ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยปี 2566 มีแนวโน้มจะขยายตัวอย่างน่าเร้าใจ รับอานิสงส์จากการที่สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ผู้คนเริ่มกลับมาดำเนินชีวิตในสภาวะปกติ ส่งผลให้ประเทศต่างๆ ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยได้กลับมาเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ทำให้เศรษฐกิจกลับมาคึกคัก กำลังซื้อเริ่มกลับมา

โดยในประเทศไทยยังได้ส้มหล่นจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้หวนกลับมาเบ่งบาน ยิ่งหนุนส่งให้เศรษฐกิจเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า

ขณะเดียวกันในปีนี้ยังจะมีการเลือกตั้งใหญ่ในเดือน พ.ค.นี้ จะเป็นตัวเร่งให้มีการจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น

ทำให้เป็นที่คาดการณ์ว่ายอดขายตลาดรถยนต์โดยรวมทุกยี่ห้อและทุกประเภทจะมีถึง 900,000 คัน เพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่แล้ว 6.0% แม้ว่าประเทศไทยในปีนี้จะมีเรื่องน่าห่วงในเรื่องหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องและการส่งออกที่มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะชะลอตัวอันเนื่องมาจากสงครามในยูเครน

การที่ตลาดรถยนต์ในประเทศมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น ทำให้การแข่งขันในตลาดจะยิ่งเพิ่มความแหลมคมและรุนแรง เพราะแต่ละบริษัทรถยนต์จะต้องยกระดับการรุกเข้มในการทำตลาด เพื่อให้ได้ส่วนแบ่งขนมเค้กมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

หมากเด็ดเพิ่มยอดขาย

หนึ่งในหมากเด็ดของการเพิ่มยอดขายรถยนต์ก็คือการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ทั้งที่เป็นรุ่นใหม่แกะกล่องแบบฟูลโมเดลเชนจ์ รวมทั้งการตกแต่งหน้าตาให้ดูใหม่ไฉไลขึ้นกว่าเดิมแบบไมเนอร์เชนจ์ หรือเฟสลิฟต์ รวมทั้งการออกรุ่นพิเศษเฉพาะกิจที่เรียกว่า “ลิมิเต็ด เอดิชัน”

โดยในปีนี้จะได้เห็นรถรุ่นใหม่ๆ ทยอยเปิดตัวกันอย่างคึกคักตลอดทั้งปี แต่ส่วนใหญ่จะเลือกเปิดตัวในช่วงที่มีงานแสดงรถยนต์ระดับยิ่งใหญ่ของไทย ซึ่งมีอยู่ 2 งานใหญ่ด้วยกัน

นั่นคืองานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ หรือที่เรียกกันติดปากว่า “งานมอเตอร์โชว์” จัดโดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) โดยจัดประจำในช่วงปลายเดือน มี.ค.-ต้นเดือน เม.ย.ของทุกปี ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี

และอีกงานคืองานมหกรรมยานยนต์ หรือ “มอเตอร์เอ็กซ์โป” จัดโดยบริษัท สื่อสากล จำกัด จะจัดในทุกช่วงปลายเดือน พ.ย.-ต้นเดือน ธ.ค. และจัดที่ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี เช่นเดียวกัน

อีกหนึ่งหมากเด็ดของการเพิ่มยอดขายหรือกระตุ้นตลาดก็คือการจัดโปรโมชันพิเศษ หรือ อัดแคมเปญส่งเสริมการขายสุดเร้าใจ

โดยส่วนใหญ่หลายบริษัทรถยนต์ได้เลือกที่จะจัดโปรโมชัน หรือแคมเปญพิเศษสุดเร้าใจในช่วงที่มีงานแสดงรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 2 งานนี้ โดยจะจัดพร้อมกันทั้งที่ในบูธของแต่ละบริษัทรถยนต์และที่โชว์รูมรถยนต์ทั่วประเทศ

ดังนั้น จึงถือได้ว่างานแสดงรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ของไทยทั้ง 2 งาน คือ งานมอเตอร์โชว์และงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ล้วนแต่เป็นแม่เหล็กแท่งใหญ่ในการดึงดูดกำลังซื้อรถยนต์ให้เพิ่มความคึกคักมากขึ้นทั้งที่ในงานและตามโชว์รูมรถยนต์ในทั่วประเทศ

สงครามตลาดรถยนต์

สำหรับแนวโน้มของตลาดรถยนต์ในปีนี้ก็คือผู้บริโภคได้ให้ความสนใจกับรถยนต์พลังงานทางเลือกมากขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (รวมทั้งรถยนต์ประเภทไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด) อันเนื่องจากราคาน้ำมันที่ถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคารถยนต์พลังงานไฟฟ้าก็ลดลงอย่างมาก เพราะรัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือในเรื่องราคา และการมีจำนวนสถานีชาร์จไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น

ที่สำคัญพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม ทำให้รถยนต์พลังงานทางเลือก โดยเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ได้กลายเป็นหนึ่งในคำตอบของคนรุ่นใหม่ที่เลือกจะซื้อรถ

ดังนั้น ในช่วงนี้ตลาดรถยนต์บ้านเราจึงจะได้เห็นบริษัทรถยนต์ยี่ห้อใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะแบรนด์รถยนต์จากประเทศจีน ซึ่งมีเข็มมุ่งในเรื่องรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ขณะที่ “เทสลา” เจ้าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจากสหรัฐอเมริกา ยังเข้ามาทำตลาดในไทย

ขณะที่ในส่วนของบริษัทรถยนต์เจ้าเดิมๆ ที่ยึดตลาดรถในไทยเป็นหนึ่งในฐานที่มั่นสำคัญของโลก ก็เริ่มลุกตื่นมาทำตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือก ทั้งที่เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบเต็ม 100% รวมทั้งรถยนต์ประเภทไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด

ส่งผลให้สงครามตลาดรถยนต์ในบ้านเรานับแต่นี้จะเพิ่มความร้อนระอุมากขึ้น!!!