ช่วงนี้ค่ายรถยนต์จากประเทศจีนได้ดาหน้ารุกตลาดรถบ้านเราด้วยท่วงทำนองคึกคัก

ล่าสุด “เชอรี่” (Chery) ซึ่งมาจากภาษาจีนที่อ่านว่า “ฉีรุ่ย” (Qíruí) แปลว่า “โชคดี” ซึ่งเป็นหนึ่งในค่ายรถบิ๊กเบิ้มของจีน รัวกลองสนั่นพร้อมเดินหน้าขยายตลาดมายังกลุ่มประเทศอาเซียนมากยิ่งขึ้น

ดังนั้น เมื่อต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ค่ายเชอรี่ ออโตโมบิล (Chery Automobile) จึงได้เชื้อเชิญคณะสื่อมวลชนไทย เข้าร่วมงานเปิดตัวและทดสอบรถยนต์รุ่นใหม่ 2 รุ่น ณ ประเทศมาเลเซีย

ได้แก่ โอโมด้า 5 (OMODA 5) และ ทิกโก้ 8 โปร (TIGGO 8 PRO) โดยเป็นรถที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง

OMODA 5 เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ราคา 108,800-118,800 ริงกิต หรือประมาณ 822,000-897,000 บาท

ส่วน TIGGO 8 PRO ราคา 159,800 ริงกิต หรือประมาณ 1.2 ล้านบาท เป็นรถเอสยูวี

ทั้ง 2 รุ่นมีจุดขายสำคัญนอกจากรูปลักษณ์ที่เฉียบคม ห้องโดยสารภายในกว้างขวาง มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสุดทันสมัยแล้ว ยังโดดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีล้ำสมัย อุปกรณ์ความปลอดภัยครบครันจัดเต็ม

...

ส่วนเหตุผลที่เลือกเปิดตัว ณ ประเทศมาเลเซีย เนื่องจากเป็นประเทศที่ใช้พวงมาลัยขวา ประชาชนยังไม่นิยมรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) มากนัก ทำให้การลงทุนสร้างโรงงานใช้เงินลงทุนไม่มากนัก เนื่องจากเป็นการผลิตเพื่อป้อนลูกค้าในประเทศ และส่งออกไปในกลุ่มอาเซียนที่ใช้พวงมาลัยขวา

“ชอว์น ซู” รองประธานฝ่ายต่างประเทศของเชอรี่ กล่าวว่า ตลาดรถยนต์ในกลุ่มอาเซียน เป็นตลาดที่น่าสนใจ ทำให้ค่ายรถยนต์จากจีน ทยอยเข้ามาเปิดตัวและเจาะตลาดรถยนต์ในอาเซียน โดยเฉพาะตลาดพวงมาลัยขวา ซึ่งถือเป็นโอกาสดีของเชอรี่ที่จะเข้ามาขยายในอาเซียน และประเทศไทย

สำหรับตลาดประเทศไทยถือเป็นตลาดสำคัญ โดยปีหน้า เชอรี่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่น OMODA 5 แต่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรุ่น TIGGO 8 PRO PHEV มีศูนย์ บริการลูกค้า 40-50 แห่งทั่วประเทศ ตามความมุ่งมั่นของเชอรี่ร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมและสอดรับกับกระแสของรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดประเทศไทย

โดยยังอยู่ระหว่างการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนกับบีโอไอ การเจรจากับพันธมิตรร่วมทุน และการศึกษาเงื่อนไขต่างๆ เพราะการลงทุนในไทย จะลงทุนครบวงจร ตั้งแต่ผลิตแบตเตอรี่ ชิ้นส่วนฯ และประกอบรถยนต์ ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV), รถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์รุ่นใช้น้ำมันเป็นพลังงาน

“ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดด้วยความรอบคอบ แต่ขอให้เชื่อมั่นว่ารถยนต์เชอรี่จะเข้ามาลงทุนในไทยเพื่อเป็นฐานการส่งออกไปยังออสเตรเลียและทั่วโลก”.

ดวงพร อุดมทิพย์