แบรนด์ MG เขย่าตลาด EV อีกครั้ง กับสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์อย่างที่ไม่มีมาก่อน ยกระดับรถไฟฟ้าในเมืองไทยเข้าสู่ตลาด Luxury เป็นที่เรียบร้อย โดยการเผยโฉมรถยนต์พลังงาน 100% รุ่นล่าสุด NEW MG MAXUS 9

ความเคลื่อนไหวครั้งยิ่งใหญ่ในการก้าวสู่ทศวรรษที่ 2 ของ MG ดูจะมาครบในทุกมิติล่าสุด MG เปิดเซ็กเมนต์ใหม่โดยการแนะนําสุดยอดยานยนต์ไฟฟ้า NEW MG MAXUS 9 ที่ถือเป็น “สุดยอด e-MPV คันแรกของเมืองไทย” ทั้งงานดีไซน์ ความหรูหรา ความมีเอกลักษณ์กระจังหน้าเป็นแบบ Grille Less Design ตามแบบฉบับรถไฟฟ้า MG ประตูสไลด์ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า ฝากระโปรงท้ายก็เช่นกัน ภายในห้องโดยสาร พรีเมียม หรูหรา วัสดุที่เลือกใช้ให้ผิวสัมผัสที่ดีหลังคา Dual Panoramic Sunroof ขนาดใหญ่ ทําให้ห้องโดยสารดูโปร่ง โล่ง ไม่อึดอัด อีกทั้งยังมี Ambient light ที่สามารถเลือกเปลี่ยนได้มากถึง 64 เฉดสีเพิ่มความสุนทรีย์ให้กับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

ระบบปรับอากาศแยกอิสระด้านหน้าและด้านหลัง สะท้อนการออกแบบที่คํานึงถึงทุกพื้นที่ภายในรถ มาพร้อมกับความสะดวกสบายทุกที่นั่ง ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ด้วยเบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทางจอกลางแบบสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ใช้งานง่าย รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android ให้พลังเสียงแบบรอบด้านด้วยลําโพงมากถึง 12 จุด และไม่พลาดทุกการเชื่อมต่อด้วย ช่อง USB มากถึง 9 ตําแหน่ง เสริมความพรีเมี่ยมด้วยกระจกมองหลังผ่านกล้อง Streaming Media Rearview Mirror กับมุมมองที่หาไม่ได้จากรถทั่วไปของ MG และเบาะแถวที่สองเป็นแบบ VIP Captain Seat ที่ออกแบบมาโดยมีที่นั่ง First Class บนเครื่องบินเป็นแรงบันดาลใจ มีระบบบันทึก ระบบนวดมากถึง 8 โปรแกรม และสามารถปรับระดับอุณหภูมิได้ตามความต้องการ พร้อมโต๊ะที่สามารถพับเก็บได้

นอกจากนี้ในด้านของสมรรถนะและประสิทธิภาพ NEW MG MAXUS 9 เรียกได้ว่าสมฐานะของ e-MPV หนึ่งเดียวในไทย ด้วยขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กําลังสูงสุดที่ 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออน จัดวางแบบ Cell-To-Pack ขนาดความจุ 90 kWh ให้ระยะวิ่งสูงสุด ที่ 540 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC พร้อมรองรับการชาร์จเร็วสูงสุด โดยชาร์จไฟจาก 30%-80% ใช้เวลาเพียง 30 นาที และการชาร์จแบบธรรมดา รองรับการชาร์จสูงสุด โดยชาร์จไฟจาก 5%-100% ในเวลาประมาณ 8 ชั่วโมงครึ่ง พร้อมมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยที่ครบครันที่สุด ด้วยระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ Full Space Frame ถุงลมนิรภัยรอบคัน และระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับสูงอย่าง ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM พร้อมระบบ ADAS รวม มากถึง 25 ระบบ โดย NEW MG MAXUS 9 ได้รับมาตรฐาน ทั้ง EURO NCAP และ AUSTRALIAN NCAP

NEW MG MAXUS 9 ทําตลาดและจัดจําหน่ายในไทย 2 รุ่นย่อย ได้แก่

● รุ่น X – LUXURY ที่มีให้เลือก 2 สีคือ สีดํา และสีขาว จัดจําหน่ายในราคา 2.499 ล้านบาท และ

● รุ่น V – SUPER LUXURY ที่มีให้เลือก 3 สีคือ สีดํา และสีขาว จัดจําหน่ายในราคา 2.699 ล้านบาท และสีพิเศษเทาหลังคาดําแกรนิต เกรย์ เพิ่มอีก 30,000 บาท

อีกหนึ่งความเคลื่อนไหนที่บอกถึงความพร้อม ความมุ่งมั่น และเอาจริงเอาจังของ MG คือการปักหมุดสร้าง NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK เตรียมพัฒนาพื้นที่ภายในโรงงานกว่า 75 ไร่ ให้เป็นพื้นที่พัฒนาชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ร่วมกับพาร์ทเนอร์และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ เพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ในอนาคต ด้วยงบลงทุนมากกว่า 500 ล้านบาท นับเป็นการส่งสัญญาณที่ดีว่าการที่ MG จะมีส่วนสําคัญที่ขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สําคัญแห่งหนึ่งของโลก คนไทยจะมีโอกาสเข้าถึงรถไฟฟ้าได้ง่ายมากยิ่งขึ้นด้วย

เพื่อลดทอนข้อจํากัดของการใช้งานรถไฟฟ้า ทาง MG ยังเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้กับ EV Ecosystem จึงเป็นข้อได้เปรียบของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าของ MG ด้วยสถานี MG SUPER CHARGE STATION ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วกว่า 130 แห่งทั่วประเทศ และศูนย์บริการที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อความอุ่นใจของคนไทยในการใช้รถอีวีของ MG ได้ในทุกพื้นที่

#NewMGMaxus9 #รถยนต์ไฟฟ้า 100% ในรูปแบบ 7 ที่นั่ง (e-MPV) ที่หรูหรา พรีเมียม อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เปิดโอกาสให้คนไทยได้เป็นเจ้าของ และมีประสบการณ์กับรถไฟฟ้ารูปแบบใหม่ สําหรับผู้ที่สนใจดูรายละเอียดได้ที่ https://www.mgcars.com/th/mg-models/new-mg-maxus9/spec