ลีสซิ่งกสิกรไทย มองปี 67 จะมีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าให้เลือกเพิ่มขึ้น ล่าสุดเปิดให้บริการ K EV SHOP ครั้งแรก ของศูนย์รวมข้อเสนอพิเศษสุดจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำให้แก่ลูกค้า K PLUS

นายธีรชาติ จิรจรัสพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า มุมมองแนวโน้มของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ตลอดทั้งปี 66 รถยนต์ไฟฟ้า BEV หรือ รถ EV มีโอกาสทำยอดขายได้สูงถึง 68,000 คัน เพิ่มขึ้น 405% (YoY) หลัง 8 เดือนแรกมียอดขาย 41,844 คัน

ทั้งนี้ผลักดันให้ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ BEV ในตลาดรถยนต์รวมไทยมีโอกาสเพิ่มขึ้นเป็น 8.6% จาก 1% ในปี 2565 โดยภาพรวมการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าสอดคล้องกับการขยายตัวของยอดสินเชื่อรถไฟฟ้าใหม่ของลีสซิ่งกสิกรไทย

สำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจนถึงสิ้นปี 66 นี้อาจมียอดขายมากกว่า 75,000 คัน และสำหรับผลประกอบการของลีสซิ่งกสิกรไทย ในช่วง 9 เดือนของปี 66 บริษัทสามารถขยายฐานสินเชื่อ หรือยอดคงค้างสินเชื่อ (Outstanding Loan) เพิ่มขึ้น 13% สำหรับสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อรถใหม่ แบ่งเป็นรถสันดาป 72.5% และในส่วนของสินเชื่อสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า 27.5% 

โดยมีส่วนแบ่งการตลาดของสินเชื่อรถไฟฟ้าแบรนด์พันธมิตรหลักกว่า 21% และมียอดธุรกิจเติบโตถึง 400% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าซึ่งสูงกว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของตลาดที่เติบโตประมาณ 340% รวมถึงมีสัดส่วนของยอดธุรกิจสินเชื่อรถใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้า (BEV New Business) ที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ และลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าธนาคารกสิกรไทยที่มีคุณภาพหนี้ที่ดี

...

นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีมุมมองเพิ่มเติมว่า การทยอยเข้ามาเพิ่มเติมของรถยนต์ BEV ค่ายใหม่ๆ ในตลาด ทั้งจากจีน เกาหลี และการลุยตลาด BEV ของค่ายญี่ปุ่นบางราย ส่งผลให้ตลาดยิ่งจะมีความคึกคักขึ้น รถยนต์ BEV จึงน่าจะมีโอกาสทำยอดขายได้เพิ่มขึ้นไปถึง 85,000-100,000 คัน หรือขยายตัวระหว่าง 25%-47% โดยคาดการณ์ว่าในช่วง 1-2 ปีนี้ รถยนต์นั่ง BEV ที่มีระดับราคา 1 ล้านบาทขึ้นไป จะเป็นกลุ่มที่ได้รับการตอบรับดีด้านยอดขายต่อเนื่องมากกว่ารถยนต์นั่งกลุ่มอื่น 

โดยคาดการณ์ว่ารถยนต์นั่งไฟฟ้าจะมีส่วนแบ่งของยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 17% ของรถยนต์นั่งทั้งหมดในปี 2566 และขยับเป็น 21% ในปี 2567 ภายใต้มุมมองที่ระมัดระวังจากปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ผนวกกับการปล่อยสินเชื่อที่ระมัดระวัง และประเด็นความต่อเนื่องด้านนโยบายของภาครัฐ 

นายธีรชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนาแพลตฟอร์มแคมเปญสินเชื่อรถยนต์ไฟฟ้า K EV SHOP เพื่อให้ลูกค้าเลือกซื้อรถได้ตามไลฟ์สไตล์และจะเชื่อมต่อให้ลูกค้าสามารถสมัครสินเชื่อได้ด้วยตนเองผ่านแพลตฟอร์ม Digital Self-Apply ที่ได้เปิดให้บริการไปก่อนหน้า พร้อมยังได้สิทธิพิเศษที่มากมาย ถือเป็นการนำร่องการยกระดับมาตรฐานการให้บริการสินเชื่อให้กับลูกค้าในยุคดิจิทัล 

ทั้งนี้ลีสซิ่งกสิกรไทยได้เตรียมการพัฒนาการเชื่อมต่อ API กับแพลตฟอร์มของผู้ผลิตรถยนต์ที่เป็นพันธมิตรกับบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเริ่มต้นของโครงการตั้งเป้าหมายว่าโครงการนี้จะช่วยส่งเสริมการขายรถยนต์ไฟฟ้าของพันธมิตร ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ส่วนแบ่งการตลาดการให้สินเชื่อรถไฟฟ้าของบริษัทเพิ่มขึ้นได้อีก 3-5% รวมเป็น 25% และตั้งเป้าจะมีสัดส่วนลูกค้าที่สมัครขอสินเชื่อรถยนต์จากช่องทางออนไลน์เป็น 10% ภายใน 3 ปี

โดยลีสซิ่งกสิกรไทยยังคงเดินหน้านำเสนอโครงการที่สอดรับนโยบายเพื่อความยั่งยืน หรือ ESG ของธนาคารกสิกรไทย เพื่อสนับสนุนการสร้างสังคมสีเขียวให้เกิดขึ้นจริง ด้วยการออกแคมเปญเชิงรุกผ่านการผนึกกำลังกับพันธมิตรของบริษัท โดยใช้แพลตฟอร์มต่างๆ ของธนาคาร และ K PLUS เป็นศูนย์กลางเพื่อเพิ่มประสบการณ์การขอสินเชื่อรถยนต์ที่ดี และไร้รอยต่อให้กับลูกค้าของธนาคารกสิกรไทย.