นับเป็นเวลาครบรอบ 1 ปีแล้วที่ ChangAn Auto South East Asia เข้ามาเริ่มต้นการดำเนินงานในบ้านเรา แม้ว่าจะเริ่มต้นได้สวยกับ Deepal S07 SUV/Crossover ทรงล้ำยุคในราคาไม่ต้องล้มวัวล้มควายมาซื้อ แต่ในเมื่อตลาดรถบ้านเราในภาพรวมอยู่ในสภาพที่ซบเซา แถมยังมีคู่แข่งจากจีนตัวเอ้ที่มากด้วยฤทธิ์อย่าง BYD การเริ่มต้นที่สวยงามจึงไม่ได้การันตีความสำเร็จ จากการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ทิศทาง นโยบาย และรถรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวเป็นอย่างไร รวมถึงข้อกล่าวโจมตีบนโซเชียลเรื่องการที่โรงงานรถจีนทำตัวเป็นทัวร์ศูนย์เหรียญ ไม่ได้กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ChangAn มีอะไรจะชี้แจงในเรื่องนี้บ้าง

...

ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา โฟกัสของแวดวงรถยนต์ไปอยู่ที่การลุยหนักจากรถจีนที่ทำตัวเหมือนมวยที่กำลังไล่โรมรันฟันเข่าศอกโดยที่ฝ่ายตรงข้ามออกหมัดไม่ได้ ทำได้แค่ปัดป้อง ไม่ว่าจะเป็น BYD Sealion 6 SUV คันใหญ่กว่า CR-V แต่เปิดราคาตัวล่างมาไม่ถึงล้าน หรือจะเป็น MG3 Hybrid+ ที่ถึงแม้จะเป็นราคาแนะนำแค่ลอต 1,000 คันแรก แต่การที่รุ่นท็อปจบในราคา 599,000 โดยที่เป็นรถเล็กมีพลังสูง ประหยัดน้ำมันและออปชันไม่น้อย สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ จีนมีความสามารถในการผลิต EV หรือพวกรถมีถ่านแต่ละรูปแบบได้ถูกกว่าประเทศอื่นๆในโลก ด้วยข้อได้เปรียบด้านต้นทุน ทรัพยากรคนและทรัพยากรด้านวัตถุดิบ

ChangAn เองก็เป็นหนึ่งในค่ายรถจีนที่เข้ามาลุยในไทย และแสดงความได้เปรียบคู่แข่งจากญี่ปุ่นในเรื่องดีไซน์ ฟังก์ชัน และขนาดตัวรถที่ไม่เป็นรองญี่ปุ่นในภาพรวม แล้วก็มาในราคาที่ถูกกว่า แต่เขาไม่ได้เป็นมังกรตัวเดียวในสมรภูมิ เพราะในขณะที่มังกรกำลังสู้กับซามูไร มันจะเป็นมังกรด้วยกันเอง..คือมังกรตัวอื่นนี่ล่ะที่อาจจู่ๆ เงื้อกรงเล็บเฉาะกลางหลังเข้าให้ ซึ่งนั่นก็ทำให้บริษัทนี้ จะอยู่ฉลองความสำเร็จนานไม่ได้เลย เพราะเวทีนี้ ใครนิ่งนาน มีสิทธิ์โดนสอยทั้งนั้น

****ยอดขาย และการเติบโตในภาพรวมปีที่ผ่านมา****

ChangAn ในประเทศไทย สร้างผลงานสำหรับรถที่เพิ่งเปิดตัวแบรนด์สู่ตลาดบ้านเราในปีแรกได้ดี บางคนอาจมองว่า BYD และ Neta ก็มีผลงานปีแรกดีเช่นกัน ผมต้องแจ้งก่อนว่า ถึงแม้ ChangAn เขาก็จำหน่ายรถไปได้ 8,000 คัน และส่งมอบไปแล้ว 6,000 คัน จาก 6,000 คันนี้ 5,000 คันคือรุ่น S07

...

แต่ทาง ChangAn เองก็ไม่ได้วินในทุกเคส แม้พวกเขาจะชนะสมรภูมิ SUV ไซส์ครอบครัวด้วย S07 แต่ในเซกเมนต์อื่นๆ เจ็บยับ ไม่ว่าจะเป็น L07 ซีดานทรงดีแต่ตั้งราคาใกล้ S07 มากจนคนไทยมองว่าไม่คุ้ม หรือ Lumin “น้องง่วง” หน้าตาน่ารักที่มีจอดอยู่ในบ้านคุณแน็ก ชาลี แห่งคู้บอน พอเปิดราคามาได้สักพัก ก็โดนมังกร BYD กับเทพนาจา (Neta) เอากลยุทธ์ราคาเข้าตี จนลูกค้ากลุ่มที่มองความคุ้มค่าเหนือหน้าตา หนีจาก Lumin ไปหมด โดยรวมก็คือ ChangAn ไปได้ดีในรถระดับราคาล้านกลาง แต่อะไรที่ถูกกว่านั้น ผลงานด้านยอดขาย ยังไม่น่าประทับใจในความคิดของผมเท่าไร

...

นับว่ามีทั้งจุดแข็ง และจุดที่ยังต้องพัฒนา แต่อย่างน้อยสัญญาบางข้อ พวกเขาก็มีแนวโน้มจะทำได้ตามที่ลั่นวาจาไว้ โรงงานไทยที่จังหวัดระยองนั้น เมื่อปลายปี 2023 ChangAn บอกว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกของปี 2025 และจากการแถลงเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ก็ยังยืนยันกำหนดเดิม โดยคุณเซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการแห่ง ChangAn South East Asia แจ้งว่าการก่อสร้างดำเนินไปแล้ว 80% โดยในเร็วๆ นี้เครื่องจักรต่างๆ จะถูกติดตั้งและเริ่มเดินสายการผลิตแบบทดลองต่อไป

...

สำหรับศูนย์บริการและผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศนั้น ในปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 30 แห่ง ซึ่งเมื่อปีก่อน ผู้บริหารบอกว่าพยายามตั้งศูนย์ให้ได้ในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ทั้งหลาย เท่าที่ผมสำรวจในเว็บไซต์ทางการของ ChangAn นั้น นอกจากกรุงเทพฯและปริมณฑลแล้ว ก็มีที่เชียงใหม่, นครราชสีมา, ขอนแก่น, กาญจนบุรี และชลบุรีแล้ว จุดที่ยังต้องขยายเพิ่มคือภาคใต้ ซึ่งถ้าสมมติว่าคุณจะใช้รถ S07 ที่จังหวัดภาคใต้ ศูนย์ที่ใกล้ที่สุดขณะนี้ยังมีถึงแค่เพชรบุรี ฝั่งอีสานตอนล่าง ซีกไกล เช่นอุบลราชธานียังไม่มีศูนย์ และอีสานตอนบน ใกล้สุดคือมหาสารคาม อย่างไรก็ตาม ภายในสิ้นปีนี้ ChangAn มีเป้าหมายที่จะขยายจำนวนศูนย์ให้ได้เป็น 60 แห่ง และเพิ่มเป็น 100 แห่งภายในสิ้นปี 2025

****ภาพลักษณ์ทัวร์ศูนย์เหรียญ กับธุรกิจรถจีนในไทย****

จากที่ฟังคุณเซิน คาดว่าน่าจะมีการยกประเด็นนี้มาพูดถึงในช่วงที่ผ่านมาพอสมควร ทาง ChangAn จึงประกาศชัดเจนว่า “เราจ่ายภาษีให้รัฐบาลไทยไปแล้ว 1,200 ล้านบาท” ซึ่งผมไม่ได้อยากไฮไลต์นัก เพราะเราจะมาจากชาติไหน คุณทำธุรกิจกับประเทศไทยก็ไม่มีสิทธิ์หนีภาษีอยู่แล้ว ไม่จ่ายเลยสิแปลก ถ้าให้แฟร์ รอทุกบริษัทจีนออกมาขิงกันสิครับว่าใครจ่ายภาษีเข้ารัฐไทยไปปีละกี่บาท แต่การที่ ChangAn กล้าพูดออกสาธารณะก่อน ก็ค่อนข้างน่าเชื่อถือ เพราะถ้าขืนพูดมั่วไปแล้วทางรัฐบ้าจี้ไล่สอบขึ้นมาจะหน้าแตก

ส่วนในประเด็นที่ว่า เวลารถจีนมาประกอบไทย ก็เอาคนของประเทศเขามา ไม่ใช้แรงงานไทย ไม่ใช้ซัพพลายเออร์ไทย ทาง ChangAn South East Asia เขาก็พยายามชี้แจงว่า นโยบายของบริษัทคือ การพยายามเพิ่มความสำคัญให้กับท้องถิ่น และมีการกำหนดนโยบายด้าน CSR อย่างเป็นรูปธรรม

เท่าที่ผมเคยแอบฟังผู้บริหารจีนท่านหนึ่ง (ที่ไม่ใช่ ChangAn) จริงๆ แล้ว การผลิตรถในจีน ทำต้นทุนได้ถูกกว่าผลิตในไทย ณ เวลานี้นะครับ แต่ถ้าสามารถควบคุมราคาชิ้นส่วนจากผู้ผลิตท้องถิ่นได้ หรือประกอบรถในจำนวนมากจนส่งไปขายตลาดพวงมาลัยขวาประเทศอื่นเยอะๆได้ การลงทุนในไทย ก็จะกลายเป็นเรื่องที่คุ้มค่าขึ้นมา และนี่คือสิ่งที่ชัดเจนขึ้นในปีนี้ เพราะปีที่แล้ว ChangAn ยังตอบไม่ได้เลยว่า จะผลิตส่งประเทศไทยบ้าง แต่ในปีนี้ ผู้บริหารพูดขึ้นสไลด์ชัดเจนบนเวทีว่า มีอินโดนีเซีย มาเลเซีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ และส่งไปขายถึงอังกฤษด้วย

สำหรับแรงงานที่โรงงานนั้นมีการจ้างไปแล้ว 300 คนที่เป็นแรงงานไทย คิดเป็น 70% ของพนักงานโรงงานทั้งหมด โดยพยายามที่จะเพิ่มอัตราส่วนให้เป็น 90% ภายในสิ้นปี 2026 นับตั้งแต่เริ่มดำเนินงานในประเทศไทย มีการส่งคนไทยทั้งในระดับแรงงานและช่างเทคนิคไปอบรมที่ฉงชิ่งแล้ว 100 คน และภายในปี 2024 มีเป้าหมายที่จะนำคนไทยไปอบรมที่จีนให้ได้ครบ 500 คน นี่คือสิ่งที่เป็นกุญแจสู่การใช้แรงงานระดับหัวหน้าหน่วย/หัวหน้าฝ่าย ที่เป็นคนไทยมากขึ้น ในปัจจุบันเป็นช่วงเริ่มต้นที่แรงงานไทยยังเพิ่งมาใหม่ ทางโรงงานเลยต้องมีคนจีนมาทำงานปนอยู่ด้วย 30% นั่นเอง เป้าหมายในปลายทางเมื่อโรงงานเดินกำลังการผลิตเต็มสูบ เขาจะมีพนักงานรวมมากกว่า 1,000 คน โดยที่ 900 คน เป็นคนไทย

สำหรับในเรื่องซัพพลายเออร์ท้องถิ่น มีการเจรจาธุรกิจไปแล้ว 300 ราย และมีเป้าที่จะเพิ่มจำนวนชิ้นส่วนจากประเทศไทยให้มากขึ้นจนถึงจุดที่เรียกได้ว่า “ครึ่งนึงมาจากจีน อีกครึ่งมาจากไทย” สำหรับคนที่ยังมองว่าไม่มากพอ ขอเรียนเป็นข้อมูลว่าในอุตสาหกรรมรถประเทศไทยน่ะ ถ้าคุณใช้ชิ้นส่วนในประเทศได้เกิน 40% และมีการประกอบรถขึ้นเป็นคัน มีการทำสีในไทย และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อื่นๆอีกหน่อย ก็สามารถเรียกว่าเป็นรถประกอบในประเทศได้แล้วครับ ไม่ใช่ว่าทุกชิ้นส่วนต้องมาจากในประเทศไทย

ChangAn ดูจะเอาจริงเรื่องการใช้ไทยเป็น Hub ในการผลิตรถป้อนตลาดพวงมาลัยขวา เพราะเมื่อปลายปีที่แล้วยังบอกอยู่ว่าโรงงานจะมีกำลังการผลิตสูงสุด 50,000 คัน มาวันนี้ บอกว่าอาจจะปรับเป็น 100,000-200,000 คันต่อปี ซึ่งเมื่อเราเทียบกับจำนวนรถที่พวกเขาขายในไทยปีที่ผ่านมา (8,000 คัน) คุณมองออกล่ะครับ ว่าโรงงานนี้น่าจะเน้นส่งออกมากกว่าขายแต่คนไทย ผมมองว่าทาง ChangAn ต้องดีดลูกคิดมาแล้วว่า สร้างโรงงานไทยแล้วต้องมีวิธีทำกำไร เราทราบกันอยู่แล้วว่าจีนจะไม่ทำอะไรที่มันขาดทุนหรือวัดดวงแบบมาลัยเสี่ยงรักหรอก แล้วชาติอื่นๆ ไม่นับแค่จีน ก็ดีดลูกคิดก่อนบอกรักคนไทยทั้งนั้นล่ะครับ อย่าเข้าข้างหรือแอนตี้จนหลุดจากความจริงไปเลย

****รถรุ่นใหม่ที่จ่อคิวเปิดตัว และ REEV****

Avatr 11 รถครอสโอเวอร์ระดับหรูจะเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งต้องทำความเข้าใจก่อนว่า Avatr เป็นแบรนด์ลูกในเครือ ChangAn ซึ่งโฟกัสไปที่รถระดับราคาสูงกว่า Deepal ทำให้แม้ขนาดตัวและรูปทรงของรถจะใกล้เคียง S07 แต่มันจะเปรียบได้คล้ายๆกับการที่ Toyota ก็มีแขนงหรูอย่าง Lexus ซึ่ง Lexus บางรุ่นนั้น เนื้อในก็เป็นรถ Toyota แต่ด้วยเกรดวัสดุ อุปกรณ์และการผลิต ทำให้ราคาจำหน่ายแพงกว่า ที่สำคัญคือในขณะที่ S07 รุ่นที่แรงที่สุดมีแค่ 258 แรงม้า Avatr 11 รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ จะมีกำลังถึง 578 แรงม้า ดังนั้นอย่าคาดหวังว่ามันจะมาในราคาล้านกลางๆแบบ S07 ครับ

ในเดือนพฤศจิกายน จะเป็นคิวของ ChangAn Nevo E07 ซึ่งน่าจะทำตลาดในไทยภายใต้แบรนด์ Deepal E07 นี้เป็นรถปิกอัพลูกผสม SUV ท้ายลาด ที่ปรับด้านท้ายเป็นกระบะขนของนิดๆ หน่อยๆ ได้ รถรุ่นนี้ในจีนจะมีทั้งแบบที่เป็นไฟฟ้าล้วน มอเตอร์เดี่ยว 343 แรงม้า และมอเตอร์คู่ 598 แรงม้า และมีรุ่นที่เป็น REEV ซึ่งย่อมาจาก Range-Extended Electric Vehicle ซึ่งมีแบตเตอรี่ขนาด 39kWh สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกล 200 กิโลเมตร และมีถังน้ำมัน มีเครื่องยนต์ที่ทำหน้าที่ปั่นไฟ แปลงน้ำมันเป็นพลังงานไฟฟ้า

REEV หรือสื่อจีนส่วนมากจะเรียกว่า EREV (Extended Range Electric Vehicle) นั้น มีความคล้ายรถ Plug-in Hybrid ซึ่งเราคุ้นเคยกันดี ความแตกต่างก็คือ รถ Plug-in Hybrid นั้น เครื่องยนต์จะสามารถส่งกำลังไปสู่ล้อเพื่อขับเคลื่อนรถได้ เช่น Haval H6 PHEV ซึ่งเป็นรถ Plug-in ที่สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ประมาณ 150-180 กิโลเมตร แต่รถ REEV นั้นเครื่องยนต์จะทำหน้าที่ปั่นไฟเพียงอย่างเดียว ถ้าใครคุ้นเคยกับระบบ e-Power ของ Nissan ก็จะบอกว่า นั่นล่ะครับ การทำงานเหมือนกันเลย แต่แค่ว่า Nissan Kicks นั้นถ้าไม่มีน้ำมันเลย คุณวิ่งให้ตายยังไงก็ได้ไม่เกิน 15 กิโลเมตร

ทำไมจู่ๆ ChangAn ถึงคิดจะเอา REEV มาจำหน่ายในไทย ผมเดาว่าข้อหนึ่งเลยคือ มันเป็นสิ่งที่มังกรจีนเจ้าอื่นยังไม่มีขายครับ นอกจากนี้ ที่จีนเอง คุณเซิน ผู้บริหาร ChangAn ก็แชร์ข้อมูลให้ฟังว่า รถที่จำหน่ายออกไปนั้นคาดการณ์ว่าในปีนี้ ในรถ 10 คันที่จำหน่าย จะมี 4 คันเป็น EV 100% 4 คันเป็นรถ Plug-in Hybrid หรือ REEV และ 2 คันเป็นรถสันดาปหรือรถไฮบริดปกติเสียบชาร์จไม่ได้ ดังนั้นในเมื่อเมืองแม่เอง REEV ยังขายได้ ก็มีความคุ้มในการวิจัยพัฒนาต่อ และเมืองไทยก็มีคนที่อยากใช้รถ EV 100% แต่เบื่อเรื่องสถานีชาร์จไม่พอเพียงตามเส้นทางที่ตัวเองจะไป รถแบบ REEV จะแก้ปัญหานี้ได้ตรงจุด น้ำมันแพง? ก็ชาร์จไฟสิ วิ่งได้กว่าร้อยโลต่อชาร์จ ไม่มีที่ชาร์จ? ก็เติมน้ำมันสิ สะดวกเหมือนรถน้ำมันแหละ ไม่มีข้ออ้างในการแวะกิน KFC ด้วยเอ้า

ซึ่งในการแถลงวันที่ 22 สิงหาคม คุณเซินบอกว่า หลังจากงานมอเตอร์เอ็กซ์โปที่จะเปิดตัว E07 ไป ก็จะมีรถ BEV และรถ REEV ตามออกมา ซึ่งไอ้ตัวหลังนี่ พิสัยทำการเมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็มรวมน้ำมันเต็มถังสามารถวิ่งรวดเดียว 1,000 กิโลเมตรได้ อย่าลืมนะครับว่าวิ่งไฟฟ้าได้ราว 200 กิโลเมตร อีก 800 กิโลเมตรที่ว่าจะต้องใช้น้ำมันไม่เกิน 45 ลิตร เพราะถ้าถังน้ำมันโตกว่า 45 ลิตร จะโดนสรรพสามิตในอัตราที่แพงขึ้น เป็นกฎที่ทางรัฐกำหนดมา ก็ต้องมาดูกันว่าจะ 1,000 กิโลเมตรจริงหรือไม่

ส่วนที่ว่าจะเป็นรถรุ่นไหนนั้น คุณเซินยังไม่เผยครับ ถ้าให้ผมเดาจากรูปที่อยู่ใต้ผ้าคลุมบน PowerPoint ที่ขึ้นจอ รถ BEV ที่ว่า คงหนีไม่พ้น Avatr 12 ซึ่งเป็นร่างทรงรถเก๋งเตี้ยของ Avatr 11 ใช้ขุมพลังแบบเดียวกัน แต่รถทั้งคันพัฒนาโดยร่วมมือกับ CATL และ Huawei รูปทรงจะสปอร์ตกว่ารุ่น 11 แต่เนื่องจาก Avatr เป็นแบรนด์ที่มีแต่ BEV ดังนั้น ไอ้รถ REEV ที่จะตามมาหลังจากนั้นจะเป็นใครล่ะ? ถ้าให้ผมวัดดวงเดา น่าจะเป็น ChangAn Nevo A07 ครับ เพราะเป็นรถที่พื้นฐานแชร์ร่วมกับซีดาน L07 เยอะ แต่มีขุมพลังแบบสองหัวใจ REEV

นอกจากนี้ ก็อย่าลืมล่ะครับว่าภายในเดือนมีนาคม โรงงานที่ระยองจะเปิดทำการ และจากที่เคยสัมภาษณ์ไว้เมื่อปลายปี 2023 โรงงานนี้จะไม่ได้ผลิต S07 กับ L07 แต่จะผลิตรถ SUV ทรงสไตล์ S07 แต่มีขนาดเล็กกว่า นั่นคือสิ่งที่คุณเซินเคยใบ้ให้พวกเราไว้ นอกจากนี้ เขายังบอกไว้ในครั้งนั้นด้วยว่า “รถรุ่นใหม่นี้ เราจะเปิดตัวเวอร์ชันพวงมาลัยขวาที่ประเทศไทยเป็นแห่งแรกในโลก และใช้ไทยในการผลิตส่งไปยังตลาดพวงมาลัยขวาทั่วโลกด้วย และมีทั้งเวอร์ชัน EV และ REEV” นั่นก็ทำให้ผมเดาว่า มันคงจะเป็น Deepal S05 นั่นเองครับ มีโอกาสสูงมากเพราะโหงวเฮ้งดี เหมือน S07 ที่น่ารักขึ้น สั้นลงราว 13 ซม. แคบลง 3 ซม. มีหน้าตาแบบที่คนขายไม่ต้องพูดมากก็ขายได้ และที่สำคัญคือมันมีทั้งขุมพลังแบบ EV และ REEV ถ้า ChangAn ขาย S07 ในราคาที่พวกเขาขายได้ คือถูกกว่า CR-V ราวสามแสนบาท ลองคิดสิครับว่า S05 ซึ่งน่าจะมากินตลาด HR-V โดยตรง จะขายได้ในราคากี่บาท

นี่ล่ะครับคือคลังอาวุธ นโยบาย และอนาคตที่ ChangAn South East Asia เปิดเผยให้เราได้ทราบกัน คุณคิดว่าคู่แข่งจะทำอะไรได้อีกบ้าง ในช่วงระยะเวลา 7 เดือนก่อนที่รถตัวขายตัวจริงของค่ายจะมาถึง? ผมบอกแล้วครับ อย่าไปโฟกัสแค่มังกรถล่มซามูไรเลย มังกรสู้มังกรด้วยกันเองนี่ล่ะ สนุกกว่าเป็นไหนๆ

Pan Paitoonpong