ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 27 เม.ย.60 ปิดที่ 1,566.77 จุด ลดลง 0.70 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 33,298.91 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 608.72 ล้านบาท กองทุนในประเทศซื้อสุทธิ 1,333.53 ล้านบาท โบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 229.87 ล้านบาท รายย่อยขายสุทธิ 954.68 ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด JAS ปิด 8.60 บาท ลบ 0.20 บาท, BANPU ปิด 19.50 บาท บวก 0.20 บาท, IRPC ปิด 5.70 บาท บวก 0.10 บาท, ADVANC ปิด 175 บาท ลบ 0.50 บาท และ AOT ปิด 40.75 บาท ลบ 0.75 บาท

“พิเชษฐ สิทธิอำนวย” กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง ระบุว่า เหตุที่ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ยังแกว่งตัวแคบๆในกรอบ 1,560-1,580 จุด ขณะที่ปริมาณการซื้อขายเบาบางติดต่อกันกว่า 2 เดือน เนื่องจากหุ้นไทยไม่มีข่าวดีใหม่ๆเข้ามาหนุนให้เป็นขาขึ้น ส่วนปัจจัยลบเดิมๆ ต้องรอดูสถานการณ์ในต่างประเทศ

แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังจะมีบรรยากาศที่ดีขึ้นจากราคาน้ำมันที่กลุ่มโอเปคและนอกโอเปคตกลงกันทำให้ราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 55-60 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล

หุ้นที่โดดเด่นช่วงนี้จึงเป็นกลุ่มปิโตรเคมี และพลังงาน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วเริ่มมีราคาที่ตึงตัว ทำให้นักลงทุนยังเลือกนำเงินเข้ามาลงทุนในตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ รวมทั้งไทยที่จะได้รับอานิสงส์ด้วย

ทั้งนี้ คาดการณ์ดัชนีปลายปี 60 จะอยู่ที่ 1,627 จุด ในระดับราคาปิดต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (พีอี) ที่ 15.8 เท่า

ขณะที่ผลการดำเนินงานของ บล.บัวหลวงปี 59 มีรายได้ 3,219 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,072 ล้านบาท คาดว่าปี 60 จะมีกำไรและรายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน แม้ช่วง 2 เดือนแรกของปีปริมาณการซื้อขายอยู่ในระดับต่ำ ตั้งเป้ารักษาส่วนแบ่งรายได้จากกลุ่มอุตสาหกรรมโบรกเกอร์ที่ 6-7% จากปีก่อนหน้าทำได้ 7.23% และจะเพิ่มลูกค้าใหม่อีก 4-5 หมื่นรายจากปัจจุบันอยู่ที่ 2.46 แสนราย

...

โดยมีกลยุทธ์คือขยายฐาน ให้การศึกษา เพิ่มเทคโนโลยีใหม่ให้ลูกค้าและไม่ลดราคาค่าคอมมิชชั่นสู้กับอุตสาหกรรม!!

อินเด็กซ์ 51