Ferrari 250 GTO รถแข่งในตำนานที่โด่งดังของค่ายม้าลำพอง หมายเลข Chassis 3589GT ถูกสร้างขึ้นในปี 1962 และประสบความสำเร็จคว้าชัยชนะร่วมกับนักแข่งในรายการชั้นนำของโลก สำหรับต้นทุนของรถใหม่จาก Maranello ในเวลานั้น (คศ. 1962 พศ. 2508) อยู่ที่ 9,000 ปอนด์ คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ 391,000 บาท ในปี 1964 เจ้าของรถได้บริจาครถแข่ง Ferrari คันนี้ให้กับโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในท้องถิ่น เพื่อให้นักเรียนที่สนใจวิชาช่างซ่อมเครื่องยนต์ ใช้ศึกษาการทำงานของระบบต่างๆในเครื่องยนต์ V12
...
เครื่องยนต์ 3.0L V12 ผลิตกำลัง 302 แรงม้า ที่ 7500 รอบต่อนาที ระบบเกียร์ manual หรือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ที่ได้วิศวกรของ Porsche เข้ามาช่วยในการปรับจูนอัตราทดให้เข้ากับเครื่อง V12 250 GTO มีความเร็วสูงสุด 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 5.4 วินาที ความพิเศษมากตรงที่ผลิตมาเพียง 36 คัน ลูกค้าที่มีความประสงค์ที่จะซื้อเอาไปขับแข่ง ในช่วงที่ 250 GTO เพิ่งจะเข้าสู่ตลาดรถสปอร์ต ต้องถูกอนุมัติโดย Enzo Ferrari แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น!
มูลค่าของรถเก่า Ferrari 250 GTO ที่เคยเป็นรถแข่งในเวลานั้นคือ 1,500 ปอนด์ หรือประมาณ 65,000 บาท ในช่วงเวลานั้น ยังไม่มีใครรู้คุณค่าของรถรุ่นนี้ และ GTO ก็ไม่ใช่รถที่เศรษฐีต้องการ แม้ว่าจะมีการผลิตเพียงแค่ 36 คันเท่านั้น มีการขายรถบางคันออกไปในช่วงปลายทศวรรษ 1960 ด้วยราคาถูกแสนถูกแค่ 1,500-3,000 ปอนด์ หรือประมาณ 6 หมื่นถึงสามแสนบาทเท่านั้นเอง
เมื่อไปอยู่ในแผนกช่างยนต์ของโรงเรียนมัทยมที่ห่างไกลในอเมริกา GTO คันนี้ถูกทาสีแดงแทนที่สีน้ำเงินเดิม (เป็นการทาด้วยมือโดยใช้แปรงที่หยาบเต็มกลืน) หลังจากรื้อแคะ แกะเกาจนหนำใจแล้ว ทางโรงเรียนก็นำซากของ 250 GTO คันนี้ไปประมูลขายให้กับชายคนหนึ่งจากรัฐโอไฮโอในปี 1971 ด้วยราคาตอนประมูล 3,000 ปอนด์ หรือประมาณ 130,000 บาท จากนั้นก็ไม่มีใครแตะต้อง Ferrari คันนี้อีกเลย 250 GTO ที่ผ่านกาลเวลามาอย่างยากลำบาก กลับถูกนำไปจอดทิ้งตากแดดตากฝนอยู่บนรถพ่วงกลางทุ่งนาเป็นเวลานานถึง 15 ปี!
...
15 ปีผ่านไป มีคนจำนวนมากพบเห็นศิลปะชั้นสูงของพวกอินตาเลี่ยนคันนี้ ซึ่งตลอดหลายปีที่เวลาหมุนผ่าน คนทั่วไปที่พบเห็น ต่างมองว่า Ferrari คันนี้เป็นของปลอม ซึ่งอาจถูกขึ้นรูปด้วยไฟเบอร์กลาสเพื่อลอกเลียนแบบรถแข่งคันจริง แต่คนเหล่านั้นไม่รู้เลยว่า นี่คือ GTO ตัวเป็นๆที่มีมูลค่ามหาศาลในปัจจุบัน
ในช่วงเวลานั้น มูลค่าของ GTO เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่หยุดยั้ง จากความหายากและประวัติศาสตร์ในสนามแข่งขันรถยนต์ทางเรียบของโลก นักสะสมรถคลาสสิค Nick Mason มือกลองของวง Pink Floyd ซื้อ 250 GTO ในปี 1977 เพื่อเก็บสะสมในคอลเลคชัน ด้วยราคาเพียงแค่ 36,000 ปอนด์ เท่านั้นเอง (ประมาณ 1,566,000 บาท)
...
ช่วงต้นทศวรรษปี 1980 ราคาของ Ferrari 250 GTO พุ่งสูงขึ้นเป็น 300,000 ปอนด์ หรือประมาณ 13,057,000 บาท จุดที่น่าสังเกตก็คือ ในช่วงเวลาดังกล่าว (คศ. 1980) เจ้า 250 GTO หมายเลขแชสซี 3589GT ถูกสันนิษฐานว่าโดนทำลายป่นปี้เรียบร้อยไปแล้ว จากฝีมือของนักเรียนมัทยมจอมแก่นในโรงเรียนแห่งหนึ่งในมลรัฐเท็กซัส ซึ่งอาจจะถอดชิ้นส่วนออกทั้งหมดจนยากที่จะตามหา แต่ปาฏิหาริย์ยังมีอยู่จริง หลังจากนั้น 250 GTO คันนี้ ถูกค้นพบอีกครั้งในปี 1986 และถูกขายให้กับนักสะสมรถเก่าคลาสสิคในมหานครนิวยอร์ก ด้วยราคาที่เชื่อกันว่าแพงถึง 500,000 ปอนด์ หรือประมาณ 21,762,000 บาท
...
อีก 2 ปีต่อมาในปี 1988 เจ้าของคนสุดท้ายในปัจจุบัน Engelbert Steiger มหาเศรษฐีสวิตเซอร์แลนด์ ซื้อ GTO คันนี้ไปในราคาที่สูงถึง 2.1 ล้านปอนด์ คิดเป็นเงินไทยยังไม่รวมอัตราภาษีนำเข้าจะอยู่ที่ 91,403,000 บาท Steiger จ่ายเพิ่มอีกเพียบเพื่อบูรณะ Ferrari 250 GTO ให้กลับไปสู่ความสง่างามดั้งเดิม โดยลอกสีแดงที่ทาด้วยแปรงทาสีออกไป แล้วพ่นด้วยสีน้ำเงินเบอร์เดียวกับตอนที่โผล่ออกมาจากโรงงานในปี 1962
ปัจจุบัน Ferrari 250 GTO ถูกขายในงานประมูลรถยนต์คลาสสิคที่อเมริกา ด้วยราคาราว 51.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยตกราว 1,830,000,000 ล้านบาท กลายเป็นรถยนต์ Ferrari ที่แพงที่สุดจากการขายผ่านการประมูล