสนอระบบขับอัตโนมัติบนทางหลวง (NGP-Navigation Guided Pilot) เป็นรายแรกในประเทศจีน เปิดตัวแฟลกชิปสมาร์ทเอสยูวีรุ่น ‘G9’ ควบคู่ไปกับการเฉลิมฉลองในโอกาสที่รุ่น ‘P7’ ผลิตครบ 100,000 คัน

...

ปี 2023 ที่ผ่านมา XPENG เปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้าสองรุ่น คือ อัลตร้าสมาร์ทเอสยูวีคูเป้ ‘G6’ และ ‘X9’ อัลตร้าสมาร์ทเอ็มพีวี 7 ที่นั่ง โรงงานผลิต 3 แห่งในประเทศจีน คือ จ้าวชิง, กว่างโจว และอู่ฮั่น มีกำลังผลิตรวม 600,000 คันต่อปี พร้อมขยายการทำตลาดทั้งในยุโรป และทวีปอื่นๆ ทั่วโลก

Xpeng เหมือนกับ BMW แห่งยุค EV เน้นกระจายน้ำหนักเพื่อความสมดลุ 50:50 ระบบไฟ 800 โวลต์ ใช้วัสดุ Silicon Carbide เทคโนโลยีการผลิต gigapress die cast Xpeng ทำการขยายตลาดไปยังยุโรป เช่น เดนมารก์ นอรเ์วย์ เนเธอร์แลนด์และสวีเดน XPeng เข้ามาทำตลาดในไทย ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง Arun+ และ MGC-ASIA 

...

...

G6 ยานยนต์ไฟฟ้า Ultra-Smart SUV Coupe ออกแบบจากนักเขียนนิยายไซ-ไฟ (Sci-Fi) เป็นยานยนต์ไฟฟ้ามอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง โครงสร้างบริเวณประตูแบบ 3 ชั้น มีความกว้างเป็นพิเศษ ปกป้องแบตเตอรี่จากการชนด้านข้าง รองรับแรงกระแทกสูงสุด 80 ตันล้อ อุปกรณ์ภายนอกประกอบด้วย ล้ออัลลอย 20 นิ้ว แบบ 10-Spoke ยาง Pilot Sport EV ไซล์ 255/45 R20 ระบบรองรับ ด้านหน้าแบบปีกนกคู่ดับเบิ้ลวิชโบน Double Wishbone Independent Suspension ด้านหลัง Multi-Link โช้คอัพ Multi-Valve ของ SACHS ระบบเบรก ดิสก์เบรก ด้านหน้า-ด้านหลัง

...

ไฟหน้า LED ไฟหรี่กลางวันและไฟเลี่ยว LED ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟหน้า สูง-ต่ำ อัตโนมัติ ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor กระจกมองข้าง ปรับและพับด้วยไฟฟ้า พับเก็บอัตโนมัติ ระบบบันทึกตำแหน่งกระจกมองข้าง Memory Mirror ประตูไร้กรอบกระจก Frameless Doors มือเปิดประตูแบบซ่อน Hidden Door Handles มิติตัวถังของ XPeng G6 มี ขนาดความยาว 4,753 มิลลิเมตร กว้าง 1,920 มิลลิเมตร สูง 1,650 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,890 มิลลิเมตร พื้นที่ห้องเก็บสัมภาระท้าย 571 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังจะเพิ่มเป็น 1,374 ลิตร

XPeng G6 Standard RWD 1,439,000 บาท
XPen G6 Long Range RWD 1,599,000 บาท (คันทดสอบ)

สีตัวถัง 5 สี

สีขาว Arctic White
สีเงิน Silver Frost
สีเทา Graphite Grey
สีดำ Black
สีส้ม Fiery Orange

XPENG G6 Long Range มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว วางด้านหลัง ขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังสูงสุด 285 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ความจุ 87.5 kWh ระบบไฟ 800 โวลต์ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 6.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จเต็มวิ่งไกล 625 กิโลเมตร ราคา 1,599,000 บาท

เทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ SiC Architecture ในส่วนระบบขับเคลื่อนและแบตเตอรี่ กินกระแสไฟต่ำ ความร้อนสะสมน้อย แบตเตอรี่ติดตั้งเป็นส่วนเดียวกับตัวถัง เรียกว่า Cell Integrated Body (CIB) ส่งผลให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ มีการอัปเดตทั้งเฟิร์มแวร์และซอฟต์แวร์อัตโนมัติ ผ่านระบบออนไลน์ (OTA-Over The Air) ห้องโดยสาร ‘Intelligent cockpit’ จอแสดงข้อมูลการขับขนาด 10.2 นิ้ว ด้านหน้าผู้ขับ ทัชสกรีนอเนกประสงค์ขนาด 14.96 นิ้ว ติดตั้งกลางแดชบอร์ด ระบบสั่งการด้วยเสียง Full scenario voice assistant 2.0 รองรับ Real time continuous voice command recognition, การใช้งานแบบมัลติโซน และการใช้งานแบบออฟไลน์ หัวชาร์จ Type 2 / CCS Combo ชาร์จไฟกระแสตรง DC สูงสุด 280 kW (รุ่น Long Range) ชาร์จไฟกระแสตรง DC แบบด่วน จาก 10-80% ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ชาร์จ DC 10 นาที วิ่ง ไกล 300 กิโลเมตร ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้า 220V ให้อุปกรณ์ภายนอก 3,300 วัตต์ ระบบความปลอดภัย ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ประกอบด้วย Sensors 29 ตำแหน่ง Computing Power 508 TOPS (Trillion Operations Per S econd) หลังคากระจก Panoramic Glass Roof กัน UV 99.9% กันความร้อน 86% ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Fast Charge กำลังชาร์จสูงสุด 50W และมี ช่องเป่าลม เพื่อระบายความร้อนให้โทรศัพท์

ห้องโดยสารสีดำ Starry Night Black หลังคากระจก Panoramic Glassroof พร้อมเคลือบฉนวนกันความร้อน ราวหลังคา แบบฝัง Built-in Roofrail ฝาท้าย เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ที่บังสัมภาระด้านท้าย พวงมาลัย Multi-function ปรับ 4 ทิศทาง ระบบอุ่นพวงมาลัย Heated Steering ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone ระบบกรองอากาศ PM 2.5 XfreeBreath ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบกุญแจ Mobile Phone Bluetooth Key ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB – Auto Brake Hold Seating  เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง ระบบปรับดันหลัง Lumbar Support 4 ทิศทาง เบาะนั่งคนขับ เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง ระบบบันทึกความจำตำแหน่งเบาะนั่งคู่หน้า Memory Seats ระบบต้อนรับเบาะนั่งคู่หน้า Welcome Seats ระบบระบายอากาศ เบาะนั่งคู่หน้า Ventilated Seats ระบบอุ่น เบาะนั่งคู่หน้า Heated Seats เบาะนั่งด้านหลัง แยกพับอิสระ 60 : 40 เบาะนั่งด้านหลัง ปรับเอนได้ ระบบอุ่น เบาะนั่งด้านหลัง Heated Rear Seats

Processor หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8155 มาตรวัด Full Digital ขนาด 10.2 นิ้ว หน้าจอกลางระบบ Touchscreen ขนาด 14.96 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย เชื่อมต่อ Bluetooth ที่ชาร์จโทรศัพท์ Wireless Charger 50W 2 ตำแหน่ง
ระบบระบายความร้อนที่ชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย ช่องเชื่อมต่อ USB Type A 1 ตำแหน่ง / Type C 3 ตำแหน่ง ระบบเสียง XPENG XOPERA รอบทิศทาง ลำโพง 18 ตำแหน่ง ลำโพงฝังที่เบาะนั่งคนขับ

บนถนน Xpeng G6 นุ่มนวลและเงียบ ด้วยโหมด Standard ที่ให้ความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพการทรงตัวและสมรรถนะ ส่วน Sport Mode นั้นพอจะได้ลองเมื่อขับออกทางไกล เนื่องจากอัตราเร่งของรถไฟฟ้าในโหมดสูงสุดไม่เหมาะกับการขับในเมืองเนื่องจากการตอบสนองของคันเร่งจะมาแบบล้นๆ จนต้องใช้เบรกมากกว่าปกิต  Sport Mode บนทางโล่งๆ ลองเร่งขึ้นไปถึง 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ยังทรงตัวได้ดี แต่ G6 ไม่มีปุ่มทางลัดเพื่อปรับโหมดขับเคลื่อน หากจะสลับโหมดการขับต้องกดผ่านหน้าจอสัมผัสซึ่งใช้งานได้ไม่ถนัดเท่าที่ควร

G6 เป็นรถยนไฟฟ้ารุ่นแรกของ XPeng ที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Smart Electric Platform Architecture (SEPA) 2.0 ใหม่สุดของแบรนด์ แพลตฟอร์มใหม่ยังรองรับ Xpeng รุ่นใหม่ไปจนถึงสิ้นทศวรรษนี้ SEPA 2.0 ผสานรวมสถาปัตยกรรมไฟฟ้า 800 โวลต์ ทั้งระบบชาร์จเร็ว ระบบระบายความร้อนแบตเตอรี่และมอเตอร์ขับเคลื่อน บนทางโค้ง G6  มีความคล่องตัวมากกว่า Model Y เล็กน้อย ถือว่าทำได้ดี แต่โช้คอัพที่เซ็ตมานุ่มจะมีการโยนตัวบนคอสะพานชันๆ บนถนนลาดยาง G6 กับ Pilot Sport EV ในล้อขอบ 20 ยึดเกาะถนนได้ดี ยางอีวีรุ่นนี้ยังรีดน้ำใช้ได้เมื่อขับไปเจอกันฝนบนเส้นทางชนบทของจังหวัดนครนายกไปยังปราจีนบุรี 

ซอฟต์แวร์แบบครบวงจรของ Xpeng ที่เรียกว่า Xsmart OS รองรับฟังก์ชันต่างๆ เช่น ผู้ช่วย AI ควบคุมด้วยเสียง ระบบนำทางอัจฉริยะ อินเทอร์เฟซ 3 มิติ แอปในโทรศัพท์ที่สามารถควบคุมฟังก์ชันสำคัญได้ทั้งหมด ระบบช่วยเหลือผู้ขับขั้นสูง Xpilot 2.5 คอยระแวดระวังในเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งนอกเหนือจากฟีเจอร์ต่างๆ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ ระบบช่วยรักษาเลนอัตโนมัติ และฟังก์ชันเปลี่ยนเลนอัตโนมัติแล้ว ยังมีฟังก์ชันจอดรถอัตโนมัติต่างๆ ที่สามารถควบคุมผ่านมือถือได้อีกด้วย ซอฟแวร์ที่ก้าวล้ำยังรองรับความสามารถในการขับขี่อัตโนมัติระดับ 2.5 ขึ้นไป ด้วยกล้อง 12 ตัว เซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และเรดาร์ความละเอียดในการตรวจจับสูงอีก 5 หน่วย 

จุดที่ทำให้ Xpeng G6 ต่างจาก Tesla Model Y ชัดเจน คือ อุปกรณ์มาตรฐาน G6 มาพร้อมล้อขนาด 20 นิ้ว ยาง Michelin Pilot Sport EV 55/45R20 หลังคาแก้วแบบพาโนรามา ระบบเสียง 960 วัตต์พร้อมลำโพง 18 ตัว ระบบปรับอากาศอัตโนมัติดูอัลโซน พวงมาลัยหุ้มหนังมัลติฟังก์ชันพร้อมระบบทำความร้อน เบาะนั่งด้านหน้าปรับไฟฟ้าพร้อมระบบระบายอากาศ และเครื่องชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย 50 วัตต์ 2 ตัว แบตเตอรี่ลิเธียม ความจุสุทธิ 87.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ 600 กิโลเมตร ใช้งานจริงไปไกลเฉียดๆ 500 กิโลเมตรได้อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องมากังวนเรื่องแบตฯไฟหล่นเร็วเหมือน EV  บางรุ่น ถ้าขับไม่เร็วก็ยิ่งไม่กินไฟ ทำให้มั่นใจเมื่อขับทางไกล อัตราเร่ง 0-100 เร็วเกินคาดใน 7 วินาที ความเสถียรในการควบคุมรถบนทางตรง เข้าโค้งใช้ได้แต่ขึ้นไปเทียบชั้นกับรถไฟฟ้ายุโรปลำบาก เมื่อเปรียบเทียบกับ Model Y คุณจะรู้สึกว่า G6 มีพลศาสตร์มากกว่า สามารถเปลี่ยนแปลงระหว่างการเร่งความเร็ว การเข้าโค้ง และการเบรกได้อย่างคล่องตัว จุดด้อยก็คือช่วงล่างที่เน้นนิ่มนวล ทำให้ทางที่ไม่สม่ำเสมอหรือผิวถนนที่ไม่เรียบเกิดอาการโยนตัวบ้างแต่ไม่ได้มากมายอะไร แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนนิกเกิลแมงกานีสโคบอลต์ 87.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้ G6 Long Range RWD มีระยะทางที่ไกลกว่ารถคู่แข่งเกือบทั้งหมด Long Range RWD เร็วกว่า Tesla  1 วินาที และมีระยะทางวิ่งเกือบจะ 95 เปอร์เซ็นต์ ในจุดนี้ถือว่าซอฟแวร์บริหารพลังงานทำหน้าที่ได้ดีมาก 

Xpeng ผสมผสานระหว่างประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนและการควบคุมผ่านพวงมาลัยไฟฟ้ากับช่วงล่างที่ยังเซ็ตให้ดีได้มากกว่านี้  เป็นรถอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ดีแต่ก็มีราคาแพง โหมดขับเคลื่อน Standard, Eco, Sport  ระบบเบรกสะสมพลังงานปรับตั้งค่าการตอบสนองได้สามระดับ ตั้งแต่ Low ซึ่งเหมือนกับฟิลลิ่งของรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในพร้อมเกียร์อัตโนมัติ ไปจนถึง X-Pedal ที่เมื่อยกคันเร่งความเร็วจะถูกหน่วงทันทีแบบ one paddle ไม่มีแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย และต้องใช้หน้าจอสัมผัสเพื่อเปลี่ยนระดับการรีเจนใหม่ กำลัง 285 แรงม้า และแรงบิด 440 นิวตันเมตร ทำความเร็วได้อย่างสบายๆ บนทางตรงด้วยโหมด Sport การผสมผสานระหว่าง regenerative braking และเบรกแบบกลไกนั้นราบรื่นและไร้รอยต่อ การเก็บเสียงโดยรวมทำได้ดี แชสซี G6 ใช้ระบบกันสะเทือนลิงค์หลายจุดยึดที่ด้านหลัง ให้ความรู้สึกถึงสมดุลที่ดีในโค้ง ล้อหลังเน้น แรงบิดที่ส่งออกมาทำให้ความรู้สึกเหมือนกับรถขับหลังทั่วไป การยึดเกาะของยางมิชลินช่วยปกปิดน้ำหนัก 2 ตัน เมื่อเข้าโค้ง โช้คอัพ Sachs ที่ XPeng น่าจะเซ็ตค่าได้ดีกว่านี้ แต่คุณภาพการขับขี่โดยรวมนั้นถือว่าดี จุดอ่อนของ G6 Performance AWD คือพวงมาลัยที่ให้ความรู้สึกไม่สม่ำเสมอในโหมด Standard การเปลี่ยนไปใช้โหมดสปอร์ตจะทำให้การหน่วงน้ำหนักเมื่อใช้ความเร็วมีความสม่ำเสมอมากขึ้น สามารถรับรู้ถึงการหน่วงน้ำหนักที่ค่อนข้างตึงมือ 

Xpeng G6 Long Range RWD ปรับแต่งซอฟต์แวร์ให้เหมาะกับรสนิยมและการใช้งานยานพาหนะไฟฟ้าของคนรุ่นใหม่ แต่สงครามทางการค้าระหว่างรัฐบาล Biden กับจีน ทำให้รถ EV ที่นำเข้าจากจีนจะต้องเสียภาษีนำเข้า 100 เปอร์เซ็นต์เมื่อเข้ามาขายในสหรัฐอเมริกา จีนซึ่งเป็นตลาด EV ที่ใหญ่ที่สุดและมีการแข่งขันรุนแรงที่สุดในโลกจะเป็นกุญแจสำคัญต่อการเติบโตของยอดขายและกำไรในระยะยาวของรถยนต์ไฟฟ้าที่ออกมานอกกำแพงเมืองจีน Xpeng G6 ไม่เพียงแต่มีโครงสร้างที่ดีกว่า Tesla ในแง่ของการประกอบและการตกแต่ง รวมถึงคุณภาพของวัสดุ แต่ยังมีอุปกรณ์มาตรฐานที่มากกว่า สมรรถนะและระยะทางที่ใกล้เคียงกันหรือดีกว่าในแง่มุมของราคา

การสร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จต้องใช้เวลา Lexus ของ Toyota และ Genesis ของ Hyundai ทั้งสองแบรด์ยังคงเดินหน้ารุกตลาดด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ แม้จะต้องต่อสู้กับคู่แข่งขั้นดีจากยุโรป ทำให้  Xpeng แบรนด์จีนน้องใหม่ต้องรับกับแรงกดดันดังกล่าวในการแข่งกับแบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่าง Tesla Model Y กลุ่มทุนจีนต้องมีสายป่านที่ยาวมากพอสำหรับการแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เอาชนะกันด้วยสินค้าที่ดีและมีคุณภาพ ถึงจะได้รับความนิยมและขายได้ จริงๆแล้วรถไฟฟ้า G6 ไม่ได้อยู่ในระดับพรีเมี่ยม แต่ให้คุณค่าในการใช้งานพร้อมเทคโนโลยีมากมาย คล้ายกับ Tesla ตอนที่เข้าวงการใหม่ๆ ซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จัก เป็นห้วงเวลาที่ XPeng จะต้องเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อเติบโตต่อไป.

XPeng G6 Long Range RWD 1,599,000 บาท อุปกรณ์ภายใน

Processor หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8155
มาตรวัด Full Digital ขนาด 10.2 นิ้ว
หน้าจอกลางระบบ Touchscreen ขนาด 14.96 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย Wireless
ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger 50W 2 ตำแหน่ง
ระบบระบายความร้อนที่ชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย
ช่องเชื่อมต่อ USB Type A 1 ตำแหน่ง / Type C 3 ตำแหน่ง
ระบบเสียง XPENG XOPERA รอบทิศทาง ลำโพง 18 ตำแหน่ง
ลำโพงฝังที่เบาะนั่งคน

ระบบความปลอดภัย
ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP
ระบบช่วยลงทางลาดชัน HDC
ระบบเตือนแรงดันลมยาง TPMS
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ XPILOT 2.5
เรดาร์ High-Definition Millimeter-Wave Rader 5 ตัว
เซนเซอร์ Ultrasonic 12 ตัว และกล้อง 12 ตัว
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC
ระบบช่วบควบคุมรถให้อยู่กึ่งกลางเลน LCC
ระบบควบคุมการเข้าโค้งอัตโนมัติแบบแปรผัน ATC
ระบบเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ ALC
ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติตามป้ายสัญญาณจราจร ASL
ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ และออกจากที่จอดรถ Enhanced Auto Parking Assist (EAP 2.0)
ระบบช่วยจอด พร้อมกล้อง 360 องศา Parking Assist with 360 Camera
ระบบจำลองการมองเห็นใต้ท้องรถ Transparent Chassis
ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DSM
ระบบตรวจสอบระยะห่าง FDM
ระบบช่วยเหลือการชนด้านหน้า FCW
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB
ระบบตรวจสอบสัญญาณจราจร TSR
ระบบเปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHB
ระบบช่วยแจ้งมุมอับสายตา BSD
ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนขณะประตูเปิด DOW
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK
ระบบช่วยเตือนหากเสี่ยงต่อการโดนชนด้านหลัง RCW
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA