การให้สัญญาณเมื่อขับรถยนต์ถือเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้นๆ ในด้านความปลอดภัย การให้ข้อมูลหรือบอกความตั้งใจให้กับผู้ร่วมทางรอบๆ ตัวคุณ เป็นการสื่อความหมายให้รถยนต์คันอื่นทราบว่าคุณกำลังจะทำอะไร สัญญาณที่ใช้จึงต้องชัดเจนตรงกับความคิดและการกระทำที่จะเกิดขึ้นต่อไป หากสัญญาณที่ให้ไม่ถูกต้องหรือคลุมเครือไม่ชัดเจน สิ่งที่จะตามมาก็คือการแปลสัญญาณผิดๆ รวมถึงคนที่ขับโดยไม่ใส่ใจต่อการให้สัญญาณล่วงหน้า ซึ่งอันตรายและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุที่มีทั้งเล็กน้อยและรุนแรงถึงชีวิต
...
ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณมือในอดีต สัญญาณไฟหรือสัญญาณเสียงแตร ควรคิดก่อนจะใช้สัญญาณนั้นๆ ว่าเหมาะสมหรือไม่และมีความจำเป็นที่จะต้องใช้สัญญาณนั้นๆ หรือไม่ การใช้สัญญาณพร่ำเพรื่ออาจทำให้รถยนต์คันอื่นที่ขับตามมาเกิดความสับสน ควรใช้สัญญาณก่อนการกระทำทุกครั้ง เช่น การยกไฟเลี้ยวเพื่อเปลี่ยนช่องทาง เป็นสัญญาณปกติที่ผู้ขับรถยนต์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันละเลย สัญญาณที่คุณใช้ไม่ได้หมายความว่าเมื่อใช้สัญญาณต่างๆ แล้วคุณจะมีสิทธิพิเศษบนถนน ไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อเกินความจำเป็นและต้องสังเกตการณ์รอบๆ ตัวก่อนที่จะใช้สัญญาณต่างๆ และควรยกเลิกสัญญาณทันทีที่ใช้เสร็จแล้ว
ประเภทของสัญญาณในรถยนต์ของคุณ
-สัญญาณมือ
-สัญญาณไฟเลี้ยวเปลี่ยนทิศทาง
-สัญญาณเสียงแตร
-สัญญาณไฟฉุกเฉิน
-สัญญาณไฟเบรก
-สัญญาณไฟสูง
-สัญญาณของการขอบคุณซึ่งเป็นมารยาทในการขับรถที่ถูกละเลยมานานแสนนานแล้ว
1-สัญญาณไฟเลี้ยว
เป็นสัญญาณที่ถูกละเลยและทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งเมื่อรถที่จะเปลี่ยนช่องทางแต่ดันไม่เปิดสัญญาณ ส่วนใหญ่เกิดจากการขาดความใส่ใจระลึกรู้ในกฎจราจร การเปลี่ยนช่องทางที่ถูกต้องควรใช้สัญญาณไฟเลี้ยวล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 50 เมตร มองให้ดีๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนช่องทาง ไม่ใช่ยกไฟเลี้ยวปุ๊บก็หักพวงมาลัยเลี้ยวทันที สัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายควรใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เพราะมีทั้งเลี้ยวเปลี่ยนช่องทางมาทางซ้ายหรือเลี้ยวซ้ายเข้าซอย รวมถึงสัญญาณเลี้ยวซ้ายเพื่อจอดรถชิดขอบทาง ระวังการใช้สัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายบริเวณทางแยกทางร่วม การวางตำแหน่งของรถที่ชัดเจนและการใช้ความเร็วที่เหมาะสมกับการเปลี่ยนช่องทางร่วมกับสัญญาณไฟเลี้ยวจะช่วยทำให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ควรให้สัญญาณไฟเลี้ยวล่วงหน้าก่อน 3-5 วินาที ก่อนที่จะเริ่มเปลี่ยนช่องทางเมื่อเห็นว่าไม่ไปรบกวนรถที่ตามมาด้านหลัง การเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวค้างไว้นานเกินไปจะสร้างความสับสนให้กับรถคันอื่นที่แล่นอยู่ด้านข้างและด้านหลัง
2-สัญญาณเสียงแตร
แตรคือต่อย เสียงแตรในปัจจุบันท่ามกลางสภาพการจราจรในเมืองใหญ่กลายเป็นเสียงแห่งการกระตุ้นความโกรธสำหรับนักขับอารมณ์ร้อน ไม่ควรบีบแตรแบบกดแช่ลากยาว การกดแตรยาวๆ เปรียบเหมือนการก่นด่าแทนที่จะเป็นการเตือนให้ระมัดระวัง การใช้แตรกับคนเดินเท้าควรระวังมากเป็นพิเศษ บีบแตรแค่เตือนโดยกดสั้นๆ หากคนที่เดินเท้าไม่ทันสังเกตว่ามีรถอยู่ด้านหลัง คนที่กำลังจะข้ามถนน (ในเขตห้ามข้ามหรือจุดอันตรายมีรถใช้ความเร็วสูง) ในบางแง่มุมของกฎหมายจราจร เสียงแตรอนุญาตให้ใช้เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่เท่านั้น ห้ามใช้เสียงแตรระบายอารมณ์ขุ่นมัว โกรธ โมโห ไม่พอใจอย่างเด็ดขาด ควรเผื่อเวลาในการใช้สัญญาณเสียงแตร เช่นเตรียมหาช่องทางในการหลบหลีกหากมีคนกำลังจะข้ามถนนในเขตที่รถยนต์กำลังแล่นด้วยความเร็วสูง สำหรับรถขับช้าแช่อยู่ขวา เมื่อกดแตรเตือนแล้วไม่หลบให้ยังคงแช่ยาวอยู่ในเลนรถเร็วเหมือนเดิมก็ต้องทำใจให้นิ่งเข้าไว้แล้วหาจังหวะแซงผ่านเอาเอง บางครั้งกดแตรก็แล้วยกไฟสูงก็แล้วยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนคาขวาอยู่เหมือนเดิม ก็ควรจะหาจังหวะแซงที่ปลอดภัยดีกว่ามาขับจี้ท้ายเพื่อกดดันให้หลบ ทำแบบนั้นบ่อยๆ ในย่านความเร็วสูงบนไฮเวย์มันอันตราย แถมยังไปกระตุ้นอารมณ์โกรธของคนที่ขับช้าแช่อยู่ขวาอีกด้วย ในเมื่อกฎหมายยังคงอ่อนด้อยไม่สามารถเอาผิดกับคนที่ขับช้าคาอยู่เลนขวาได้ คุณก็ต้องหาทางไปเอาเอง
...
3-สัญญาณไฟฉุกเฉินหรือไฟขอทาง
ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ สัญญาณฉุกเฉินที่เห็นกันจนชินตาในบ้านเราเกิดจากการใช้ตามความเข้าใจของตนเองเป็นหลัก โดยไม่ได้คำนึงถึงสภาพแวดล้อมความเหมาะสมและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แม้จะขับผ่านสี่แยกที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจรก็ยังมีนักขับจำนวนไม่น้อยเปิดไฟขอทาง ไฟฉุกเฉินหรือไฟผ่าหมากแล้วแต่จะเรียกกันตามความถนัด ฝนตกอากาศปิดเพราะหมอกลงจัดหมอกควันจากไฟไหม้หญ้าข้างทางก็ยังมีคนเปิดไฟฉุกเฉินโดยคิดว่าให้สังเกตเห็นง่ายไว้ก่อน อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากไฟฉุกเฉินจึงเกิดขึ้นจากรถร่วมทางที่แปลสัญญาณความหมายของไฟฉุกเฉินที่คุณเปิดผิดเต็มๆ เช่น วิ่งเข้ามาที่สี่แยกจากมุมใดมุมหนึ่ง สัญญาณไฟฉุกเฉินที่ปรากฏในสายตาของรถคันอื่นอาจแปลความหมายว่าคุณกำลังจะเลี้ยว ทั้งๆ ที่จะตรงไป ไม่มีใครมารับประกันว่ารถยนต์ร่วมทางคันอื่นจะเห็นไฟของคุณหมดทุกด้าน กฎหมายจราจรกำหนดห้ามใช้ไฟฉุกเฉินขณะที่กำลังวิ่ง ในต่างประเทศก็เช่นกัน หากจะใช้ก็ให้ใช้เพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น สัญญาณไฟฉุกเฉินใช้ในกรณีรถเสียแล้วไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ หรือเมื่อต้องจอดล้ำเส้นออกมาในผิวการจราจร สัญญาณไฟฉุกเฉินนั้นไม่ได้ให้อภิสิทธิ์แก่ผู้ใช้อย่างที่เคยเข้าใจกันไปเอง และเมื่อฝนตกหนักก็ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน ซึ่งอาจทำให้รถร่วมทางเกิดความสับสนขณะที่กำลังวิ่งอยู่ท่ามกลางการมองที่ย่ำแย่ โปรดเข้าใจวิธีการใช้และเปลี่ยนความคิดที่เคยครอบงำทำให้ใช้ไฟฉุกเฉินผิดมาโดยตลอดด้วยเถอะครับ
...
4-สัญญาณไฟสูง
การกะพริบไฟสูงเปรียบเหมือนการแจ้งเตือนคล้ายกับการใช้สัญญาณแตร มักใช้ในเวลากลางคืนแต่ก็ใช้ตอนกลางวันในบางจังหวะจะโคนที่ต้องการเตือนรถที่กำลังจะเลี้ยวกลับรถซึ่งอาจล้ำเข้ามาในเส้นทางที่คุณกำลังขับเคลื่อนอยู่ สัญญาณไฟสูงนอกจากจะเป็นการเตือนให้ระวังแล้วยังใช้เป็นเทคนิคพิเศษเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย ขณะขับรถตอนกลางคืนบนถนนแบบสองเลนสวนกัน การกะพริบไฟเตือนถือเป็นการแจ้งเตือนรถที่แล่นสวนทางมาเพื่อแจ้งให้ทราบหรือให้ระมัดระวัง การกะพริบไฟสูงเหมาะกับทางข้ามยอดเนิน สะพานที่โค้งยาวต่อเนื่องรวมถึงเหลี่ยมมุมโค้งในหุบเขา ใช้ไฟสูงเพื่อเตือนรถที่แล่นสวนมาบนทางที่ค่อนข้างคับแคบ ยกไฟสูงเพื่อตรวจสอบมุมอับ ถนนที่มืดมิดไม่มีไฟส่องสว่างหรือเพื่อตรวจสอบผิวถนนว่ามีอะไรหล่นหรือกองอยู่ เช่น เศษยางรถสิบล้อที่ระเบิด ไม้หนุนรถบรรทุก เศษดินที่รถบรรทุกทำหล่นไว้ การยกไฟสูงต้องระวังไม่ให้ไฟของคุณไปแยงตารถที่แล่นสวนมา หากเห็นว่ามีเพื่อนร่วมทางที่ขับสวนมาก็ต้องรีบตบไฟกลับไปเป็นไฟต่ำเพื่อเพิ่มมุมมองให้กับรถที่แล่นสวนมาด้วยความเร็ว แถมยังช่วยทำให้ปลอดภัยไฟสูงไม่ไปแยงตาจนรถสวนมามองอะไรไม่เห็นแล้วขับเข้ามาในเลนของคุณจนเกิดการประสานงากันขึ้น ไฟสูงยังใช้กะพริบเมื่อต้องการแซงอีกด้วย แต่ไม่ควรเปิดไฟสูงคาใส่รถคันข้างหน้าจากความโมโหที่ไม่ยอมหลบให้แซง หาทางไปเอาเองเถอะครับ อย่าใช้อารมณ์ด้วยการสาดไฟสูงใส่ สุดท้ายอาจตามมาด้วยอุบัติเหตุหรือการทะเลาะเบาะแว้งซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถเลี่ยงได้
...
5-สัญญาณขอบคุณรถคันอื่น
การก้มหัวขอบคุณให้กับรถที่หยุดให้ทางคุณอย่างมีน้ำใจนั้นแทบจะหายไปบนท้องถนนของประเทศไทย แม้จะติดฟิลม์จนมืดราวกับถ้ำหมี หากคุณมีน้ำใจตอบกลับอยากขอบคุณรถที่หยุดให้ทางก็แค่ลดกระจกก้มหัวขอบคุณเค้า หัดทำบ่อยๆ คุณจะรู้สึกดีและเพิ่มความน่าขับให้กับถนนในประเทศนี้ด้วยการมีน้ำใจแบ่งปันให้ทางกับรถที่กำลังจะออกจากซอย รถที่กำลังจะเลี้ยวหรือรถที่ขอทางรอเลี้ยว เสียเวลาแค่นิดเดียวแต่ช่วยทำให้อุบัติเหตุลดลงจากน้ำใจที่แบ่งปันกันบนถนน สุดท้าย สถิติการเสียชีวิตและบาดเจ็บในอันดับต้นๆ ของท้องถนนในประเทศไทยจะได้ลดลงมาบ้าง แค่ก้มหัวขอบคุณหรือยกนิ้วโป้งให้กับรถที่มีน้ำใจนั้นเป็นเรื่องง่ายๆ ที่กำลังจะถูกมองข้าม ฟิลม์ดำก็แค่ลดกระจกขอบคุณเค้าบ้าง ไม่ถึงกับดิ้นตายเพราะเสียศักดิ์ศรีหรอกครับ ขอให้มีความสุขในวันหยุดครับ.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/