CLS มีแพลตฟอร์มที่ใช้ร่วมกับ E-Class สำหรับรถเจเนอเรชันที่ 3 รุ่นปรับโฉมประจำปี 2022 เน้นความเป็นรถ Coupé 4 ประตู มากกว่าสองเจนฯ ที่ผ่านมา รุ่นดีเซล 220d มีรูปลักษณ์ที่เหมือนกับ CLS 53 แต่มีงานตกแต่งภายนอกภายใน และความรุนแรงในด้านของพลังกับอัตราเร่งที่ลดหลั่นลงมา ตัวถังของ CLS มาพร้อมกับเส้นโค้งรอบคันโดยเฉพาะฝากระโปรง แนวหลังคาและฝาท้าย ด้านข้างของตัวรถลื่นไหลพร้อมบานประตูแบบสปอร์ตที่ไม่มีการติดตั้งกรอบกระจก การทำตัวเป็นรถซาลูนทรงคูเป้พร้อมรูปลักษณ์ที่ไหลลื่น เป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการออกแบบ โครงสร้างหลักของ CLS Coupé เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของวิวัฒนาการเชิงตรรกะ จากแนวคิดของการออกแบบ Sensual Purity เชื่อมโยงคนขับกับอุปกรณ์ภายใน ผสานกับกำลังของเครื่องยนต์ดีเซลสี่สูบเรียง เทอร์โบชาร์จเจอร์ ชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ และชุดส่งกำลัง 9G Tronic ที่มีประสิทธิภาพเชื่อมโยงกับแรงบิดที่ถ่ายเทจากเครื่องยนต์ลงไปที่ล้อหลัง ทั้งหมดทั้งปวงกลายเป็นที่มาของประสิทธิภาพด้านความสบายและประหยัด

...

หลังจากการเปิดตัว CLS เจเนอเรชันแรกในปี 2004 Mercedes-Benz ขายโมเดลซุปเปอร์สปอร์ตซาลูน CLS ได้มากกว่า 450,000 คัน เมื่อถามลูกค้าว่า ทำไมพวกเขาถึงซื้อ CLS ซึ่งคนที่เลือกซื้อรถรุ่นนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนจีน เกาหลีใต้ ไทย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเยอรมนีตามลำดับ คำตอบที่พบบ่อยที่สุดคือเพื่อความสปอร์ต ซื้อเพราะรูปทรงที่เท่ และสมรรถนะในการขับขี่ รวมถึงบางคนที่ตอบว่า ซื้อเพราะมันคือ Mercedes!

รถทดสอบในสัปดาห์นี้มีสีตัวถังที่ดำทะมึนพร้อมแนวหลังคาโค้งและบานประตูแบบไร้กรอบกระจก นี่คือ CLS220d AMG Premium ประกอบในประเทศ ราคา 4,140,000 บาท พร้อมส่วนลด 500,000! บาท ส่งท้ายก่อนยุติการทำตลาด สำหรับ CLS ดีเซล มีกระจังหน้าที่ได้แรงบันดาลใจมาจากโลโก้ตราดาวดวงเล็กๆ ที่ประดับประดาอยู่ในชุดกระจังแบบใหม่ของปี 2022 Mercedes-Benz CLS220d AMG Premium ยังมาพร้อมกันชนหน้า AMG ช่องรับอากาศขนาดใหญ่ กระจังหน้าที่เต็มไปด้วยดาวสามแฉกดวงเล็กอยู่ภายใต้กรอบกระจังพลาสติกสีดำสนิท ไฟหน้าทะแยงขึ้นด้านบน โฉม Facelift 2022 เนื่องจากมันเป็นรถรุ่นปรับโฉมตัวสุดท้ายที่จะมีเครื่องยนต์ประจำการอยู่ภายใต้ฝากระโปรงหน้า พูดง่ายๆ ก็คือ Mercedes-Benz ยกเลิกสายการผลิตของ CLS โดยมีตัวตายตัวแทนพลังงานไฟฟ้า EQS เข้ามาเสียบแทน ในวงการยานยนต์ ผู้คนมักจะเข้าใจว่า EQS อยู่ในกลุ่มเดียวกับ S-Class V223 แต่ในความเป็นจริงนั้น EQS พลังไฟฟ้าอยู่ในเซกเมนต์เดียวกับ CLS โฉมสุดท้ายที่มีให้เลือกสองเครื่องยนต์ นั่นก็คือเบนซินแถวเรียง 6 สูบ เทอร์โบ ในรุ่น AMG CLS53 และดีเซลสี่สูบเรียงเทอร์โบ ในรุ่น CLS220d AMG Premium ซึ่งเป็นรถคันทดสอบที่ออกขายนานกว่าสองปีแล้ว แต่ผมเพิ่งจะมีเวลาเอามาลองยาวๆ นานหนึ่งอาทิตย์ 

...

...

...

CLS Facelift 2022 ได้รับการอัปเดตรูปลักษณ์โดยตกแต่งด้านหน้าแบบใหม่ มีช่องรับอากาศใหญ่ขึ้น กระจังหน้าออกแบบเป็นรูพรุนด้วยพลาสติกสีดำรูปดาวเล็กๆ เพื่อเปิดรับลมเย็นเข้าไประบายความร้อนในห้องเครื่องยนต์ ทริมตกแต่งบริเวณกึ่งกลางกระจังหน้า คาดกลางด้วยชิ้นงานโครเมียม โครเมียมสีเงิน faux-diffuser สีดำและแถบสีเงิน สลับโครเมียม นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ลายใหม่ลงในแคตตาล็อก กรอบกระจกเดินเส้นอัลลอยสีเงิน ที่ชอบก็คือมือจับที่เปิดประตูสีเดียวกับตัวถัง และทำออกมาได้อย่างประณีตสวยงาม

ไฟหน้า MULTIBEAM LED เป็นระบบไฟส่องสว่างอัตโนมัติของ Mercedes Benz ไฟหน้าจะคำนวณระดับความสูงหรือต่ำของไฟส่องสว่างแบบอัตโนมัติ ไม่ต้องคอยยกไฟสูงหรือกดลงไฟต่ำ เมื่อมีรถขับสวนมาไฟหน้าของ CLS 220d จะทำการลดไฟสูงลง รวมถึงปรับช่องแสงไฟหน้าไม่ให้ไปรบกวนรถที่แล่นสวนมา ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ใช้สมองกล ECU ทำหน้าที่ควบคุมหลอดไฟแบบแอลอีดี 36 หลอด โดยจะปรับระดับความสว่างแยกเป็นอิสระจากกัน ระบบไฟนี้ใช้กล้องอินฟราเรดตรวจจับความเคลื่อนไหว และคำนวณระดับความสว่างอัตโนมัติ ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและการจราจร นับเป็นนวัตกรรมการส่องสว่างที่มีความปลอดภัย มีกำลังในการส่องสว่างไกลมากกว่า 550 เมตร 

รุ่นตกแต่งด้วยอุปกรณ์ AMG มีความสปอร์ตเพิ่มขึ้น จากชิ้นงานตกแต่งตัวถังและภายในห้องโดยสารที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ เริ่มจาก กันชนหน้า AMG พร้อมทริมสีดำ กระจังหน้าออกแบบช่องรับอากาศ ตัวถังที่มีรูปทรงถูกต้องตามหลักอากาศพลศาสตร์ บางจุดตกแต่งด้วยพลาสิกสีดำเงา ล้อ AMG ขอบ 20 นิ้วลายใหม่ คุณสมบัติเพิ่มเติม ได้แก่ คิ้วขอบในรุ่น AMG ที่ด้านข้างและขอบสปอยเลอร์ที่ติดกับกันชนหลัง ซันรูฟหลังคาแบบกระจก ล้อ AMG ขนาด 20 นิ้วลายก้านถี่ ยาง Goodyear Eagle f1 run flat ยางหน้าขนาด 245/35ZR20 ยาง หลังขนาด 275/30ZR20 เบรกติดรถมาตรฐานใช้คาร์ลิปเปอร์อัลลอยของ Mercedes กล้อง 360 องศารอบทิศทาง ชุดแต่ง AMG จากโรงงาน ไฟท้าย LED ไฟเบรกดวงที่สามติดตั้งอยู่ด้านในของกระจกบานหลังร์หลังในตำแหน่งที่ต่ำกว่าปกติแต่เห็นได้อย่างชัดเจน เสาท้ายที่เทลาด ทำให้พื้นผิวกระจกหน้าและหลังครอบคลุมผืนหลังคาเยอะมาก ซันรูฟไฟฟ้าจากโรงงานติดตั้งมาให้ใช้งานแต่ไม่ค่อยได้ใช้เนื่องจากสภาพอากาศในประเทศไทยที่มีแค่ฤดูร้อนพร้อมฝุ่น PM 2.5

มิติตัวถัง มีขนาดความยาว 4,996 มิลลิเมตร กว้าง 1,890 มิลลิเมตร สูง 1,424 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,939 มิลลิเมตร  

ภายในห้องโดยสารและคอนโซลกลางมีการเพิ่มการตกแต่งใหม่สองส่วน ลายไม้สีดำแบบไม่มีการเคลือบผิว เบาะที่นั่งหุ้มหนังแท้สีดำสลับสีแดง พวงมาลัย AMG ทรงแมงปอแบบใหม่ สำหรับสุดหล่อสปอร์ตซาลูนต้อนรับการมาถึงของรุ่น Facelift ด้วยพวงมาลัย AMG ดีไซน์ใหม่ ก้านวงตกแต่งด้วยสีดำเงา พร้อมขอบโครเมียมสีเงิน แป้นเปลี่ยนเกียร์ด้านหลังโครเมียมสีเงิน ขณะที่ก้านพวงมาลัยประกอบด้วยเซนเซอร์ที่จำเป็นสำหรับระบบ Active Distance Assist DISTRONIC และ Active Steering Assist นั่นหมายความว่าผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องขยับพวงมาลัยอีกต่อไปเพื่อแจ้งระบบช่วยเหลือทำให้ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติใช้งานง่ายขึ้น พวงมาลัยหุ้มหนัง Nappa พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift

งานตกแต่งภายในสไตล์รถผู้ใหญ่เชื่อมโยงกับอุปกรณ์ใช้งานพวกจอภาพและปุ่มควบคุมอุณหภูมิแบบแยกโซน ภายในของ CLS220d ยังคงมีมนตร์ขลังสำหรับผู้บริหาร สำหรับรุ่นดีเซล AMG Premium จัดงานตกแต่งภายในที่เน้นความหรูหรา พวงมาลัย AMG พร้อมปุ่มปรับโหมดแบบใหม่ที่ไฮเทคและสั่งงานได้เร็วขึ้นเพราะติดตั้งอยู่ใต้ก้านวงทั้งสองฝั่ง รวมถึงแผงควบคุมที่เปลี่ยนเป็น MBUX แบบใหม่ล่าสุด สั่งงานด้วยเสียง หรือใช้นิ้วแตะแป้นสัมผัสที่อยู่ถัดไปจากคอนโซลกลาง (บริเวณเดียวกับซุ้มเกียร์ในอดีต) วัสดุและโทนสีภายในของ CLS220d Coupé สร้างบรรยากาศให้มีความเป็นรถสปอร์ตควบคู่ไปกับความหรูหราน่าใช้งาน ด้วยสไตล์ของ AMG ที่ใช้โทนสีแดงดำในการนำเสนอ ดีไซน์ของแดชบอร์ด สะท้อนรูปทรงไหลลื่นจากภายนอกสู่งานออกแบบภายใน สำหรับการแสดงผลโดยรวม ยังคงใช้จอภาพขนาดใหญ่แบบสองจอภาพเชื่อมติดกัน (จอภาพมาตรวัดและจอภาพแสดงข้อมูลส่วนกลาง) การออกแบบที่โค้งมนของแดชบอร์ดคอนโซล จากด้านหน้าไปที่ประตูด้านหลังและเปิดออกที่เสา B จุดเด่นของงานตกแต่งภายใน นอกจากพวงมาลัยสามก้านที่สวยงาม ดูเข้ากับภายในของรถมากกว่าเดิม เบาะสปอร์ตของ AMG และแผงแดชบอร์ด ช่องระบายอากาศแบบเรืองแสงที่เชื่อมโยงกับไฟตกแต่งตอนกลางคืน ช่องแอร์ทำออกมาคล้ายกับกังหันเทอร์ไบน์ในเครื่องยนต์ของเครื่องบินเจ็ต มีไฟ LED เรืองแสงภายใน ปรับเปลี่ยนโทนสีได้ถึง 64 สี

CLS Coupé มีเบาะหลังแบบสามที่นั่ง ทำให้มันเป็นรถห้าที่นั่ง แต่เบาะหลังนั่งสองคนจะสบายตัวกว่ามาก เมื่อต้องการขนสัมภาระ เบาะหลังมีการออกแบบให้พับราบในรูปแบบ 40:20:40 เพื่อเพิ่มช่องเก็บสัมภาระขนาด 520 ลิตร คอนโซลกลางตกแต่งด้วยลายไม้สีดำด้าน แดชบอร์ดและแผงประตูประดับประดาด้วยงานอะลูมิเนียมหนังและพลาสติกเกรดสูง โทนสีแดงดำ พร้อมตำแหน่งของกรวยลำโพงที่เต็มไปด้วยรายละเอียดสลับซับซ้อนและสง่างาม เบาะหนัง Nappa นั่งนุ่มสบาย ตำแหน่งท่านั่งที่จัดวางมาดีมาก โดยเฉพาะตำแหน่งคนขับซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของการใช้อุปกรณ์

จอภาพมาตรวัดและจอภาพของระบบแสดงผลมัลติมีเดียขนาดความยาว 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อกันเป็นชิ้นเดียว ทำให้มาตรวัดและจอภาพมอนิเตอร์กลางมีขนาดที่ยาวเอาเรื่อง ความคมชัดของจอภาพมาตรวัด TFT (thin film transistor) instrument cluster กับจอแสดงผลกลางสั่งงานด้วยระบบสัมผัสติดตั้งระบบ MBUX ติดตั้งฟังก์ชันการใช้งานเสริม พร้อมกราฟิกการแสดงผลที่มีความคมชัด โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนมาตรวัดที่มีการแสดงผลอย่างหลากหลายเต็มไปด้วยรายละเอียดที่มากกว่าเดิม ไฟตกแต่งห้องโดยสาร Ambience lighting หลอดไฟ LED ปรับได้ 64 สี ช่วยสร้างบรรยากาศภายในเมื่อขับตอนกลางคืน โดยสามารถปรับสีสันได้ตามใจชอบ ปรุงแต่งบรรยากาศการขับขี่ตอนกลางคืนด้วยหลอด LED ที่เปลี่ยนสีได้ตามการปรับตั้ง พร้อมโมดูลสื่อสารและเชื่อมต่อ communication module with LTE / Mercedes me connect services

เครื่องเสียง Burmester High-End 3D Surround-Sound system ติดตั้งลำโพง 13 ตำแหน่ง กำลังขับ 590 วัตต์ ให้เสียงเพลงที่เล่นผ่าน USB / iPod/ bluetooth มีความคมชัดสมจริงและเต็มไปด้วยมิติของเสียงเบส เสียงกลางและความจัดจ้านของเสียงแหลมเป็นชุดเครื่องเสียง Burmester ที่ทำกรวยลำโพงได้สวยงามสมราคาค่าตัว 4.6 ล้าน

Mercedes-Benz พัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลจาก OM651 มาเป็น OM654 ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้ตรงตามมาตรฐานการปล่อยมลพิษทั่วโลกในอนาคต เช่น Real Driving Emissions (RDE) และการทดสอบยานพาหนะ (WLTP) ขุมกำลังดีเซลขนาดเล็กรุ่นใหม่ที่ประจำการอยู่ใน CLS220d นั่นก็คือเครื่องยนต์ Mercedes-Benz OM 654 มีกำลัง 194 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร สำหรับ OM 654 เป็นเครื่องยนต์ดีเซลแบบแถวเรียงสี่สูบ ความจุ 2.0 ลิตร 1,950 ซีซี อัดอากาศด้วยเทอร์โบเดี่ยวรุ่นแรกในตระกูลเครื่องยนต์ใหม่ของ Mercedes น้ำหนัก 168 กิโลกรัม ถือเป็นเครื่องดีเซลที่มีประสิทธิภาพรุ่นสุดท้าย ก่อนที่รถยนต์ทั้งหมดของแบรนด์ตราดาวจะเปลี่ยนไปขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

วัสดุเหล็กสำหรับลูกสูบ ช่วยเพิ่มการกักเก็บความร้อนในกระบอกสูบ และเพิ่มการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพทางอุณหพลศาสตร์ของเครื่องยนต์ ลดระยะเวลารอบการเผาไหม้ที่เกิดขึ้นจริง โลหะเหล็กยังช่วยให้ระยะห่างระหว่างลูกสูบและผนังกระบอกสูบมีความสม่ำเสมอมากขึ้น (อะลูมิเนียมจะขยายตัวเมื่อถูกความร้อน) การขยายตัวของลูกสูบน้อยลง เมื่อรวมกับการเคลือบผนังกระบอกสูบ Nanoslide ที่มีแรงเสียดทานต่ำเป็นพิเศษของ Mercedes ช่วยลดแรงเสียดทานได้ 40-50 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของลูกสูบให้ดียิ่งขึ้น เพลาข้อเหวี่ยงจะถูกชดเชยไปทางด้านไอดีของบล็อก 0.5 นิ้ว และใช้ก้านสูบขนาด 6 นิ้ว (154 มม.) การจัดเรียงนี้ช่วยลดแรงด้านข้างของลูกสูบได้ถึง 75 เปอร์เซ็นต์

เพลาข้อเหวี่ยงแบบใหม่ ช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างด้านไอเสียของบล็อก สำหรับระบบปล่อยมลพิษขนาดกะทัดรัดแบบใหม่ ที่ติดตั้งกับเครื่องยนต์โดยตรง การปรับตั้งที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ระบบการปล่อยมลพิษเฉพาะรถยนต์ อุปกรณ์ประกอบด้วย ตัวเร่งปฏิกิริยาออกซิเดชันดีเซล และตัวกรองอนุภาคดีเซล การเคลือบตัวเร่งปฏิกิริยา ฉนวน และติดตั้งในตำแหน่งที่ใกล้เครื่องยนต์ของ diesel particulate filter (DPF) ทำให้ระบบสูญเสียความร้อนต่ำ มีการปรับอุณหภูมิการทำงานให้เหมาะสม ทำให้ปล่อยมลพิษลดลง และประหยัดเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น DPF มีพื้นที่ผสม พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับไอเสียที่เกิดจากการเผาไหม้น้ำมันดีเซล เพื่อกระจายไปยังตัวกรองอนุภาคไอเสียอย่างสม่ำเสมอ และระเหยอย่างรวดเร็วเพื่อลดการปล่อย NOx นอกจากนี้ ยังใช้วาล์วหมุนเวียนไอเสียแบบหลายทาง โดยผสมผสานก๊าซแรงดันสูงและแรงดันต่ำที่ระบายความร้อนด้วยระบบทำความเย็น เพื่อลดการปล่อยไอเสียที่ไม่ผ่านการบำบัดตลอดช่วงรอบต่อนาที ในขณะที่มีการปรับการเผาไหม้เพื่อให้เหมาะสมกับอัตราสิ้นเปลือง 

เกียร์ 9G-TRONIC พัฒนาเพิ่มเติม ปั๊มน้ำมันเสริมไฟฟ้าช่วยลดอัตราการส่งเชิงกลลง 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งดีต่อประสิทธิภาพของชุดส่งกำลัง นอกจากนี้ยังใช้ระบบควบคุมการรับส่งข้อมูลแบบครบวงจรรุ่นใหม่ มีโปรเซสเซอร์แบบมัลติคอร์ พร้อมเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแรงบิดแบบใหม่ นอกจากการส่งกำลังที่มีความลื่นไหลและต่อเนื่องแล้ว อัตราทดเกียร์ทั้ง 9 สปีดยังครอบคลุมการใช้งาน ทั้งขับในย่านความเร็วต่ำในเมือง และพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงบนไฮเวย์ OM654 M มี ISG รุ่นใหม่ ติดตั้งอยู่ในระบบเกียร์อัตโนมัติ 9G Tronic มอเตอร์ไฟฟ้า ระบบอิเล็กทรอนิกส์กำลัง และระบบส่งกำลัง ได้รับการติดตั้งโดยตรงอยู่ในเกียร์ เพื่อลดน้ำหนัก และลดชิ้นส่วน (ไม่มีสายพาน) และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้เครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กมีความยืดหยุ่นสูง และสามารถปรับให้เข้ากับระบบ Plug-in Hybrid ได้อย่างง่ายดาย

การจ่ายน้ำมันหล่อลื่นและการระบายความร้อนโดยใช้ปั๊มสองตัว เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการจ่ายน้ำมันหล่อลื่นแบบสังเคราะห์ ในรุ่นที่ 2 ที่มีความทนทาน และทนต่อแรงเฉือน ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในเวลาเดียวกัน ระบบเกียร์ 9G-TRONIC ติดตั้งปั๊มสองตัว ปั๊มหลักเชิงกลที่ลดขนาดลงอย่างมากซึ่งติดตั้งอยู่นอกแกน โดยอยู่ถัดจากเพลาหลักและขับเคลื่อนด้วยโซ่ ในระบบเกียร์อัตโนมัติรุ่นเก่า เช่น 7G-TRONIC ปั๊มน้ำมันหล่อลื่นหลัก จะพ่วงต่อกับเพลาส่งกำลังและทำหน้าที่ขับเคลื่อนปั๊มโดยตรง ด้วยเหตุนี้ปั๊มเซลล์ใบพัดแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง จึงถูกวางไว้ข้างเพลาหลัก บริเวณแกนด้านนอก และมีการลดขนาดลงเพื่อให้เหมาะสมกับการติดตั้ง ปั๊มหลักเชิงกล ช่วยให้มั่นใจได้ว่า การจ่ายน้ำมันหล่อลื่นไปยังเกียร์อัตโนมัติที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า จะมีความเสถียรและเมื่อเครื่องยนต์สันดาปภายในทำงาน จะมีการสำรองโดยปั๊มเสริมไฟฟ้าแยกต่างหาก ในแง่หนึ่ง การออกแบบในลักษณะดังกล่าวนี้ ช่วยทำให้ระบบหล่อลื่นของเกียร์ สามารถควบคุมการไหลของน้ำมันหล่อลื่นและสารหล่อเย็นได้ตามความต้องการ

การใช้ชีวิตอยู่ใน Mercedes Benz CLS220d AMG Premiun นับเป็นเรื่องที่น่าจดจำ นี่คือซาลูนยอดนิยมของคนรวยในประเทศไทยที่ทำให้ผมต้องพยายามหาข้อแตกต่างระหว่างรถรุ่นนี้กับรถคู่แข่งเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้งานในชีวิตประจำวันซึ่งมีทั้งการขับในเมืองและการขับออกทางไกลยาวๆ ไปยังจังหวัดประจวบฯ สิ่งที่ขาดหายไปของ CLS รุ่นนี้ก็คือช่วงล่างถุงลม Air Matic Suspension นอกนั้นถือว่าลงตัวสุด โดยเฉพาะแรงบิดจากเครื่องยนต์ดีเซลตัวเล็ก การตอบสนองของระบบส่งกำลัง 9-G Tronic ชุดบังคับเลี้ยวไฟฟ้าอัตราทดน้ำหนักแปรผันที่แม่นยำ ผสมผสานกับช่วงล่างสปอร์ตกับรูปทรงที่โฉบเฉี่ยวไม่มีวี่แววของรถแม่บ้านที่น่าเบื่อ CLS220d มีช่วงล่างที่ให้ทั้งการยึดเกาะกับความนิ่มนวลไปพร้อมๆ กัน

กำลัง 194 แรงม้าเหลือเฟือสำหรับการขับใช้งานปกติ แรงบิด 400 นิวตันเมตร ฉุดลากตัวถังหนักเกือบ 2 ตันให้วิ่งได้อย่างคล่องแคล่ว ตั้งแต่การออกตัวอย่างไหลลื่น ต่อเนื่องไปจนถึงย่านความเร็วเดินทาง เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยวโดดๆ ส่งกำลังผ่านไปยังเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด แรงบิด 400 นิวตันเมตร หลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่องหากคันเร่งจนมิดมันจะพุ่งลิ่วๆ ทำอัตราเร่งได้ 7.5 วินาที ในการทะยานจาก 0 ไปถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ท่ามกลางการควบคุมที่มั่นคงผ่านพวงมาลัยไฟฟ้า direct steering แถมยังมีอัตราสิ้นเปลืองหรูหรา 15 กิโลเมตรต่อลิตร เชื้อเพลิง 1 ถัง 66 ลิตร ทำระยะทางได้ไกลเกือบๆ 1 พันกิโลเมตร สำหรับการวิ่งทางยาวแบบลากทั้งวัน

อากาศพลศาสตร์ มีความสำคัญต่อการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง รวมไปถึงประสิทธิภาพของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง Mercedes-AMG CLS Coupé ไม่ว่าจะเบนซินหรือดีเซลก็วิ่งแหวกอากาศได้ดีทั้งนั้น แม้ตัวถังจะมีขนาดใหญ่ แต่อากาศพลศาสตร์ที่ดีจากการขัดเกลารูปทรงในอุโมงค์ลมมีความสำคัญกับไดนามิก มีการปรับค่าแอร์โรไดนามิกให้ดีขึ้นจากการออกแบบทรงโค้งของหลังคา ชิ้นส่วนด้านหน้าที่ลู่ลม จากการออกแบบกระจังใหม่ กันชนหน้าใหม่ ช่องรับอากาศแบบใหม่และไฟหน้าที่แนบสนิทไปกับส่วนหน้าของรถ ทำให้ CLS เป็นซาลูนที่มีตัวเลขความลู่ลมดีเยี่ยม Mercedes-Benz เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการออกแบบตัวถังที่เชื่อมโยงกับอากาศพลศาสตร์ AMG CLS 53 Coupé มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศอยู่ที่ 0.26 (Cd 0.26) เป็นผลลัพธ์จากการปรับปรุงรายละเอียดของตัวรถในขั้นตอนของการพัฒนา โดยจำลองรูปทรงด้วยคอมพิวเตอร์และทดสอบในอุโมงค์ลม แพ็กเกจที่มอบความสะดวกสบายแบบ Acoustic Comfort ด้วยการเก็บเสียงที่ดีเยี่ยม ความลู่ลมของ CLS ยังช่วยทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงอีกด้วย

การเก็บเสียงทำได้อย่างเกินหน้าเกินตา New E-Class เสียงลมและยางจะดังเบาๆ ที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อขยับเติมความเร็วไปที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เสียงที่ลอดเข้ามาให้ได้ยินทั้งลมและเสียงยางบดพื้นถนนก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ห้องโดยสารที่เงียบสงัดทำให้เกิดสมาธิยามขับขี่ รวมถึงเสียงเครื่องยนต์ดีเซลในรอบเดินเบาที่เงียบลงมาก แทบจะไม่ได้ยินเสียงการทำงานของวาล์วที่กำลังขยับอยู่ในรอบเดินเบา เมื่อเร่งความเร็ว เสียงเครื่องยนต์ดีเซลก็ยังมีความเร้าใจใช้ได้ ให้อารมณ์สปอร์ตมากกว่าเครื่องยนต์ดีเซลยุคเก่าแบบเทียบกันไม่ติด เสียงการทำงานที่เงียบลงของเครื่องยนต์ทำให้ต้องคอยมองมาตรวัดรอบอยู่ตลอดเวลาจากความเงียบงันของเครื่องยนต์ดีเซลยุคใหม่จากแบรนด์ตราดาว

ช่วงล่างหนึบแน่นและยืดหยุ่น ผสมผสานตามสไตล์ของยนตรกรรมเยอรมนี มันเกาะถนนอย่างแนบแน่นและถ่ายเทน้ำหนักได้ดีในโค้งยาวๆ อาการยวบเกิดขึ้นบ้างเมื่อเจอกับถนนแย่ๆ แต่ไม่ได้มากจนบั่นทอนการยึดเกาะของช่วงล่าง ล้อขอบ 20 นิ้วกับยางแก้มเตี้ย Series30 ท่ีล้อหลัง ทำให้ต้องระวังหลุมบ่อหรือผิวถนนที่ขุรขระ f1เป็นยางรถสปอร์ตสมรรถนะสูงแบบรันแฟลต ให้การยึดเกาะที่ดีในอุณหภูมิสูงๆ ส่งถ่ายอาการของพวงมาลัยอย่างเที่ยงตรง พวงมาลัยไฟฟ้ามีน้ำหนักที่ดีในทุกย่านความเร็ว แม่นยำไม่ต่างไปจากพวงมาลัยของ BMW Series-6 น้ำหนักของพวงมาลัยไฟฟ้าใน CLS ค่อนข้างคงที่และคงเส้นคงวาออกมาในแบบเบาสบายข้อมือเหมาะกับผู้บริหารสูงวัยที่ชอบขับรถเอง เมื่อขับเข้าโค้งเร็วๆ อาการส่ายแทบไม่ปรากฏออกมาให้สัมผัส จากน้ำหนักของรถที่บาลานซ์มาดี ทำให้การเข้าโค้งเร็วๆ กลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายเมื่อใช้ล้อและยางไซส์ใหญ่

Mercedes-Benz CLS220d AMG Premium สามารถเร่งความเร็วเพื่อแซงรถช้าได้ดั่งใจ หากทะยานมาในเกณฑ์ปกติแล้วต้องการจะจัดหนักก็แค่กดโหมดไปที่ Sport คันเร่งจะตอบสนองว่องไวขึ้น เกียร์ 9-G Tronic Plus จะคาเกียร์ที่สามารถเรียกแรงบิดได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยสำหรับการขับเร็วๆ เป็นเกียร์ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ขับหลังที่มีการตัดต่อเนียนเอาเรื่อง การทำงานของเกียร์ในทุกโหมดขับเคลื่อนนั้นมีความราบเรียบ ไม่มีอาการกระตุกกระชาก บนเส้นทางที่คดเคี้ยวนั้น Mercedes ออกแบบแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ให้คนขับสามารถเลือกอัตราทดที่เหมาะสมกับเส้นทางด้วยตัวเองโดยมีความบันเทิงเล็กๆ น้อยๆ การทำงานในตำแหน่งเกียร์ 8-9 ของเกียร์ 9-G Troni ช่วยลดรอบเครื่องยนต์ ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง เมื่อขับบนไฮเวย์แล้วใช้ความเร็วคงที่ตามที่กฎหมายกำหนดก็จะมีทั้งความปลอดภัยและความประหยัดควบคู่กันไปในลักษณะของการใช้งานปกติ

CLS220d AMG Premium เป็นรถที่สวยงามและมีประสิทธิภาพดี แต่ก็มีราคาแพง ภายในห้องโดยสารหรูหรามีระดับ โดยเฉพาะโทนสีดำสลับแดง งานตัดเย็บหนังที่ใช้หุ้มเบาะ แผงประตูและแดชบอร์ดคอนโซล อะลูมิเนียมหรืออะไรก็ตามที่ประดับประดาอยู่ภายใน ส่งถ่ายความหรูออกมาจนเกินหน้าเกินตา เครื่องยนต์ดีเซลสองลิตรไม่ได้ทรงพลังมากมายอะไรแค่พอใช้งาน ไม่ได้แรงจนกระชากทุกเม็ดแต่ไหลขึ้นไปอย่างต่อเนื่องจนความเร็วทะลุ 200 กิโลเมตรอย่างง่ายดาย หากเผลอกดคันเร่งกันเพลินมีหวังโดนจับความเร็วใบสั่งมาท่วมอย่างแน่นอน ช่วงล่างนิ่งแม้จะขับเร็วมันก็ยังนิ่ง อาการในโค้งคล้ายกับรถซาลูนขนาดกลางทั่วไป มีทั้งความมั่นคงและความแม่นยำในการเทมวลน้ำหนักเมื่อทะยานผ่านทางโค้ง อาจมีอาการท้ายโยนบ้างเมื่อเจอกับผิวถนนที่ไม่เรียบในโค้งเนื่องจากเซ็ตระบบรองรับให้นั่งนุ่มสบายตัวมากกว่าจะเซตมาแข็งๆ แนวสปอร์ต 

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการเป็น Coupé 4 ประตู Mercedes Benz พัฒนา CLS รุ่นสุดท้ายจนลงตัว มุมทางเรขาคณิตของระบบรองรับถูกปรับปรุงใหม่เพื่อช่วยให้การทรงตัวดีขึ้น โช้คอัพหนืดขึ้นแต่ไม่ได้กระด้างจนทำให้รู้สึกเสียอารมณ์ เช่นเดียวกับความกว้างของช่วงล้อที่เพิ่มขึ้นจากการเลือกใช้ล้อและยางขนาดใหญ่กว่าเดิม CLS 220d ยังมีการปรับตั้งค่าของพวงมาลัยใหม่ โดยเน้นไปที่ความสะดวกสบายในมาดสปอร์ต มากกว่าจะออกมาหนักหน่วงแบบไม่มีเหตุผล!! เกียร์ 9-G ยอดเยี่ยมทั้งด้านของอัตราทดและความสามารถในการเลือกเกียร์ที่ถูกต้องของ ECU โดยเฉพาะแง่มุมของพลวัตการขับเคลื่อน! เครื่องยนต์ไม่ได้แรงเหมือน AMG CLS53 แต่ก็มีกำลังแรงบิดมากพอที่จะหอบตัวถังหนัก 1.8 ตัน ให้ทะยานอย่างรวดเร็วเมื่อคันเร่งถูกกดจนมิดในโหมด Sport ช่วงล่างเซตมานุ่ม แม้จะใช้ยางแก้มเตี้ยกับล้อขอบ 20 นิ้ว อาการกระแทกสะเทือนหรือแข็งกระด้างถือว่าน้อยมาก แต่ช่วงล่างหลังเมื่อขับเร็วในโค้งแล้วเจอกับผิวถนนที่ไม่เรียบ CLS220d จะมีอาการโคลงตัวพอสมควร ขึ้นอยู่กับผิวถนนว่าจะเป็นลอนคลื่นหนักหนาสาหัสขนาดไหน เชื้อเพลิงดีเซลหนึ่งถัง 66 ลิตร ใช้ความเร็วต่อเนื่องเมื่อถนนโล่ง ไปได้ไกลเกือบ 900 กิโลเมตร หากขับแบบเรื่อยๆ ซึ่งเหมาะกับคาแรกเตอร์ของ CLS ดีเซล บางทีคุณและครอบครัวอาจไปไกลถึงหนึ่งพันกิโลเมตร ก่อนที่จะต้องเติมเชื้อเพลิง เป็นระยะทางที่ได้จากเครื่องยนต์ OM654 และระบบเกียร์ 9-G Tronic เฉลี่ย 14.7 กิโลเมตรต่อลิตร (บนน้ำหนักตัว 1,870 กิโลกรัม) ส่วนจุดที่ไม่ชอบก็คือ การไม่มีระบบประตูดูด หรือ soft close function เบาะหลังที่ยังนั่งไม่ค่อยสบายเท่าไร เนื่องจากเป็นรถที่เน้นการขับขี่มากกว่าจะให้เจ้าของนั่งแอ็กท่าอยู่บนเบาะหลัง CLS จึงเหมาะกับผู้บริหารที่ชอบขับรถด้วยตัวเองและเดินทางไกลบ่อยครั้งด้วยยานพาหนะส่วนตัว ราคาที่ลดลงไปกว่า 500,000 บาท เหลือแค่ 4,140,000 บาท นั่นหมายถึงความเป็น CLS รุ่นสุดท้ายที่แบรนด์ตราดาวได้ยกเลิกสายการผลิตลงไปเป็นที่เรียบร้อย ใครที่ชอบและเล็งๆ อยู่ โดยไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินก็จัดสักคัน เพราะขับดีและประหยัดเอาเรื่องเลยทีเดียวล่ะครับ.

Lexus ES300h F-Sport 4,380,000 บาท
BMW 5-Series (G60) 520d M Sport : 3,779,000 บาท
BMW 5-Series (G60) 530e M Sport :  3,949,000 บาท
BMW 6-Series (G32) 630i GT M Sport 4,099,000 บาท
Audi A7 Sportback 55 TFSI e 4,799,000 บาท
Porsche Panamera 4S E-Hybrid 10,250,000 บาท

เครื่องยนต์ดีเซลแบบแถวเรียง / 4 สูบ พร้อมเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์
ปริมาตรกระบอกสูบ 1,950 ซีซี
แรงม้าสูงสุด 143 กิโลวัตต์ 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.5 วินาที
ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ 235 กม./ชม.
ความจุถังนํ้ามัน 66 ลิตร
ระบบส่งกําลัง เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 จังหวะ (9G-TRONIC)
พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering-wheel Gearshift Paddles) ตกแต่งแป้นเกียร์ ด้วย Galvanised


ขนาดล้อและยาง-หน้า 245 / 35 R20
ขนาดล้อและยาง-หลัง 275 / 30 R20
มิติตัวถัง กว้าง 1,896 x ยาว 4,996 x สูง 1,436

ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่า สําหรับผู้ขับขี่
โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program)
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system) 
ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist 
ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light)
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist) 
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist) 
ระบบรักษาระดับความเร็ว (Cruise control) และจํากัดความเร็ว (SPEEDTRONIC) 
ระบบเตือนเพื่อนํารถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator) 
ระบบแสดงสถานะลมยางพร้อมระบบแจ้งเตือนเแรงดันลมยาง 
(Tyre pressure monitoring system)
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) 
ระบบช่วยการนํารถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist with PARKTRONIC) 
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 
ระบบแจ้งเตือนสถานะเข็มขัดนิรภัยสําหรับผู้โดยสารตอนหลัง


อุปกรณ์ภายนอก
ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED 
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist Plus) 
กระจกมองข้างปรับระดับและพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า 
กระจกมองข้าง ด้านผู้ขับขี่และกระจกส่องหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ 
ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO comfort package
ระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้มือ (HANDS-FREE ACCESS) 
ระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงท้าย ด้วยระบบไฟฟ้า 
หลังคาซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า 
AMG bodystyling (กันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้าง) 
ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ multi-spoke ขนาด 20" สี tremolite grey • 
ยางรถยนต์แบบ Run-flat 

อุปกรณ์มาตรฐานภายใน
ระบบปรับโหมดการขับขี่แบบ DYNAMIC SELECT 
เบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa 
เบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจํา สําหรับตําแหน่งที่นั่ง พวงมาลัย และกระจกมองข้าง
EASY-PACK quickfold เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังพับได้แบบ 40/20/40 
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ต หุ้มหนัง Nappa 
พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control
ระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ตกแต่งแป้นเกียร์ด้วย Galvanized (Steering-wheel) 
ม่านบังแดดด้านหลัง เลื่อนขึ้น-ลงด้วยระบบไฟฟ้า 
ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMATIC 
หน้าจอแสดงผลแบบ Widescreen cockpit 
ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (wireless charging) บริเวณคอนโซลหน้า 
ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย Touchpad
ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® 
ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี 
กาบบันไดเรืองแสง พร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz 

พรมปูพื้นพร้อมตราสัญลักษณ์ AMG 
ระบบมัลติมิเดียแบบ MBUX 
ระบบมัลติมีเดีย MBUX entertainment พร้อมเชื่อมต่อ music streaming service 
ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS และ Android (Apple CarPlay™ & Android Auto)
อุปกรณ์สื่อสารด้วยสัญญาณ LTE สําหรับบริการ Mercedes me connect 
ระบบรายงานสภาพการจราจร Live traffic Information 
ระบบขอความช่วยเหลืออัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ 
ระบบแผนที่นําทางแบบ Hard-disc navigatio