“เอ็มจี” ยังคงคอนเซปต์ความเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ EV ในประเทศไทยได้ดี

ล่าสุดส่ง NEW MG4 ELECTRIC รถแฮตช์แบ็กพลังงานไฟฟ้า 100% ตอบรับกระแส EV เมืองไทย โดยชูความเป็น “ICON” นิยามของการเป็น “ต้นแบบ” และมาตรฐานใหม่รถ EV ที่ขับสนุก ฉีกตลาดด้วยการเป็นรถไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง 

การมาของโมเดลนี้ถือเป็นการยกระดับรถ EV ในทั่วโลกด้วยนวัตกรรม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM ที่ถูกออกแบบและพัฒนามาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะนำเสนอความเป็น BORN TO BE EV ได้ค่อนข้างชัดเจน แบตเตอรี่ถูกติดตั้งเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างตัวรถ การออกแบบจึงคำนึงถึงความปลอดภัยของแบตเตอรี่มากขึ้น ผนวกกับนวัตกรรมแบตเตอรี่ที่บางเพียงแค่ 110 มม. ช่วยเพิ่มพื้นที่ห้องโดยสาร โดยแพลตฟอร์มนี้สามารถรองรับแบตเตอรี่ได้หลากหลายความจุ จึงใช้ได้กับรถไฟฟ้าหลากหลายเซกเมนต์ ตั้งแต่รถยนต์ขนาดเล็กอย่าง ECO Car ไปจนถึงรถกระบะเลยทีเดียว

การสร้างจุดเปลี่ยนให้กับตลาด EV ด้วยการแนะนำ “รถไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง” (DYNAMIC REAR WHEEL DRIVE) ที่มาเติมเต็มสมรรถนะของรถพลังงานไฟฟ้า ให้สนุกสนาน เร้าใจยิ่งขึ้น ภายใต้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ทั้งนวัตกรรมการขับขี่ไปจนถึงดีไซน์ออกแบบ รวมถึงการเลือกใช้วัสดุด้วย โดยมีจุดเด่นที่น่าสนใจ ได้แก่

ICONIC DESIGN โดดเด่นด้วยสไตล์การออกแบบรถไฟฟ้ายุคใหม่ ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตรอบคัน โฉบเฉี่ยวทุกการเคลื่อนไหว การออกแบบตัวรถใหม่แบบ AVANT-GARDE INDUCTIVE DESIGN หลังคาแบบทูโทน สปอยเลอร์หลังแบบ TWIN ARROW WING ที่ดูแปลกตา ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ครอบด้วย AERO WHEEL COVER เช่นเดียวกับรถไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ของเอ็มจี

ภายในห้องโดยสารเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เน้นการใช้งานที่สะดวก ดูโปร่ง โล่งสบาย ด้วยขนาดที่กว้าง มีอุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สาย (Wireless charger) ดีไซน์พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ควบคุมเครื่องเสียง พร้อมปุ่มรับ - วางสายโทรศัพท์ กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Dual Screen แบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-function Display) ในตำแหน่งคนขับ และหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ลำโพง 6 จุด รองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ สมาร์ทโฟนระบบ Android Auto พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB ทั้ง TYPE A และ C

ICONIC PERFORMANCE อีวีเลือดใหม่ที่ขับสนุก และเร้าใจ เปิดมิติใหม่ให้กับการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าที่โดดเด่นด้านการตอบสนองตั้งแต่เริ่มออกตัว ด้วยการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ในแง่การขับขี่ ทำให้รถมีบาลานซ์น้ำหนักที่ดีทุกจังหวะขับขี่ ลดอาการโคลงขณะเข้าโค้ง ผนวกกับการเป็นรถไฟฟ้าที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ อีกทั้งมีระยะฐานล้อ ซ้าย-ขวา ค่อนข้างกว้างหากเทียบกับรถในกลุ่มเดียวกัน ระบบช่วงล่างสมรรถนะสูงแบบอิสระ 4 ล้อ ที่ช่วยให้ล้อตั้งฉากกับพื้น ทั้งหมดนี้ล้วนช่วยในเรื่องการเกาะถนนได้ดี เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ สนุกสนานกับขุมพลังของ NEW MG4 ELECTRIC ได้เต็มที่กับขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 170 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร วิ่งในระยะทาง 425 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งก็เพียงพอสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน

ข้อมูลเกี่ยวกับการชาร์จ

- สำหรับการชาร์จแบบ QUICK CHARGE ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% - 80% ใช้เวลาประมาณ 35 นาที ที่ความเร็วสูงสุด 88 กิโลวัตต์-ชั่วโมง

- สำหรับการชาร์จแบบ NORMAL CHARGE ผ่าน MG HOME CHARGER 0% - 100% ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที ที่ 6.6 กิโลวัตต์-ชั่วโมง

โดยระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือและกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า

NEW MG4 ELECTRIC กลายเป็นรถไฟฟ้าที่ค่อนข้าง customize สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ถึง 5 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น SNOW, ECO, NORMAL, SPORT, CUSTOM ความแตกต่างของแต่ละโหมดก็จะเป็นเรื่องน้ำหนักพวงมาลัย อัตราเร่ง และแรงที่ต้องใช้ในการเหยียบเบรก ส่วน KERS MODE ระบบชาร์จพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ขณะชะลอรถของรถรุ่นนี้ ตั้งค่าได้ถึง 4 ระดับ ทั้ง LOW, MEDIUM, HIGH ล่าสุดมี ADAPTIVE มาเป็นทางเลือกเพิ่มเติม ซึ่งจะปรับระดับให้อัตโนมัติตามลักษณะการขับขี่

ICONIC SAFETY ขับขี่อย่างมั่นใจในทุกเส้นทาง มาพร้อมระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM มากถึง 26 ระบบรอบคัน หนึ่งในฟังก์ชันใหม่ที่อยู่ภายใต้ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART คือ “ระบบตรวจสอบแบตเตอรี่ หรือ BATTERY DOCTOR” ทำหน้าที่ช่วยตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่จากพฤติกรรมการใช้งานรถยนต์ของผู้ขับขี่ วิเคราะห์ ให้คำแนะนำกับเจ้าของรถได้ด้วย ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ โดยจะมีการวิเคราะห์สถานะแบตเตอรี่ ลักษณะการขับขี่ การจอดรถ รวมถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ เช่น แนะนำให้หลีกเลี่ยงการจอดรถกลางแจ้งในที่อุณหภูมิสูง เป็นต้น มีการประเมินให้คะแนนแบตเตอรี่แบบ REALTIME

อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่มักจะเจอในรถไฟฟ้าโดย MG ใช้ชื่อ INTELLIGENT SMART ACCESS ที่เมื่อผู้ขับขี่ อยู่ในตำแหน่งคนขับ ปิดประตูให้สนิททุกบาน และกุญแจรถอยู่ภายในห้องโดยสาร เพียงเหยียบเบรก รถก็จะพร้อมออกเดินทางสู่โลกกว้าง ส่วนการดับรถก็ง่ายเพียงกดล็อกรถ เครื่องยนต์ก็จะดับโดยอัตโนมัติเช่นกัน ใช้ควบคู่กับกุญแจดิจิทัล กลายเป็นความสะดวกสบายที่เพิ่มเติมเข้ามาในรถรุ่นนี้

NEW MG4 ELECTRIC ประกอบด้วย 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น D และรุ่น X โดยมีสีตัวถังให้เลือกถึง 5 สี คือ สีฟ้า (Brighton Blue) สีดำ (Black Knight) สีแดง (Scarlet Red) สีเทา (Andes Grey) และสีขาว (Arctic White) ตกแต่งภายในด้วยสีดำ (Black) ในรุ่น D และสไตล์ทูโทนเทา-ดำ (Grey & Black) ในรุ่น X

จากความมุ่งมั่นในการก้าวสู่การเป็นผู้ริเริ่มของตลาดรถยนต์ EV ในประเทศไทย “เอ็มจี” ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้กับลูกค้าที่ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยการพัฒนาสถานีชาร์จให้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากกว่า 128 แห่งทั่วประเทศ และสร้างความมั่นใจด้วยศูนย์บริการที่สามารถรองรับรถยนต์ไฟฟ้าจาก เอ็มจี ได้ทุกรุ่นกว่า 160 แห่งทั่วประเทศ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุคของรถยนต์พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน”.